ทาง Droidsans ได้มีโอกาสจับแท็บเล็ตจอกระดาษรุ่นใหม่ ที่กำลังจะเปิดตัวในไทย HUAWEI Mate Pad Pro 12.2 PaperMatte Edition เราเลยมารีวิวการใช้งานแบบสั้น ๆ เห็นว่ารุ่นนี้ขายดีในประเทศจีนแบบเทน้ำเทท่าเลยแหละ เขาอัดเทคโนโลยีหน้าจอมาให้แบบจัดเต็ม ใช้จอ Tandem OLED จอสวย แถมมีความสว่างถึง 2,000 นิต ในตัวเครื่องที่บางเพียง 5.5 มม. เท่านั้น ส่วนตัวเคสคีบอร์ดที่แถมมาให้ก็สวยสดงดงาม มาดูกันดีกว่าว่าจะน่าสนใจแค่ไหน
ตัวเครื่องสวยงามสมแท็บเล็ตเรือธง
เปิดมาที่ดีไซน์ตัวเครื่องกันก่อน ในรอบนี้ยังคงมาพร้อมกับการออกแบบที่สวยงาม สมแท็บเล็ตเรือธงแบรนด์จีน ลวดลายด้านหลังมีความปราณีตสูง ทางแบรนด์ตั้งใจทำฝาหลังให้มีลวดลายคล้ายผ้าไหม ซึ่งพอมาดูจริง ๆ แล้วถือว่ามีความพรีเมียมสูงพอตัวเลย ยิ่งถ้าถือในที่กลางแจ้ง บอกเลยว่าไม่มีดรอป โดยเฉพาะตรงโมดูลกล้องที่ทำสีออกมาเป็นสีแบบเงา เวลาสะท้อนกับแสงคือสวยมาก ๆ รอยนิ้วมือถ้าถือนาน ๆ อาจจะมีให้เห็นที่ด้านหลังตัวเครื่องอยู่บ้าง แต่มีอยู่ในระดับที่รับได้ ไม่ได้มีคราบจนดูสกปรก
ขอบตัวเครื่องของรุ่นนี้มาในรูปแบบโค้งมน ซึ่งส่วนตัวแล้วรู้สึกชอบมากกว่าขอบเครื่องแบบแบน เพราะมันถือเข้ามือมากกว่า ด้านซ้ายตัวเครื่องจะไม่มีปุ่มอะไร ด้านขวาตัวเครื่องมีปุ่มปรับระดับเสียง และรูไมโครโฟนเล็ก ๆ 3 รู ด้านบนตัวเครื่องมีปุ่มเปิดปิด (มีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ) และลำโพง ส่วนด้านล่างตัวเครื่องมีพอร์ต USB-C 3.1 และลำโพง
โมดูลกล้องมาในรูปแบบทรงกลม และสีโมดูลกล้องมีการทำลวดลายให้เหมือนกับตัวเครื่อง แต่ขอบโมดูลจะเป็นสีแบบเงาตัดกับขอบเครื่องที่เป็นแบบด้าน ทำให้ตัวกล้องมีความโดดเด่นขึ้นมา มีกล้องมาให้ 2 ตัว และแฟลช LED ทรงกลม ซึ่งการวางตำแหน่งกล้องดูรวม ๆ แล้วเหมือนอิโมจิรูปคนกำลังวู้ววว อยู่ ก็ดูน่ารักไปอีกแบบ ด้านหลังยังมีการสลักคำว่า HUAWEI สีทองในแนวนอน ดูแล้วพรีเมียมมาก ๆ
ส่วนน้ำหนักของตัวเครื่องถือว่าทำออกมาได้ดีมาก ๆ เพราะมีน้ำหนักอยู่ที่ 508 กรัมเท่านั้น แถมตัวเครื่องยังมีความบางเพียงแค่ 5.5 มม. ในการใช้งานถือว่าไม่ได้หนักจนเกินไป สามารถถือออกไปทำงานด้านนอกได้ ทั้งในกรณีที่ใส่ และไม่ใส่เคส
หน้าจอสวยเต็มตา สว่างจ้า
HUAWEI Mate Pad Pro 12.2 PaperMatte edition มาพร้อมกับหน้าจอ Tandem OLED ขนาด 12.2 นิ้ว ความละเอียด 2.8K และมีความสว่างสูงสุดถึง 2,000 นิต ตัวเลขความสว่างนี้น่าจะเป็นอันดับต้น ๆ ของตลาดแท็บเล็ตในตอนนี้เลยก็ว่าได้ และแน่นอนว่าใช้งานในกลางแจ้งได้แบบสบาย ๆ แถมยังรองรับอัตรารีเฟรชสูงถึง 144Hz เลยทีเดียว
