ทุกวันนี้ microSD ยังคงเป็นที่นิยมในท้องตลาดมากกว่าการใช้ Cloud Storage ในการเก็บข้อมูล แม้ว่าโทรศัพท์หลายๆ รุ่น จะไม่มีสลอต microSD มาให้แล้ว หรืออีกหลายๆ รุ่น ก็ต้องแชร์กับช่องใส่ซิมการ์ด แต่ความนิยมยังคงไม่ลดลงไปจากเดิม แต่ด้วยความที่ หายง่าย พังง่าย #ไม่ใช่ละ ด้วยความที่ microSD ยังสะดวกในการถ่ายโอนไฟล์ หรือเก็บไฟล์ที่มีขนาดใหญ่เกินกว่าการจัดเก็บในตัวเครื่องหรือบน Cloud Storage และใช้ได้กับหลากหลายอุปกรณ์ ตั้งแต่เครื่องเล่น mp3 ตามตลาดนัด วิทยุ กล้องหน้ารถ กล้องวงจรปิด กล้องถ่ายรูป โทรศัพท์ เครื่อเล่นเพลง Hi-Res ไปยันข้อมูลลับระดับหายนะโลกในหนัง Action จึงทำให้มี microSD ออกมาขายในหลากหลายความจุ หลากหลายราคา

และแน่นอน ด้วยความที่ microSD นั้นมีราคาค่อนข้างสูงในรุ่นความจุเยอะๆ หรือรุ่นที่ความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลสูง ทำให้เกินสินค้าลอกเลียนแบบขึ้นมา (ปลอมนั่นเอง) หลายคนตกเป็นเหยื่อด้วยความไม่รู้ หลายคนตกเป็นเหยื่อด้วยความโลภ (ความจุเยอะราคาถูก) สุดท้ายผู้โชคร้ายเหล่านี้ก็ต้องเสียเงินฟรีให้กับผู้ขาย แล้วก็ต้องซื้อใหม่ วนเวียนอยู่แบบนี้

สืบเนื่องจากเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมได้ไปมีส่วนร่วมในโพสต์ดราม่าในเฟซบุ๊คกลุ่มหนึ่ง ซึ่งมีคนมาขาย USB-OTG ความจุ 512 GB เป็นแบบ USB2.0 ไม่ได้ระบุยี่ห้อบนฉลากหรือตัวผลิตภัณฑ์ ในราคา 7xx บาท ซึ่งในความเป็นจริงนั้น ราคานี้ คงไม่ได้ความจุขนาดนี้แน่ๆ สมาชิกในกลุ่มจึงท้าให้คนขายพิสูจน์ 512 GB จริงหรือลวง!! คนขายก็ได้แต่บอกว่ารอดูรีวิว หลังจากนั้น คนขายก็ออกไปจากกลุ่มอย่างเงียบๆ โดยไม่มีรีวิวอะไรนอกจากถ่ายวีดีโอมาให้ดูว่าเปิดอ่านและเล่นไฟล์ MKV ได้ (เกี่ยวกันไหม) หลังจากนั้นผมจึงได้ศึกษาราคาอุปกรณ์เก็บข้อมูลต่างๆ ในปัจจุบัน (ไม่ได้ซื้อมาซะนาน) พบว่า microSD และ OTG flashdrive นั้นมีความจุปลอมอยู่มากมาย อยู่บนเว็บซื้อขายออนไลน์ทั่วไป ทั้งเว็บไทย เว็บนอก โดยเฉพาะความจุ 32 GB ขึ้นไป ด้วยราคาที่ถูกแสนถูก (1 TB แบงค์พันมีทอน 5555++) และได้พบบทความหนึ่งจากต่างประเทศเกี่ยวกับเรื่อง microSD ปลอมพอดี จึงอยากเขียนบทความนี้ขึ้นมาเตือนใจใครหลายๆ คน ที่กำลังเล็งหาของถูกและดี เพราะสิ่งที่คุณกำลังจะเก็บไว้ใน microSD การ์ดนั้น อาจจะเป็นความทรงจำดีๆ ของคุณ ถ้ามันเสียมากลางทาง คงไม่ดีแน่ๆ แต่ที่แน่ๆ ยังพบเห็นคนที่หลงเชื่อและซื้อของปลอมได้ทั่วไปโดยเฉพาะจากร้านค้าออนไลน์หรือพ่อค้าแม้ค้าที่ขายอยู่ตามหน้าเฟซบุ๊ค

ในบทความนี้ขอพูดถึง microSD อย่างเดียวแล้วกัน ส่วน  OTG และแฟรชไดรฟ์ทั่วๆไป น่าจะพอใช้อ้างอิงกันได้

 

