สวัสดีครับเพื่อนๆชาว Droidsans ทุกท่าน วันนี้ผมมือถือ Android ฝาพับสองจอ สองซิม จากญี่ปุ่น ยี่ห้อ FREETEL รุ่น MUSASHI ที่เพิ่งวางจำหน่ายเมื่อวันที่ 26 มีนาคมที่ผ่านมาในญี่ปุ่น เลยขอจัด Mini Review หรือรีวิวฉบับย่อให้ทุกท่านได้อ่านกันครับ

รู้จักกับ FREETEL คร่าวๆ ก่อน

หลายๆท่านอาจจะไม่รู้จักยี่ห้อ FREETEL มาก่อนเลย เนื่องจากเป็นบริษัทที่เพิ่งตั้งขึ้นมาใหม่ในปี 2012 นี้เอง หลังจากนั้นช่วงปลายปี 2013 จึงเริ่มทำมือถือขาย รวมถึงยังเป็น MVNO (ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือที่เช่าเครือข่ายบริษัทอื่นใช้) อีกด้วย

โทรศัพท์มือถือของ FREETEL

ถึงแม้ FREETEL จะเป็นบริษัทญี่ปุ่นแท้ๆ และทางบริษัทก็มี Slogan ว่า Made By Japan แต่ส่วนตัวของผู้เขียนแล้ว มองว่าบอกได้ไม่เต็มปากนัก ว่าเป็นมือถือญี่ปุ่นแท้ๆ เนื่องจากถ้าดูจาก Design แล้วก็คงจะเดาไม่ยากเลย ว่าเป็น OEM มาจากจีนแน่นอน แต่ก็มีการปรับ Design รวมถึง Spec. น้อยบ้าง เยอะบ้างแล้วแต่รุ่น

มือถือฝาพับ Android

นานๆที เราจะเห็น Android ที่เป็นฝาพับออกมาซักรุ่นหนึ่ง ซึ่งจนถึงปัจจุบัน ไม่เคยมีรุ่นใดขายในไทยเลย เริ่มตั้งแต่ SHARP 007SH(ขายในญี่ปุ่นเท่านั้น), SAMSUNG GALAXY W789 (ขายในจีนเท่านั้น), SAMSUNG GALAXY GOLDEN (ขายในเกาหลีใต้ จีน และฮ่องกง), LG WINE SMART (ขายในเกาหลีใต้ และใต้หวัน), LG LOLLIPOP SMART (ขายในเกาหลีใต้เท่านั้น), LG GENTLE (ขายหลายประเทศ แต่ในยุโรปจะใช้ชื่อว่า LG WINE SMART), SAMSUNG GALAXY FOLDER (ขายในเกาหลีใต้เท่านั้น), SAMSUNG GALAXY G9198 (ขายในจีนเท่านั้น), นอกจากนี้ก็ยังมี Brand อื่นๆที่ขายในจีนเท่านั้นอีกหลาย Brand อย่าง Philips, Lenovo, Gionee, Daxian

เกริ่นก่อนเข้าเรื่อง กับ FREETEL MUSASHI

จากข้อสันนิษฐานด้านบนที่บอกว่า FREETEL น่าจะสั่งมือถือ OEM มาจากจีน ทางผู้เขียนจึงได้ไปลองสืบดูว่า MUSASHI มี Design หรือ HARDWARE ตรงกับรุ่นไหนของจีนบ้าง ผลปรากฎว่าไม่มีแม้แต่รุ่นเดียว (หลังเครื่องมีเขียนว่าผลิตโดยโรงงานของ FREETEL ใน HUIZHOU) ในเรื่อง Design ต้องยอมรับว่าได้แรงบันดาลใจจาก SAMSUNG GALAXY GOLDEN มาเต็มๆ ในส่วนของด้านหน้าและหลัง ซึ่งก็มี Android แบรนด์จีนหลายๆเจ้ายืมไปใช้ 