ส่วนสัดส่วนในรุ่นนี้ยังให้มาเป็น 3:2 เหมือนเดิม ข้อดีก็คือ เหมาะกับการทำงานเอกสาร พิมพ์งานต่าง ๆ แต่ถ้านำมาดู YouTube และ Netflix ก็จะมีขอบสีดำให้เห็นตามสัดส่วนของวิดีโอ (จริง ๆ ใน YouTube สามารถย่อให้พอดีกับหน้าจอได้นะ แต่ความละเอียดก็จะลดทอนลง) ส่วนเรื่องของสีสัน แน่นอนว่าจอแบบปกติสามารถทำเรื่องสีภาพออกมาได้ดีกว่าแน่นอน แต่บอกเลยว่าจอกระดาษก็ไม่ได้ดรอป
เพราะสัมผัสการใช้งานดีมากๆ โดยเฉพาะการวาดรูป บอกเลยว่ามันมือสุด ๆ เพราะได้ฟีลเหมือนวาดบนกระดาษจริง หรือจะนำไปเล่นเกมก็เล่นสนุก นิ้วไม่ลื่น ทัชไม่ผิดปุ่ม แถมยังมีเทคโนโลยีป้องกันแสงสะท้อนบนหน้าจอระดับนาโน ที่สามารถตัดแสงสะท้อนภายนอกได้มากถึง 99% ในการใช้งานจริงเมื่อเทียบกับแท็บเล็ตที่เป็นจอแบบปกติ ผลคือจอบน HUAWEI สามารถใช้งานนาน ๆ ได้ดีกว่า เมื่อยตาน้อยมากกว่าจอทั่วไป สายอ่านอีบุ๊กคิดว่าน่าจะถูกใจเช่นกัน
แถมเคสคีบอร์ด (มี Touchpad ด้วย)
คีย์บอร์ด HUAWEI Glide รุ่นใหม่ สีขาวสวยงาม แถมยังสามารถปรับได้หลายระดับ และมีน้ำหนัก 420 กรัม ตัวเคสมีช่องเก็บปากกาสไตลัส แถมยังชาร์จได้ในตัว (ชอบมาก ๆ) และสำหรับใครที่คิดว่าเคสเป็นสีขาวแล้วจะเปื้อนง่าย ทาง HUAWEI มีการเคลมไว้ว่าตัวเคสสามารถกันรอยปากกา ลิปสติก หรือแม้แต่ซอสมะเขือเทศ ซีอิ๊ว โค้ก ชา กาแฟ ก็สามารถเช็ดออกได้ (แต่กระซิบว่า กันแค่ตัวเคสด้านนอกนะ แป้นพิมพ์ด้านในไม่กัน ระวังกันด้วย)
อีกจุดหนึ่งที่มีความโดดเด่นมาก ๆ นั่นก็คือ ตัวเคสมี Touchpad มาให้ด้วย ไปทำงานข้างนอกก็ไม่ต้องพกเมาส์ ใส่เคสคีบอร์ดอันนี้ไปคือจบ ส่วนฟีลลิ่งของแป้นพิมพ์ให้ตอนที่เรากดอยู่ในระดับที่ดีมาก สายพิมพ์งานน่าจะชอบ ส่วนการใช้งาน Touchpad ก็ทำออกมาได้อยู่ในระดับที่ดี ไม่ได้รู้สึกก๊องแก๊ง แต่ตอน Scroll ลงเหมือนจะมีความฝืด กึ๊ด ๆ แปลก ๆ แต่ก็น่าจะขึ้นอยู่กับผู้ใช้ด้วย แต่แค่มีมาให้ก็ถือว่าดีมาก ๆ แล้ว
HUAWEI M-Pencil รุ่นที่ 3
HUAWEI M-Pencil รุ่นที่ 3 รอบนี้มีการอัปเกรดให้ปากการองรับได้มากถึง 16,384 ระดับ ทำให้สามารถแยกแรงกดตื้นลึกได้ดีขึ้น นำไปวาดภาพก็สามารถวาดลายเส้นต่าง ๆ ได้ละเอียดมากกว่าเดิม แถมแอปวาดรูปของ HUAWEI อย่าง GoPaint รอบนี้ก็มีการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ๆ เข้ามาให้ด้วย สายวาดภาพก็มีลายเส้นเยอะมากกว่าเดิม
กล้องถ่ายภาพ
ด้านการถ่ายภาพ รุ่นนี้ให้กล้องหลักมาที่ 13MP และกล้อง Ultrawide ที่ 8MP ในการใช้งานสามารถถ่ายได้อยู่ในระดับที่ดี นำไปถ่ายชีตเรียน หรือเอกสารต่าง ๆ ก็สามารถใช้งานได้แบบไม่มีที่ติ ส่วนถ้าเป็นการใช้งานถ่ายแบบจริงจัง ก็คงไม่ได้เหมาะขนาดนั้น อาจจะต้องไปพึ่งมือถือเรือธงแทน (แต่ก็คงไม่มีใครนำแท็บเล็ตไปถ่ายภาพแบบจริงจังอยู่แล้วเนอะ)
