สมาร์ทโฟนดูทีวีได้ ถ้าลองใครได้ยินคำนี้ขึ้นมาแน่นอนว่าต้องนึกถึง i-mobile แต่ช่วงหลังๆ มานี้ทางค่ายได้ค่อยๆ ขยับออกจากตลาดมือถือไปแล้ว และใครที่ยังมองหาสมาร์ทโฟนที่ดูมือถือได้วันนี้เราขอแนะนำ Asus Zenfone Go TV เมื่อแบรนด์อินเตอร์หันมาทำสมาร์ทโฟนดูดิจิตอลทีวีได้ ในราคา 5,990 บาท มันคุ้มค่าไหม ดูทีวีได้นานแค่ไหน มาชมรีวิวกันเลย

ออกตัวก่อนว่ามีเวลาเล่นเครื่องแค่วันกว่าๆ เพราะสอยมาให้คนที่บ้าน เลยต้องขอจัดทำเป็นมินิรีวิวหรือรีวิวฉบับย่อ เจาะเน้นไปที่ฟีเจอร์การดูทีวีเป็นหลัก เพราะเชื่อว่าหลายๆ คนน่าจะคุ้นเคยกับ Zenfone กันดีอยู่แล้ว ทั้งหน้าตา UI และรูปแบบการใช้งาน

สำหรับ สเปค Asus Zenfone Go TV ก็ตามนี้เลยครับ

  • Android 5.1
  • หน้าจอ IPS HD ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด 1280×720 Corning® Gorilla® Glass 3
  • หน่วยประมวลผล (CPU) Qualcomm Snapdragon 400 MSM8928 Quad Core 1.4GHz
  • หน่วยประมวลผลกราฟิค (GPU) Adreno 306 / 405 GPU
  • ชิปดิจิตอลทีวี SONY SMT-EW100 รับสัญญาณ DVB-T, DVB-T2, DVB-T2 Lite, ISDB-T, ISDB-Tmm
  • ROM 32GB
  • RAM 2GB
  • รองรับ Micro SD สูงสุด 64 GB
  • กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล Auto Focus
  • กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล
  • ASUS ZenUI 2.0
  • แบตเตอร์รี่ 3010 mAh
  • สี Glacier Gray / Sheer Gold / Silver Blue
  • ราคา 5,990 บาท 

 

=แกะกล่องเช็คของ Asus Zenfone Go TV=

หน้าตากล่องบอกชัด ว่าเป็น Zenfone Go TV บนตัวเครื่องมีข้อมูลการใช้งานเพื่อรับชมดิจิตอลทีวีบนซองพลาสติก โดยต้องเชื่อมต่อเสาสัญญาณที่มีแถมมาให้เป็นหลัก และถ้าจะใช้หูฟัง smalltalk ด้วยก็ให้ต่อผ่านเสาสัญญาณอีกที

อุปกรณ์ภายในกล่องทั้งหมดก็มี Zenfone Go TV, หม้อแปลง, สาย Micro USB, เสารับสัญญาณดิจิตอลทีวี, ชุดหูฟัง small talk แบบ in-ear, จุกหูฟัง, คู่มือการใช้งาน

หม้อแปลงเป็นแบบปกติ จ่ายไฟ 5V 1A ตัวเครื่อง Zenfone Go TV ไม่รองรับการชาร์จเร็วนะครับ 

สิ่งที่ขาดไม่ได้และต้องเช็คว่ามีในกล่องคือเสารับสัญญาณดิจิตอลทีวี หน้าตาเป็นเส้นๆ แบบนี้แหละครับ บอกเลยว่าใช้หูฟังทั่วไปแทนไม่ได้ รับสัญญาณได้ต่างกันมาก เพราะฉะนั้นก็ระวังอย่าให้หาย (ยังไม่รู้เลยว่าทาง Asus มีขายมั้ย ถ้าเกิดใครทำหายขึ้นมาจะไปหาซื้อจากไหนหว่า)

