จากประกาศล่าสุดของ Nintendo ประเทศญี่ปุ่นเมื่อวันอังคารที่ 9 มิถุนายนที่ผ่านมา ระบุว่า พบบัญชี Nintendo ถูกแฮกกว่า 140,000 บัญชี ซึ่งเมื่อรวมกับบัญชีที่ถูกแฮกตั้งแต่เมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมาอีกกว่า 160,000 บัญชีแล้ว เท่ากับว่าในตอนนี้มีบัญชี Nintendo ที่ถูกแฮกไปแล้วกว่า 300,000 บัญชีเลยทีเดียว

จุดเริ่มต้นของเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ตามรายงานที่ระบุว่า ได้พบบัญชี Nintendo กว่า 160,000 บัญชี ถูกแฮก โดยการใช้รหัสผ่านจาก NNID (Nintendo Network ID) ในการล็อกอิน ซึ่งเป็นวิธีการล็อกอินแบบเก่าตั้งแต่สมัย 3DS และ Will U

นอกจากแฮกเกอร์จะเอาบัญชีที่แฮกมาไปเล่นเกมได้ตามใจแล้ว ยังสามารถเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ในบัญชีนั้น ๆ ได้อีกด้วย อันได้แก่ ชื่อเล่น วันเกิด ประเทศ (หรือภูมิภาค) รวมไปถึงอีเมล และที่สำคัญ คือ แฮกเกอร์สามารถเข้าถึงบัญชี PayPal ที่ผูกไว้กับเครื่อง Nintendo Switch ได้ ทำให้สามารถใช้เงินที่มีอยู่ในบัญชีไปซื้อสินค้าใน Nintendo eShop ได้นั่นเอง

ซึ่งหลังจากนั้น Nintendo ก็ได้ปิดการล็อกอินด้วยวิธีนี้ไป พร้อมทั้งรีเซตรหัสผ่าน และส่งอีเมลแจ้งเตือนไปยังเจ้าของบัญชีที่ถูกแฮก ให้ทำการเปลี่ยนรหัสผ่าน ลบข้อมูลบัตรเครดิตหรือ PayPal ที่ผูกกับบัญชี Nintendo ออก และให้ล็อกเอาต์ออกจากทุกอุปกรณ์ผ่านทางหน้าเว็บไซต์ ส่วนบัญชีที่ถูกแฮกไปซื้อสินค้าใน eShop ทาง Nintendo แจ้งว่า ยังเป็นแค่ส่วนน้อยที่โดน และได้ทยอยคืนเงิน (refund) จนใกล้ครบทุกคนแล้ว

แต่ล่าสุดเมื่อวันอังคารที่ 9 มิถุนายนที่ผ่านมา ทาง Nintendo ได้ประกาศเพิ่มเติมว่าได้มีการตรวจสอบเพิ่มเติม และพบบัญชีที่ถูกแฮกอีกกว่า 140,000 บัญชี ซึ่งเมื่อรวมกับ 160,000 บัญชีก่อนหน้านี้แล้วเท่ากับว่า ในตอนนี้มีบัญชี Nintendo ที่ถูกแฮกไปแล้วกว่า 300,000 บัญชีเลยทีเดียว

ทั้งนี้ จากสถานการณ์ COVID-19 ในปัจจุบัน ทำให้จำนวนการใช้อินเทอร์เน็ตนั้นเพิ่มขึ้นสูงมากในช่วงนี้ (รวมถึงจำนวนคนเล่น Nintendo Switch ก็เพิ่มขึ้นจนทำให้สินค้าขาดตลาด) เหล่าแฮกเกอร์ก็เลยมีเป้าในการโจมตีที่มากขึ้น ซึ่งเราจะเห็นได้จาก ช่วงนี้มีข่าวเกี่ยวกับอาชญากรรมไซเบอร์ค่อนข้างถี่เลยทีเดียว โดย Nintendo ก็ได้แนะนำให้ผู้ใช้งานเปิดใช้ระบบยืนยันตัวตน 2 ขั้นตอน (2-step verification) หรือ 2FA เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับบัญชีของผู้ใช้นั่นเองครับ

 

ที่มา : Nintendo ประเทศญี่ปุ่น จาก CNN