จากรายงานประจำปี 2564 ที่ Meta ยื่นต่อ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ในอเมริกา กลายเป็นประเด็นน่าสนใจเมื่อมีส่วนหนึ่งของเอกสารที่บริษัทฯ ระบุว่า Facebook และ Instagram อาจต้องปิดการให้บริการในยุโรป หลังคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลตัดสินว่า “การนำข้อมูลจากเซิร์ฟเวอร์ในยุโรปไปใช้ในสหรัฐฯ” ขัดต่อกฎระเบียบให้ความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้บริโภค หรือที่เรียกย่อ ๆ ว่า GDPR

เป็นที่ทราบกันดีว่า รายได้หลักของ Meta มาจากธุรกิจโฆษณา ซึ่งการยิงโฆษณาให้ได้ตรงตามกลุ่มเป้าหมายนั้นต้องอาศัยการเก็บข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งาน โดยบริษัทฯ ระบุว่า หากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ในปีนี้จะส่งผลกระทบเชิงลบต่อสถานะทางการเงินและการดำเนินการอย่างมีนัยสำคัญ ถึงขั้นเลวร้ายที่สุดคงต้องยุติให้บริการ Facebook และ Instagram ในยุโรป

ประเด็นเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวบนโลกอินเทอร์เน็ตเริ่มได้รับการตระหนักถึงความสำคัญและถูกหยิบยกมากล่าวถึงบ่อยครั้งในช่วงหลัง และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Meta ต้องเป็นเดือดเป็นร้อนจากเรื่องดังกล่าว เพราะก่อนหน้านี้ที่ Apple ได้เพิ่มฟีเจอร์ App Tracking Transparency เข้ามาใน iOS 14.5 ทำให้ Facebook และ Instagram ถึงขั้นต้องขึ้นป๊อปอัปเชื้อเชิญให้ผู้ใช้งาน “ยอมอนุญาตให้สิทธิในการติดตามข้อมูล” แต่ไม่ใช่ผู้ใช้งานทุกคนจะยินดีทำตาม โดยหลังจากนั้นมีรายงานออกมาเมื่อเดือนพฤศจิกายนว่า รายได้บริษัทฯ หดหายไปถึง 13.1%

ทั้งนี้ หาก Facebook และ Instagram ในยุโรปต้องปิดตัวลงจริง ๆ อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจอื่น ๆ เป็นวงกว้าง ต้องรอติดตามดูต่อไปว่า สุดท้ายแล้วบทสรุปจะลงเอยเช่นไร

 

ที่มา : Meta จาก Mashable SEA