โดย Glenn Santos. เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2554
จาก androidauthority

ดูเหมือนว่าโทรศัพท์แอนดรอยด์นั้นทำอะไรได้ไปซะทุกอย่าง ยกเว้นปัญหาเรื่องแบตเตอรี่ที่หมดไวไปซะหน่อย จนบางทีดูเป็นเรื่องปกติที่โทรศัพท์พวกนี้ไม่สามารถใช้นานเป็นวันๆ บางครั้งแค่ครึ่งวันทั้งๆ ที่ไม่ได้ใช้อะไรมาก วันๆ ก็แค่วางบนโต๊ะที่ทำงาน แบตฯ ก็หมดซะแล้ว
นี่เป็นปัญหาใหญ่ของผู้ใช้แอนดรอยด์ทุกคน แต่คุณยังไม่จำเป็นต้องพกแบตฯ เสริมในตอนนี้ บรรดาเซียนทั้งหลายได้หาแนวทางง่ายๆ เพื่อช่วยประหยัดพลังงานได้แล้ว ลองทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ เผื่อว่าจะช่วยคุณได้บ้าง


1. การตั้งค่าความสว่างของหน้าจอ
ลดความสว่างหน้าจอขณะที่คุณใช้ในที่ร่ม ไปถึงระดับที่คุณคิดว่ามองเห็นได้อย่างสบายตาและปิดระบบการปรับค่าความสว่างอัตโนมัติซะด้วยจะยิ่งดี หรือจะทั้งปรับช่วงเวลาการดับไฟหน้าจออัตโนมัติให้สั้นลง แม้ว่าคุณจะเปิดเช็คอีเมล์บ่อยๆ ก็พยามปรับให้สั้นมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เปลี่ยนมาใช้ภาพหน้าจอที่ไม่สว่างจัดหรือภาพนิ่งแทนภาพเคลื่อนไหว (live wallpaper) เพราะภาพที่สว่างมากและเคลื่อนไหวจะยิ่งสูบแบตฯ ของคุณ


2. ปิดไวเลสต่างๆ เมื่อไม่ใช้งาน
โทรศัพท์แอนดรอยด์มีพวกไวเลสต่างๆ ซึ่งคุณอาจไม่ได้ใช้ จึงควรปิดเพื่อช่วยยืดระยะเวลาแบตฯ ของคุณ เช่น บลูทูธ ไวไฟ จีพีเอสและอื่นๆ ปิดไวไฟขณะเดินทาง ปิด 3จี/จีพีเอสเมื่ออยู่ในที่ไม่มีสัญญาณ โดยติดตั้งวิดเจ็ตต่างๆ ที่สามารถตั้งปิดเปิดแบบอัตโนมัติเช่น Extended Controls (หมายเหตุ ผู้แปลใช้ JuiceDefender ) หรือถ้าอยากปิดแบบเร็วๆ ก็เข้า Flight Mode หรือ Airplane ซะหรือวิธีมาตรฐานก็กดค้างปุ่มเปิดปิด แล้วเลือกปิดการใช้ดาต้า หรือวิดเจ็ตต่างๆ ที่มีในมาร์เก็ต เช่น Green power , ZDBox


3. ลดการใช้ดาต้า
ถ้าส่วนใหญ่คุณใช้โทรศัพท์ไว้โทรและส่งข้อความ ขอแนะนำว่าเปลี่ยนสัญญาณมาที่ 2G/ จีเอสเอ็ม ซึ่งไม่สูบแบตฯ มากแบบ 3G เข้าไปที่ Setting > Wireless&Network > Mobile Networks > GSM only ด้วยระบบ GSM จะไม่สูบแบตฯ มากนัก หรือถ้าอยากเล่นเนตหนักๆ ก็แนะนำว่าใช้กับไวไฟจะประหยัดแบตฯ กว่า 3G แต่ก็อย่าลืมไปตั้งค่า WiFi Sleep Policy ด้วยหละ
ปิดคำสั่งซิงค์อัตโนมัติ อย่างพวกเฟสบุค ทวิตเตอร์ โดยเข้าไปที่การตั้งค่าเลือก ยกเลิกการดึงข้อมูลอัตมัติแล้วใช้การดึงข้อมูลแบบแมนนวลแทน
อย่าลืมดูโปรแกรมตัวอื่นๆ ที่มีการตั้งการอัพเดตข้อมูลอัตโนมัติ ซึ่งบางครั้งเราอาจไม่เคยดูมาก่อนด้วย
อีกทางนึงคือ การตั้งค่าเช็คอีเมล์ มักตั้งอัตโนมัติไว้ที่ทุกๆ 15 นาที ซึ่งกินพลังงานอย่างมาก ควรปรับเป็นแมนนวล หรืออย่างน้อยตั้งเป็นทุกชั่วโมงแทน หรือถ้าคุณใช้โปรแกรมแบบพุช (push) ตัวนี้ก็ช่วยคุณประหยัดพลังงานได้เช่นกัน ถ้าอยากได้โปรแกรมที่สนับสนุนฟังก์ชั่นพุช ขอแนะนำ K-9 หรือเลือกแอพปลิเคชั่นของ Gmail ก็ได้เช่นกัน