SPEC เครื่อง

  • OS: Android5.1
  • หน้าจอ: 4.0inch 800 × 480 (WVGA) ทั้งหน้า+หลัง
  • CPU: MT6735M Quad core 1.0GHz
  • Memory: RAM 1GB, ROM 8GB (เพิ่ม MicroSD ได้ 128GB)
  • กล้อง: 8ล้าน (หลัง) 2ล้าน (หน้า)
  • Battery: 2,000mAh
  • ซิมการ์ด: 2ซิม (micro)
  • Network 2G: GSM 850MHz / 900MHz / 1800MHz / 1900MHz 
  • Network 3G: WCDMA 2100MHz (Band1) / 800MHz (Band6 / 19) / 900MHz (Band8) 
  • Network 4G: FDD LTE 2100MHz (Band1) / 1800MHz (Band3) / 900MHz (Band8) / 800MHz (Band19)
  • ความเร็ว LTE: DL: 150Mbps / UP: 50Mbps
  • ความเร็ว 3G: DL: 42Mbps / UP: 11Mbps
  • Wifi: 802.11 a / b / g / n (2.4 / 5GHz)
  • Bluetooth Version: 4.0 LE support
  • Sensor: GPS (A-GPS support) / acceleration sensor / proximity sensor / light sensor / gravity sensor / e-compass /
  • สีที่มีให้เลือก: Black / Champagne Gold / White
  • ขนาด: 123.1*63.1*17.6mm
  • น้ำหนัก: 198g

 

เริ่ม review

การออกแบบ

ถึงแม้ว่าการออกแบบเครื่อง ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Galaxy Golden แต่ลักษณะโดยรวมแล้ว ก็ต่างจาก MUSASHI ค่อนข้างมาก มีแค่ในส่วนของ Layout จอ กล้อง และลำโพงที่เหมือนกัน นอกนั้นก็จะออกไปคนละแนวเลย 

โดยกรอบจอด้านหน้าของ MUSASHI นั้น จะเป็นโลหะขัดเงาแบบปัดลาย (brushed metal) ส่วนอื่นๆเป็นพลาสติคทั้งหมด

ด้านหลังของเครื่อง ถึงแม้จะเป็นพลาสติก แต่ก็มีการสร้างลวดลายให้เหมือนโลหะ (ขอติตรงนี้เล็กน้อย กว่าการทำสีเลียนแบบโลหะ ยังทำได้ไม่ค่อยดี ดูไม่ค่อยสม่ำเสมอ และโลโก้ FREETEL ก็ดูไม่ค่อยเข้ากับเครื่อง)

ด้านซ้ายเครื่องมีแค่ปุ่ม Volume

ด้านขวาจะเป็นปุ่มเปิด/ปิดจอ และช่องสำหรับ USB โดยช่องชาร์จจะมีจุกปิด ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วคิดว่าใช้ไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ และมือถือในยุคนี้ก็ไม่น่าจะมีช่องปิดแบบนี้แล้ว นอกจากนี้ ช่อง USB ก็จะเป็นช่องหูฟังด้วย โดยในกล่องจะแถมสายแปลงมาให้

ด้านบนโล่งๆ ไม่มีอะไรพิเศษ

ด้านล่างจะเป็นช่องไมโครโฟนสำหรับใช้คุย

เมื่อกางฝาพับออก จะเห็นถึง Design แบบญี่ปุ่นอย่างชัดเจนได้ตรงปุ่มกด ซึ่งค่อนข้างมีแนวทางการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ (ในส่วนนี้ไม่ได้หมายถึงตัวอักษรญี่ปุ่น แต่หมายถึงวิธีในการออกแบบแผงปุ่มกดล้วนๆ)

 

ขนาดของเครื่อง

ด้วยมิติของเครื่องขนาด 123.1×63.1×17.6 มม คงต้องบอกว่าเป็นมือถือฝาพับที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่โลกมีมา ณ ขณะนี้แล้ว (วัดที่ กว้างxยาว ไม่วัดความหนา เนื่องจากมือถือยุคเก่าๆมักจะหนามากกว่านี้) (มี GIONEE W909 ที่กำลังจะออกในปีนี้รอล้มแชมป์เรื่องขนาดอยู่) 

เมื่อเปรียบเทียบกับมือถือฝาพับญี่ปุ่นด้วยกันจะเห็นว่าขนาดจะค่อนข้างใหญ่กว่ารุ่นอื่นๆ ทั้งๆที่มือถือฝาพับญี่ปุ่นแต่ละรุ่น ขนาดก็ไม่ใช่เล็กๆเลย