ในทางเทคนิค microSD ปลอมต่างจากของแท้อย่างไร
1. ความจริงอาจจะ 8GB แต่บนฉลากระบุไว้ว่า 64GB : แม้แต่เคื่องคอมพิวเตอร์ ก็อาจจะเห็นถึง 64 GB จริง ด้วยเทคนิคบางอย่าง การเขียนข้อมูลในส่วนที่เกิน 8GB มานั้น สามารถเขียนได้ โดยอาจจะเขียนทับกับของเดิมไปเรื่อยๆ และเมื่อคุณจะนำไฟล์เหล่านั้นออกมา ปิ้งงงง กลายเป็นข้อมูลที่เสีย
2. ความเร็วในการอ่าน/เขียน : แน่นอนว่าของปลอม อ่านและเขียนช้ากว่าอยู่แล้ว ด้วยเทคโนโลยีที่ใช้ (ถ้ามันทำเร็วเท่าพวกของแท้ได้ มันคงสร้างแบรนด์ของตัวเองขึ้นมาและทำขายเองไปแล้ว ไม่มาแฝงร่างอยู่ในของปลอมหรอก) เมื่อนำไปใช้ จะพบปัญหาต่างๆตามมา เช่น พาเครื่องช้า อืด ฯลฯ

microSD 512 GB ปลอมบน ebay ราคาไม่ถึง $10

 

microSD ปลอมเป็นอย่างไร
1. ดูด้วยตาเปล่า : ถ้าคุณมีของแท้อยู่ในมือ คุณสามารถเทียบความต่างได้ตั้งแต่คุณภาพแพคเกจจิ้ง รวมถึงบนตัวผลิตภัณฑ์เอง การพิมพ์รายละเอียดบนผลิตภัณฑ์อาจจะไม่ชัดเจน ฟอนต์ไม่เหมือนกัน 100%
2. โนเนม : ไม่มียี่ห้อระบุ ความจุสูงเกินจริงเมื่อเทียบกับราคา
3. เหมือนเปี๊ยบจนต้องร้องขอชีวิต!! : กรณีนี้คุณอาจจะต้องพึ่งพาสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างโปรแกรมตรวจสอบต่างๆ เข้ามาช่วย (โปรแกรมตรวจสอบมีให้ดาวน์โหลดที่ท้ายบทความ)

บางครั้ง microSD ที่แถมมาจากร้านตอนซื้อเครื่อง หรือแถมมาในกล่องเลย อาจจะไม่มียี่ห้อ ระบุแค่คลาสและความจุ ซึ่งอาจจะเป็นของแท้จริงๆ ความจุและความเร็วจริงๆ ตามที่ระบุบนการ์ด แต่อาจจะเป็นเกรดของแถม อาจพังง่ายนิดนึง แต่ก็พอใช้ได้

จะหลีกเลี่ยงการซื้อของปลอมได้อย่างไร
1. ใช้คอมมอนเซนส์ในการซื้อ : เลือกซื้อจากร้านที่ไว้ใจได้ หรือร้านที่ศูนย์รับรองโดยตรง หรือตัวแทนอย่างเป็นทางการ อย่าหลงเชื่อเพียงเพราะคนซื้อร้านนี้เยอะเลยซื้อตามมั่ง หากร้านที่ว่าไว้ใจได้หรือได้รับการรับรองขายของปลอม ก็จัดการลงพันทิป ร้องเรียนสคบ.ซะ อย่าลืมร้องเรียนไปยังบริษัทที่นำสินค้าเข้ามาด้วย
2. โปรดระวังเป็น 2เท่า เมื่อซื้อสินค้าจาก online market : เช่น ebay AliExpress Lazada หรือแม้กระทั่งตามเว็บบอร์ดขายของต่างๆที่มักจะมีผู้แอบแฝงขายของปลอมในราคาที่ถูกเกินจริง

ในปัจจุบันนี้ microSD ของ SanDisk ที่ความจุ 200 GB คือความจุที่เยอะที่สุดที่มีขายกันในปัจจุบันนี้ สนนราคาประมาณ $99.99 (3xxx บาท) จาก BestBuy.com การที่สามารถหาซื้อ 512GB, 1TB ในราคาไม่ถึงพันบาท ล้วนเป็นของปลอมทั้งนั้น รวมทั้งความจุที่ต่ำกว่านี้ที่ราคาถูกกว่าอย่างมีนัยสำคัญ

ถ้าซื้อมาแล้ว จะเช็คได้อย่างไรว่าปลอมหรือไม่
1. แกะออกมาดูสภาพภายนอก ตัวอักษรชัดเจนมั๊ย แอบมีหมึกเลอะเทอะหรือเปล่า
2. ใช้โปรแกรมจำพวก H2testw, FakeFlashTest ฯลฯ โดยโปรแกรมพวกนี้จะทำการเขียนไฟล์จนเต็มแล้วอ่านออกมา มันจะฟ้องเลยว่าความจุไม่เต็มและจะเห็นความจุจริงทันที
3. ใช้แอพ SD Insight เช็คข้อมูลการ์ด


แอพ SD Insight ผู้ทำให้มนุษย์โลกมองเห็นสัจธรรม

ตัวอย่างของแท้ ปะทะ ของปลอม


แพคเกจจิ้ง Kingston 64 GB ปลอม(ซ้าย) กับแท้(ขวา)


Samsung แท้ (ซ้าย) และปลอม (ขวา)

โปรแกรมที่ใช้ในการตรวจสอบ สามารถดาวน์โหลดได้ที่นี่
SD Insight (Android)
H2testw (Windows)
FakeFlashTest (Windows)

การใช้ microSD ปลอม อาจทำให้คุณสุญเสียข้อมูลไปอย่างไม่มีวันกลับ

 

แหล่งข้อมูล :
1. phonearena.com : Beware of fake microSD cards! Here’s how to tell a counterfeit from the original
2. raymond.cc : 4 Tools to Test and Detect Fake or Counterfeit USB Flash Drives
3. BestBuy.com : SanDisk – Ultra 200GB microSDXC Class 10 UHS-I Memory Card – Black

รูปภาพ
1. Wikimedia Commons File:Micro_SD_card_(Nokia)_back.jpg
2. phonearena.com : Beware of fake microSD cards! Here’s how to tell a counterfeit from the original