Netflix ประกาศการเข้าซื้อกิจการ Warner Bros. Discovery (WBD) ด้วยมูลค่าถึง 72,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 2.4 ล้านล้านบาท) ในส่วนของสตูดิโอภาพยนตร์ โทรทัศน์ และธุรกิจสตรีมมิ่ง เอาชนะคู่แข่งอย่าง Paramount Skydance ที่เสนอราคาต่ำกว่าไปแบบขาดลอย

สำหรับดีลในครั้งนี้ Netflix จะทำการจ่ายเงินให้ผู้ถือหุ้นด้วยด้วยข้อเสนอ 28 ดอลลาร์ต่อหุ้น นอกจากนั้นยังส่งผลให้ Netflix จะได้ถือสิทธิ์คอนเทนต์จำนวนมากเพิ่มอีกเพียบ เช่น Game of Thrones, The Wizard of Oz, Harry Potter รวมถึงเหล่าฮีโร่จากจักรวาล DC ไม่ว่าจะเป็น Batman หรือ Superman

โดยผู้ถือหุ้นของ Warner Bros. Discovery จะได้รับจำนวน 23.25 ดอลลาร์ต่อหุ้น และหุ้น Netflix จำนวน 4.50 ดอลลาร์ต่อหุ้น รวมเป็น 27.75 ดอลลาร์ต่อหุ้น ทั้งนี้คาดการณ์ว่าจะสามารถปิดดีลได้แบบ 100% ภายในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2026

ต่อมาคือในกรณีที่ดีลดังกล่าวเกิดล่มหรือถูกบล็อกขึ้นมา Netflix จะต้องเป็นคนจ่ายค่าปรับ (Breakup fee) จำนวนมากถึง 5.8 พันล้านดอลลาร์ แต่ถ้าเกิดฝั่งของ WBD เป็นฝ่ายที่ตัดสินใจล่มดีลเอง ก็จำเป็นจะต้องจ่ายค่าปรับเป็นจำนวน 2.8 พันล้านดอลลาร์ ท่ามกลางกระแสต่อต้านการผูกขาดซึ่งกำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้

นักวิเคราะห์หลาย ๆ คนมองว่า Netflix ต้องการที่จะถือครองลิขสิทธิ์ภาพยนตร์และรายการต่าง ๆ เพื่อลดการพึ่งพาสตูดิโอภายนอก แถมการได้ Warner Bros. มาควบรวมเข้ากับบริษัทของตนเอง ก็จะช่วยให้ Branding แข็งแรงขึ้นเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะความสำเร็จของตลาดเกมอย่าง Hogwarts Legacy ที่ทำรายได้ไปมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในสิ่งที่ Netflix ยังคงพยายามมาจนถึงทุกวันนี้

ทั้งนี้ยังคงต้องมารอลุ้นกันต่อไปว่า ดีลครั้งใหญ่ที่มีมูลค่ามหาศาลในครั้งนี้จะผ่านไปได้อย่างราบรื่นหรือเปล่า โดยเฉพาะเมื่อกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DOJ) อาจจะเป็นคนเข้ามาตรวจสอบความโปร่งใสของดีลในครั้งนี้ ซึ่งอาจจะใช้ระยะยเวลาหลายเดือนพอสมควร

ที่มา : Reuters, CNBC