โดยเมื่อกางฝาพับเทียบกันแล้ว ขนาดที่ใหญ่กว่ากัน ก็ยิ่งเห็นได้ชัดมากขึ้นไป

และเมื่อลองเทียบกับ Smartphone ในปัจจุบัน (ซ้ายไปขวา: Xperia Z5 Premium, Galaxy S7 EDGE, Iphone6, Musashi) อาจจะเห็นว่าขนาดของ MUSASHI นั้นไม่ได้ใหญ่มากเท่าไหร่

แต่พอกางฝาพับออกมา ก็จะเห็นได้ทันทีว่าขนาดของ MUSASHI นั้น อลังการจริงๆ

ตัวเครื่องนั้นหนา 16.7 มม. ซึ่งถ้าเทียบกับมือถือในยุคนี้ คงต้องบอกว่ามันค่อนข้างจะหนาอยู่มาก แต่เมื่อลองพิจารณาว่าความหนาเกิดจากจอสองจอซ้อนกันอยู่ แล้วมีปุ่มกดคั่นกลางอยู่อีก ตามด้วยแบตเตอร์รี่ ก็พอจะเข้าใจได้ว่าทำไมต้องทำมาให้หนาขนาดนี้

ความหนาเทียบกับ iphone6 ขณะที่ปิดฝา

ความหนาเทียบกับ iphone6 ขณะที่เปิดฝา

เมื่อถืออยู่ในมือ จะเห็นว่าตัวเครื่องยาวมากทีเดียว (ยาวประมาณขวดน้ำอัดลมขนาด 500 มล.)

 

การใช้งานและประสิทธิภาพ

ถ้าว่ากันด้วยสเปคอย่างเดียว ด้วย CPU ประมาณนี้ RAM 1GB ROM8GB คงต้องบอกว่านี่มันค่อนไปทาง Android รุ่นล่างๆแล้ว แต่การใช้งานทั่วไป เล่นอินเตอร์เนต ไม่เล่นเกม ก็ค่อนข้างจะลื่นไหลดี นอกจากนี้ ถึงแม้เครื่องจะมาจากญี่ปุ่น แต่ก็มีเมนูภาษาไทย และ keyboard ไทยให้พร้อมตั้งแต่เปิดเครื่องครั้งแรก (มีแทบจะทุกภาษาที่ Android เข้าไปขาย) ซึ่งตรงนี้จะต่างจากเครื่องญี่ปุ่นอื่นๆชัดเจน ที่มักจะมีแค่ภาษาญี่ปุ่นกับอังกฤษ

ทั้งนี้ ตัว OS Android เอง ค่อนข้างมาแบบเดิมๆ แทบไม่เติมอะไรลงไปเลย แอพที่ติดเครื่องมา มีแค่ตัว Update Software เท่านั้น กับ Shortcut เข้าไปลงทะเบียนอะไรซักอย่างบนเว็บ ซึ่งตรงนี้เองก็คงเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้การใช้งานลื่นไหลดี บวกกับจอที่ละเอียดแค่ 480*800 ก็ทำให้เครื่องไม่ต้องทำงานหนักมาก

 

หน้าจอ

หน้าจอรุ่นนี้ทั้งสองจอ จะมีขนาดและความละเอียดเท่ากัน คือ 4.0นิ้ว 480*800 พิกเซล ซึ่งไม่ได้ละเอียดมาก แต่ก็เป็นจอคุณภาพดีที่สว่างมาก มุมมองกว้าง และสีสดใส (ติดตรงที่ wallpaper ที่แถมมาให้ ภาพไม่ค่อยคม เลยดูเหมือนจอไม่ละเอียด พอเปลี่ยน wallpaper แล้วดูดีขึ้นเยอะ)

 

การ Touch

ตัวเครื่องรองรับ Multitouch ได้ 5 จุดพร้อมกันทั้งสองจอ ไขว้ไปมาได้ ไม่มีอาการรวนให้เห็น

 

Memory ในเครื่อง

ถึงแม้ว่าตามสเปคจะเขียนว่าให้ ROM มา 8GB แต่ตัวเครื่องเหลือใช้จริงแค่ 4GB ซึ่งทำให้ไม่สามารถลงอะไรได้มากเท่าไหร่