ส่วนกล้องหน้าให้ความละเอียดมาที่ 16MP (ซึ่งงมหานานมากว่ากล้องอยู่ตรงไหน เพราะเซนเซอร์กล้องเล็กมาก จนไม่อยากเชื่อว่ายัดเข้ามาใส่ในขอบจอบาง ๆ นี้ได้) ส่วนในการใช้งานก็เพียงพอต่อการใช้วิดีโอคอล ประชุมงานต่าง ๆ แต่ถ้านำไปถ่ายภาพเซลฟี่ก็อาจจะไม่ถูกใจมากนัก
ลำโพงเสียงดีไม่มีตก
ในรุ่นนี้มีลำโพงมาให้ 4 ตัว 8 Driver ด้านการใช้งานจริงเสียงดังดีไม่มีตก เปิดแค่ 50% ก็เสียงดังสนั่นลั่นห้องแล้ว ส่วนเรื่องรายละเอียดของเสียงที่ออกมาก็อยู่ในระดับที่ดี แต่หลัก ๆ เลยจะหนักไปทางเบสมากกว่า เอาไปฟังเพลง หรือดูหนังเสียงก็ดังกระหึ่มสะใจ โดยรวมแล้วค่อนข้างประทับใจกับลำโพง
ชิปประมวลผล และระบบปฏิบัติการ
ในรุ่นนี้มาพร้อมกับชิปเซต Kirin T91 ทางเราได้มีการนำไปทดสอบ Benchmark 6 ได้ผลคะแนนทดสอบ ดังนี้
- Single-Core ทำคะแนนได้ 1299 คะแนน (เทียบเท่า Exynos 2100 บน Samsung Galaxy S21)
- Multi-Core ทำคะแนนได้ 3894 คะแนน (เทียบเท่า Snapdragon 8 Gen 1 บน Samsung Galaxy S22)
ถ้าเป็นการใช้งานทั่วไป ท่องเว็บ พิมพ์งาน ดูยูทูบ หรือแม้แต่การใช้งาน Multitasking สามารถใช้ได้งานลื่นไหล ไม่มีที่ให้ติติง รวมถึงความร้อน ตัวเครื่องก็สามารถจัดการได้ออกมาได้ดี แทบไม่มีความร้อนออกมาให้เห็น
และในรุ่นนี้มาพร้อมกับซอฟต์แวร์ HarmonyOS 4.2 อย่างที่ทราบกันดีว่า ทั้งมือถือ และแท็บเล็ตของ HUAWEI ในตอนนี้ไม่มีบริการ Google Service มาให้ ทำให้ไม่สามารถโหลดแอปพลิเคชันบน Play Store ได้ ต้องโหลดผ่าน App Gallery ของ HUAWEI แทน ซึ่งในปัจจุบันก็ยังมีข้อจำกัดเรื่องของแอปพลิเคชัน ทำให้ต้องไปโหลดผ่าน Aurora Store หรือ Gbox แทน ซึ่งแอปพลิเคชันบางตัวก็ไม่สามารถใช้งานได้ 100% ทำให้ปฏิเสธไม่ได้ว่าตรงนี้ก็ยังคงเป็นข้อสังเกตหลัก ๆ ของแท็บเล็ตรุ่นนี้อยู่
ทดสอบเล่นเกม ROV
ในเรื่องการเล่นเกมกราฟิกหนักๆ รุ่นนี้อาจจะไม่ตอบโจทย์เท่าไหร่ เราลองทดสอบการเล่นเกม ROV ตัวเครื่องสามารถปรับการแสดงผลได้ที่ระดับสูง แต่เมื่อเข้ามาที่หน้าหลักก็สัมผัสได้ถึงความกระตุก หากอยากให้ลื่นขึ้นให้ปรับลงมาละดับต่ำสุด ส่วนด้านการเล่นเกม เหมือนตัวเครื่องถูกจำกัดเฟรมเรตไว้ที่ 43-45fps เท่านั้น แต่ตัวเครื่องยังคงรักษาความร้อนได้อยู่ในระดับที่ดีมาก จริง ๆ แอบเสียดายเรื่องของเฟรมเรต เพราะรุ่นนี้จอรองรับอัตรารีเฟรชถึง 144hz เลยทีเดียว
แบตเตอรี่
