เผย Dimensity 2000 จัดการพลังงานดีกว่า Snapdragon 898 ถึง 25% คาด AnTuTu เกิน 9 แสน

MediaTek ถือว่ากอบกู้ชื่อเสียงตนเองมาได้ดีพอสมควรเมื่อหนึ่งถึงสองปีที่ผ่านมา หลังจากเปิดตัวชิปเซ็ตซีรีส์ Dimensity 1000 และ 1200 ไป ต้นทุนไม่สูงเท่ากับคู่แข่ง จนถึงขั้นบางเดือนก้าวขึ้นมาติดอันดับหนึ่งแซงหน้า Qualcomm ในเรื่องของ Market Share เลยก็มี ล่าสุดมีรายงานว่า ชิปเซ็ตเรือธงรุ่นต่อไปของพวกเขาอย่าง Dimensity 2000 จะเดินทางมาเปิดตัวในช่วงสิ้นปีนี้ และมีการจัดการพลังงานที่ดีกว่า Snapdragon 898 ชิปตัวกลั่นของคู่ปรับตลอดกาล

สื่อจากจีนเปิดเผยว่า ชิปเซ็ต Dimensity 2000 ว่าที่ตัวระดับไฮเอนด์รุ่นใหม่ของ MediaTek จะมีภาพรวมในการกินไฟที่น้อยกว่า Snapdragon 898 อยู่ประมาณ 20 – 25% ซึ่งถือว่าเป็นตัวแรงที่สูงมาก ๆ และแม้ว่าจะกินไฟน้อย แต่ประสิทธิภาพก็ไม่ลดหลั่นตาม เพราะแหล่งข่าวบอกว่า Dimensity 2000 จะเป็นหนึ่งในชิปตัวแรงตัวหนึ่งในตลาดชิปเซ็ตของปี 2022 ที่จะถึงนี้

คาดว่า MediaTek จะเปลี่ยนมาใช้สถาปัตยกรรม ARMv9 ใส่เข้าไปไว้ในชิป Dimensity 2000 เพื่อเพิ่มศักยภายโดยรวม ใช้ Configuration CPU แบบเดียวกันกับ Qualcomm ส่วน GPU อาจมีแรงกว่าอีกด้วย แต่ทั้งนี้แหล่งข่าวได้ระบุว่า บริษัทฯ อาจจะเปิดตัวชิปรุ่นนี้มาในปริมาณที่น้อย ๆ ก่อนสิ้นปีนี้ เพื่อที่จะดูว่าการตอนสนองของตลาดเป็นยังไง ถ้าทุกอย่างออกมาโอเคตามที่คาดหวังไว้ ปีหน้าอาจจะเข้าสู่ขั้นตอนการผลิตแบบเต็มกำลัง

ก่อนหน้านี้ DroidSans เพิ่งจะอธิบายสเปคและฟีเจอร์ของ Dimensity 1200 ชิปเรือธงตัวปัจจุบันของ MediaTek ที่มีพัฒนาการดีขึ้นกว่าเดิมมาก ๆ เมื่อเทียบกับในช่วง 5 – 6 ปีก่อนให้หลัง

แน่นอนการปรับมาใช้สถาปัตยกรรม ARMv9 หรือพูดง่าย ๆ คือ Cortex-X2 เป็นตัว Prime Core อาจทำให้ Dimensity 2000 ทำคะแนน AnTuTu ทะลุหลัก 9 แสนก็เป็นไปได้ แต่ถึงอย่างไร ตรงนี้คู่แข่งคนสำคัญอย่าง Qualcomm กลับมีโปรเจกต์ทะลุล้าน ซึ่งหากมองในแง่การใช้งานจริง ๆ คะแนนพวกนี้แทบจะไม่ต่างอะไรกันมาก จะเก้าแสนหรือจะล้าน ใช้งานจริง ๆ แทบจะไม่เห็นความแตกต่างอย่างมีนัยยะสำคัญเท่าไหร่

ลือ TSMC รับหน้าที่ผลิตชิปเซ็ต Dimensity 2000 ให้กับ MediaTek คาดว่าจะใช้สถาปัตยกรรมตัวใหม่ขนาด 4 นาโนเมตร 

MediaTek น่าจะพึ่งพาบริการ TSMC ในการผลิตชิปเซ็ต Dimensity 2000 ในครั้งนี้เหมือนเดิม และคาดว่าน่าจะผลิตบนพื้นฐานสถาปัตยกรรมขนาดเล็ก 4 นาโนเมตร เหมือนกับคู่แข่ง Qualcomm นั่นเอง

ที่มา: gizchina