 

ด้านการโทร

เสียงคุยจาก MUSASHI ค่อนข้างดังฟังชัดดี และที่สำคัญค่อนข้างสบายหู ไม่แหลมบาดครับ และถึงแม้ว่าไมโครโฟนจะไกลจากปากไปยอะ แต่คู่สนทนาก็ได้ยินเสียงชัดเจนดี

ในเรื่องการค้นสมุดโทรศัพท์เพื่อหาเบอร์แล้วโทรออก ต้องบอกว่า ใช้ Touchscreen ง่ายกว่าเยอะเลยครับ การหาเบอร์ด้วยแป้นกดทำได้แค่หาด้วยตัวเลข แต่ไม่สามารถพิมพ์ค้นชื่อได้ เว้นแต่ว่าจะเปลี่ยนไปใช้ Keyboard ภาษาญี่ปุ่นเป็นหลัก ซึ่งจะสามารถพิมพ์ตัวอักษรจากแป้นกดได้เลย

ระหว่างที่โทรอยู่ การจะเข้าไปดูเมนูต่างๆในโทรศัพท์นั้นต้องกดปุ่มกล้องถ่ายรูป ซึ่งออกจะพิลึกไปมาก และการที่จะปิดฝาพับลงมาเพื่อหวังว่าจะใช้ปุ่มใต้จอด้านหน้าเพื่อเข้าเมนู ก็ทำไม่ได้ เพราะการพับฝาลงมา จะทำให้การโทรถูกวางสายทันที

 

Function 2 sim

สำหรับการใช้งาน 2 sim นั้นก็คล้ายกับรุ่นอื่นๆ คือจะมี sim ที่ใช้งาน 3G/4G ได้ซิมเดียว อีกซิมเป็น 2G เท่านั้น การโทรเลือกได้ว่าจะให้ถามทุกครั้งว่าโทรซิมไหน หรือให้ตั้งค่าไว้เลยโดยไม่ต้องถาม และสามารถโทร/รับสาย ได้ทีละซิมเท่านั้น

ในส่วนของการตั้งเสียงเรียกเข้านั้น ไม่สามารถแยกเสียงระหว่าง 2 sim ได้ ต้องใช้ร่วมกัน

 

กล้องถ่ายรูป

เรื่องกล้องถ่ายรูปคงไม่วิจารณ์อะไรมาก เนื่องจากไม่ได้ทดสอบจริงๆจังๆ แต่โดยทั่วไปแล้ว ภาพก็ออกมาค่อนข้างใช้ได้ ผิดกับที่คาดไว้ (เนื่องจาก hardware ส่วนอื่นๆ สเปคก็ไม่ได้ดีซักเท่าไหร่) สีสดใสดี และสามารถโฟกัสและถ่ายรูปได้ไวมากๆ รวมถึงมี Beauty mode สำหรับทั้งกล้องหน้าหลัง ถ่ายออกมาหน้าเนียนกริ๊บทีเดียว

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้อง

 

แบตเตอรี่

สำหรับความทนทานของแบตนั้น อยู่ในระดับกลางๆ ไม่ได้ดีมาก และไม่ได้แย่ สามารถอยู่ได้ทั้งวันถ้าไม่เล่นอะไรหนักๆ สิ่งที่แปลกอย่างหนึ่งในรุ่นนี้ ที่ทำให้เปลืองแบตโดยใช่เหตุก็คือ ถ้ากำลังใช้จอด้านในอยู่ จอข้างนอกเองก็จะติดด้วย และขยับตามทุกอย่างที่ใช้อยู่ในจอด้านใน แต่ไฟจอหน้าจะถูกปิดเอาไว้ รวมถึงไม่สามารถ touch ได้

อื่นๆ

การใช้งานในภาพรวมนั้น ถ้าเปิดฝาใช้งาน Touch screen จะไม่สะดวกเท่าที่ควร เนื่องจากต้องใช้มือหนึ่งถือเครื่องด้านล่างเอาไว้ และใช้อีกมือหนึ่งกด ถึงแม้จะจะใหญ่แค่ 4 นิ้ว แต่การกางฝาพับออกมาก็ทำให้เครื่องยาวเท่า Tablet จอ8 นิ้ว ซึ่งการใช้งานมือเดียวนั้นเป็นไปไม่ได้เลย