เวลาเอาเสาสัญญาณมาเสียบกับตัวเครื่องก็จะมีหน้าตาแบบนี้ คือเสียบลงไปที่ช่องหูฟัง 3.5 มม นั่นแหละครับ โดยปลายอีกด้านก็ให้เราเอาหูฟังมาเสียบอีกที

 

=งานออกแบบและดีไซน์ตัวเครื่อง=

เปิดตัวเครื่องขึ้นมาก็พบกับ Zen UI 2.0 ที่คุ้นเคยกันดีสำหรับสาวก Zenfone หน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด HD, กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล

(หลังๆ มานี่ผมไม่ค่อยชอบ Zen UI เท่าไหร่นัก เพราะชอบใส่แอพมาเยอะแยะมากมาย ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ตัว ROM โล่งๆ ลื่นๆ กำลังดี แต่ตอนนี้ดูรกไปหน่อย หวังว่าจะปรับปรุงใหม่ใน Zenfone 3 นะ)

ดีไซน์ตัวเครื่องนั้นยึดรูปแบบของ Zenfone 2 มาเลย จริงๆ ก็เหมือนกับ Zenfone Go รุ่นอื่นๆ นั่นแหละ แต่เผื่อบางคนไม่เคยเห็นหรือไม่ได้ใช้ Zenfone Go มาก่อน กล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมออโต้โฟกัส มี Dual LED 2 สี ถัดลงมาคือปุ่มปรับเสียง

ด้านบนตัวเครื่องมีไมค์ตัดเสียง ถัดมาคือปุ่มพาวเวอร์ และช่องหูฟัง 3.5 มม ส่วนด้านล่างก็เป็นไมโครโฟนสนทนาและช่อง Micro USB

เมื่อแกะฝาหลังออกมาดูช่องใส่ซิมต่างๆ ก็พบว่า Zenfone Go TV สามารถถอดแบตได้นะครับ (ไม่เหมือนกับ Zenfone Max ที่ตัวนั้นแกะแบตไม่ได้นะ จะพังเอา)

ความจุแบตเตอรี่ของ Zenfone Go TV มีอยู่ 3010 มิลลิแอมป์ เดี๋ยวเราจะมาพิสูจน์กันว่ามันสามารถดูทีวีได้นานกี่ชั่วโมง

ตัวเครื่องรองรับการใช้งาน 2 ซิม (Netcom 2.0 4G+3G / 2G) ช่องซิม 1 อยู่ทางขวา (Micro SIM) ส่วนช่องซิม 2 อยู่ซ้ายบน (Micro SIM) ซ้ายล่างเป็นช่อง microSD

 

=UI ฟีเจอร์เสริม การใช้งาน และประสิทธิภาพ=

ปุ่มสัมผัสด้านล่าง 3 ปุ่มจากซ้ายไปขวา ปุ่มย้อนกลับ ปุ่มโฮม และปุ่มแอพล่าสุด (กดค้างใช้จับภาพหน้าจอ) 

Zenfone Go TV ยังมาพร้อมกับ gesture ต่างๆ เช่นการเคาะหน้าจอติด ไม่ต้องเอื่อมไปกดปุ่มเปิดปิดด้านบน

จอ 5.5 นิ้วอาจจะใหญ่เกินไปในการใช้งานมือเดียว เอาจริงๆ ตัวเครื่อง Zenfone Go TV มันก็หนาด้วยแหละ ซึ่ง Asus ก็มี One-Hand Mode มาให้ใช้งาน แค่กดปุ่ม Home สองครั้งมันก็จะย่อจอลงมาให้เราใช้งานได้ง่ายขึ้นแบบนิ้วโป้งเอื้อมถึง ถ้าจะกลับไปเต็มจอก็กดปุ่ม Home อีก 2 ครั้ง

ลองทดสอบ Benchmark ดูคะแนนสักหน่อย เนื่องจากชิปที่ใช้เป็น Snapdragon 400 ก็คงจะไม่ได้แรงอะไรมากมาย แต่ก็เพียงพอกับการใช้งานทั่วไป

 

=กล้องและภาพถ่าย Zenfone Go TV=

โหมดการถ่ายภาพต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น HDR, Beauty, Panorama, Low Light และโหมดอื่นๆ นั้นให้มาครบครับ ไม่แพ้รุ่นท็อปของค่าย 