ด้านพลังงาน HUAWEI MatePad Pro 12.2 PaperMatte edition ให้แบตเตอรี่มาที่ 10,100mAh สามารถใช้งานได้ทั้งวัน เปิดดูหนังซีรีส์ ดูคลิป วาดรูประหว่างวัน จดบันทึกตอนเรียน ก็ใช้งานได้จนหมดวันแบบสบาย ๆ ในรุ่นนี้ยังรองรับชาร์จเร็วแบบมีสายถึง 100W ทางแบรนด์เคลมไว้ว่าสามารถชาร์จ 1-85% ได้ภายใน 40 นาที และชาร์จเต็ม 100% ภายใน 55 นาที และที่สำคัญคือ แถมหัวชาร์จมาให้ในกล่องด้วย ไม่ต้องซื้อแยก
สเปค HUAWEI MatePad Pro 12.2 PaperMatte edition
- จอภาพ Tandem OLED ขนาด 12.2 นิ้ว
- ความละเอียด 2800 x 1840 พิกเซล
- สัดส่วน 3:2
- อัตรารีเฟรช 144 Hz
- ความสว่างสูงสุด 2000 นิต
- ความลึกสี 10-bit
- ขอบเขตสี DCI-P3
- ชิปเซต
- หน่วยความจำ 12GB / 16GB
- สตอเรจ 256GB / 512GB / 1TB
- กล้องหลัง
- กล้องหลัก 13MP (𝑓/1.8), โฟกัสอัตโนมัติ
- กล้องอัลตราไวด์ 8MP (𝑓/2.2), มุมกว้าง 112 องศา
- กล้องหน้า 8MP (𝑓/2.0)
- ลำโพงสเตอรีโอ 4 ตัว
- การเชื่อมต่อ
- Wi-Fi 5
- Bluetooth 5.2
- USB-C 3.1 Gen 1
- แบตเตอรี่ 10,100mAh
- ชาร์จไว 100W
- เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (ด้านข้าง)
- ระบบปฏิบัติการ Harmony OS 4.2
- ขนาด 271.25 x 182.53 x 5.5 มม.
- น้ำหนัก 512 กรัม
สรุปการใช้งาน
HUAWEI MatePad Pro 12.2 PaperMatte edition (2024) ในปีนี้มีการอัปเกรดอะไรหลายอย่าง ให้น่าใช้มากกว่า สำหรับสายวาดรูปก็มีแอป GoPaint ที่ลูกเล่นเยอะขึ้น ใช้งานได้หลากหลายมากกว่าเดิม ส่วนสายจดบันทึกก็มีแอป HUAWEI Notes มาให้ เคสคีบอร์ดที่ให้มาก็สวยมาก ๆ (สวยจนกลัวเลอะ) แถมยังสามารถปรับได้หลายระดับ ปรับให้เข้ากับการทำงานได้หลายอย่าง นอกจากนี้ยังมีช่องชาร์จเก็บที่ชาร์จปากกาได้ในตัวเคส ไม่ต้องพกแยก อันนี้ชอบมาก ๆ
แต่ต้องยอมรับว่าการที่ไม่มี Google Service ยังคงเป็นปัญหาหลัก ๆ อยู่ ถึงแม้จะมีตัวเลือกให้ดาวน์โหลดแอปจากช่องทางอื่น ๆ
ราคา และการวางจำหน่าย
HUAWEI MatePad Pro 12.2 PaperMatte edition (2024) วางขายในไทยแค่สีทอง Premium Gold และมีให้เลือกความจุเดียว 12GB + 512GB ในราคา 29,990 บาท
โปรโมชัน
สำหรับช่วงพรีออเดอร์ รับฟรีทันทีของสมนาคุณมูลค่าสูงสุด 24,258 บาท ได้แก่
- HUAWEI Glide Keyboard มูลค่า 9,990 บาท
- HUAWEI M-Pencil รุ่นที่ 3 มูลค่า 4,490 บาท
- HUAWEI Care ดูแลหน้าจอ มูลค่า 3,990 บาท
- HUAWEI 100W Adapter มูลค่า 2,490 บาท
- HUAWEI FreeBuds 5i มูลค่า 2,799 บาท
- เมาส์ Rapoo รุ่น M650S มูลค่า 499 บาท
เตรียมพรีออเดอร์ได้ ที่ HUAWEI Experience Store และร้านค้าที่ร่วมรายการ รวมทั้งช่องทางออนไลน์ HUAWEI Store และร้านค้าอย่างเป็นทางการของหัวเว่ยบนแพลตฟอร์ม Lazada, Shopee และ TikTok Shop
Comment