ดังนั้น นอกจากการโทรแล้ว การใช้งานด้านอื่นๆ (เช่นเปิดเว็บ ฟังเพลง ดูหนัง เล่นเกม ถ่ายรูป) ปิดฝาแล้วใช้จอด้านหน้าอย่างเดียวจะสะดวกกว่ามาก

 

สถานที่ซื้อ

เนื่องจาก FREETEL MUSASHI เป็นเครื่องที่ไม่ได้ล็อค SIM เหมือนเครื่องญี่ปุ่นรุ่นอื่นๆ ทำให้ไม่ต้องเอามาปลดล็อคก่อนมาใช้ที่ไทย ดังนั้น ท่านใดที่เดินทางไปญี่ปุ่น ก็สามารถไปหาซื้อมาใช้ได้เลย สนนราคา 24,000 เยน (หลังทำเรื่องขอคืนภาษี 8% แล้ว) ก็ราวๆ 7-8 พันบาท หรือใครที่ไม่ได้ไปญี่ปุ่น ในไทยก็มีร้านรับหิ้ว ไม่ก็ไปหาใน ebay ก็มีวางขายอยู่หลายเจ้าครับ

 

สรุป

หลายๆคนอาจจะมองว่า ด้วย Spec แบบนี้ ราคาเท่านี้ ดูจะสูงไปซักหน่อย แต่จริงๆแล้ว กลุ่มเป้าหมายของเจ้ารุ่นนี้ก็ค่อนข้างชัดเจนอยู่แล้ว คือคนที่ชอบมือถือฝาพับ โดยที่มีความต้องการเรื่องความแรงของเครื่องเป็นส่วนน้อย

กลุ่มคนที่ใช้งานมือถือฝาพับญี่ปุ่นนอกประเทศญี่ปุ่น จะทราบกันดีว่านอกจากการโทรและการใช้กล้องแล้ว มันแทบจะทำอย่างอื่นไม่ได้เลย เนื่องจากการใช้งาน Function Internet ถูกล็อคเอาไว้ ไม่สามารถเข้าไปตั้งค่าอะไรได้ รวมถึงการใส่ไฟล์อะไรลงไปเพื่อเล่นในเครื่องก็ซับซ้อนและทำได้ยาก การที่มีมือถือฝาพับที่เป็น Smartphone ออกมา ย่อยทำให้ผู้ใช้เหล่านี้สะดวกสบายขึ้น รวมถึงเป็นการเข้าถึงผู้ใช้ใหม่ๆ ที่ยังชอบมือถือฝาพับ แต่รับไม่ได้กับการโทรได้อย่างเดียว 

ทั้งนี้ เรื่องประสิทธิภาพนั้นไม่ต้องพูดถึง ใครที่นิยมมือถือแรงๆ สเปคสูงๆ หรืออยากได้มือถือจอใหญ่ เพื่อใช้เล่นเว็บ เล่นเกม ดูหนังเป็นหลัก มือถือรุ่นนี้ไม่สามารถตอบโจทย์ในแง่นี้ได้เลย

ในงบประมาณที่ใกล้กัน ตัวเลือกมือถือ Android ฝาพับ จะมี SAMSUNG GALAXY FOLDER, LG WINE SMART, LG LOLLIPOP SMART, และ LG GENTLE ซึ่ง LG จะให้จอละเอียดต่ำสุด แค่ 320*480 ขนาด 3.5 นิ้ว ทั้ง 3 รุ่น ส่วน SAMSUNG ให้จอละเอียดเท่า MUSASHI ที่ 480*800 แต่ขนาดเล็กกว่าเล็กน้อยที่ 3.7 นิ้ว และทุกรุ่นที่กล่าวมาใส่ได้แค่ซิมเดียว ซึ่งผู้เขียนมองว่า สิ่งที่ทำให้ MUSASHI ได้เปรียบรุ่นเหล่านี้ คือเรื่องการมีจอด้านหน้า ซึ่งทำให้ใช้งานได้สะดวกขึ้นมาก ตามที่กล่าวไว้ด้านบน

ขอจบการ Mini review แต่เพียงเท่านี้ และขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านครับ