ความละเอียดภาพสูงสุด 13 ล้านพิกเซล บันทึกวิดีโอได้สูงสุดที่ความละเอียด Full HD เวลาถ่ายภาพจนถึงเซฟรูปมีดีเลย์นิดหน่อย กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซลมี Beauty ปรับแต่งความเนียนได้ 

 

 =เจาะฟีเจอร์ดูทีวี Zenfone Go TV= 

มาถึงฟีเจอร์สำคัญของ Zenfone Go TV นั่นก็คือการใช้มันรับชมดิจิตอลทีวีซึ่งเราจะใช้แอพ SoloTV ที่เห็นอยู่บนหน้าจอนั่นแหละครับเป็นแอพในการรับชม

แต่ก่อนอื่นก็ต้องเสียบเสารับสัญญาณซะก่อน ถ้าไม่เสียบมันจะสแกนหาคลื่นไม่เจอหรือสัญญาณอ่อนนั่นเอง 

เปิดแอพมาครั้งแรกก็ต้องทำการเลือกประเทศที่เราจะใช้งาน  

เปลี่ยนเป็นประเทศไทย บ้านเราใช้คลื่น DVB-T2 ก็เลือกไปตามนั้น จากนั้นก็กด Scan เพื่อทำการค้นหาช่องรายการต่างๆ 

สแกนไปเรื่อยๆ ใช้เวลาไม่ถึง 5 นาทีก็รับสัญญาณมาได้ 31 ช่องครับ จากนั้นเราก็สามารถถรับชมดิจิตอลทีวีได้แล้ว

อ~ร๊~า~ง

เลือกช่องที่จะดูได้ตามสบาย สีฟ้าๆ ที่เป็นแถบขึ้นมานั่นเป็นการบอกว่ารายการที่เล่นอยู่นั้นเล่นมากี่นาทีแล้ว ใกล้จะจบหรือยัง 

 

 

 

 

 

 

 

 

=ทดสอบ Zenfone Go TV เน้นดูทีวีกินแบตมากมั้ย=

เนื่องจากมันมีฟีเจอร์ดูดิจิตอลทีวีเป็นจุดขาย เพราะฉะนั้นเราก็ขอทิ้งท้ายด้วยการทดสอบดูทีวียาวๆ แบบตั้งทิ้งเอาไว้ก่อนไปกินข้าวเที่ยงครับ โดยเราตั้งค่าเครื่องทดสอบ Zenfone Go TV เอาไว้แบบนี้

  • ความสว่างหน้าจอ 50% (ปกติคงดูทีวีกันในร่มอะนะ เลยเอาความสว่างเท่านี้พอ)
  • ใส่ซิมเอาไว้ในเครื่อง (ก็มันเป็นมือถือหนิ เผื่อใครโทรมา)
  • เปิด WiFi

เวลาที่เริ่มทดสอบคือ 13:30 มีแบตเตอรี่คงเหลือ 98% ว่าแล้วเราก็เปิดทีวีค้างเอาไว้

หลังจากจัดการกับข้าวเที่ยงเสร็จแล้ว กลับมาเวลา 14:19 ก็ขอปัดไปเป็น 14:20 เลยละกัน ผ่านมา 50 นาที แบตเตอรี่คงเหลือ 84% หักลบกันก็หายไป 14% ครับ ถ้าคำนวนคร่าวๆ Zenfone Go TV นั้นสามารถดูทีวียาวนานต่อเนื่องได้ราวๆ 5-6 ชั่วโมง (ที่ความสว่างหน้าจอ 50%) ซึ่งถ้ามีการปรับความสว่างหน้าจอให้มากขึ้นไปอีก เวลาในการรับชมก็น่าจะลดหลั่นลงไปครับ

หลังจากวางจำหน่ายครั้งแรกไปในงาน Mobile Expo ตอนนี้ Asus Zenfone Go TV ก็เปิดวางขายทั่วไปเรียบร้อย ใครที่สนใจก็ไปลองไปซื้อกันได้ตามสะดวก