4. ลบโปรแกรมที่ไม่ใช้ออกไปบ้าง
บางโปรแกรมเปิดทำงานเองตลอดเวลาซึ่งเปรียบได้กับมัลแวร์ในเครื่องของเรา ทำการลบทิ้งที่ Setting>Application>Manage application กด uninstall ถ้าอันไหนลบไม่ออกก็ไปที่ Setting>Local and Security>เลือก Device adminstrators แล้วกด able to uninstall ก่อนแล้วไปกดลบที่เดิมอีกครั้ง


5. ลดการใช้พวกวิดเจ็ตต่างๆ
โดยเฉพาะตัวที่เรียกดาต้าหรือมีการอัพเดตเองวิดเจ็ตเป็นตัวการสำคัญที่กินพลังงานในระบบแอนดรอยด์ เลือกแค่ตัวที่คุณต้องการเห็นในหน้าแรกเท่าที่จำเป็น โดยเฉพาะตัวที่มีการดึงข้อมูลจากอินเตอร์เนตยิ่งกินพลังงานมากที่สุด ถ้าติดตั้งแล้วมันกินพลังงานอย่างมากเพื่อแลกกับความสะดวกเล็กน้อย แนะนำว่าให้ลบออกแล้วไปใช้แอปจะดีกว่า


6. อย่าทำให้มือถือร้อน
พยามรักษาตัวโทรศัพท์ไม่ให้ร้อน การเก็บในที่อุ่นหรือร้อนก็ทำให้แบตฯ เสื่อมเร็วขึ้นได้ อย่าวางโทรศัพท์โดนแดดโดยตรง หน้าคอนโซลรถที่ร้อนหรือบนคอมพิวเตอร์ อย่าเอาเก็บไว้ในกระเป๋ากางเกงตลอดเวลาเพราะร่างการมนุษย์ก็เป็นแหล่งปล่อยความร้อนเช่นกัน เวลาชาร์จควรวางในที่อากาศถ่ายเทได้ดี เพื่อให้คลายความร้อนเร็วขึ้น อย่างการวางราบบนพื้นนั้นให้ดีก็ควรหาแท่นอะไรมารองอย่างเช่นที่วางนามบัตรในภาพ หรืออะไรก็ได้เท่าที่หาได้ในที่ทำงาน


7. เลิกการใช้โปรแกรมปิดอัตโนมัติต่างๆ Task Killer
หลายคอลัมน์แนะนำให้คุณใช้โปรแกรมพวกนี้ แต่สำหรับผู้เขียนขอให้เลิกใช้ เพราะโปรแกรมไหนที่คุณมักสั่งให้มันหยุดทำงาน คุณก็ควรเอามันออกไปเลยดีกว่าปล่อยให้มันไปกิน CPU/RAM ในเครื่อง เพราะการที่ไปปิดมันยิ่งไปทำให้มันต้องเปิดตัวเองบ่อยขึ้น ยิ่งเป็นการกินพลังงานมากขึ้นไปอีก ลบออกไปเลยให้ได้ RAM คืนมาจะดีกว่า
แต่ถ้าต้องใช้เลือกปิดตัวที่กิน CPU จะดีกว่า เสียดายที่โปรแกรมในเครื่องโชว์ค่า RAM ฉะนั้นแนะนำว่าควรลง Watchdog Task Manager (lite) ที่จะเตือนคุณเมื่อมีการใช้ CPU ที่เกินไปแล้วคุณเลือกปิดจากจุดนี้จะดีกว่า


8. เลือกการตั้งค่าประหยัดพลังงานอัตโนมัติ
ถ้าคุณเป็นชอบปรับแต่ง มีแอปฯ หลายตัวช่วยคุณได้ในการตั้งค่าอัตโนมัติพวกนี้ เช่น Juice Defender กับ Tasker หรือพวกแอปฯ ตั้งการใช้พลังงานอัตโนมัติที่จะช่วยปิดอะไรก็ตามที่ต้องการตามเวลา หรือ Llama ที่ปิดตามสถานะที่คุณอยู่

สรุป
จนกว่าผู้ผลิตแอนดรอย์โฟนทั้งหลายจะหาทางให้โทรศัพท์สามารถใช้ได้นานเป็นอาทิตย์ คุณต้องคิดเสมอว่าวิธีการใช้งานของคุณนั้นมีผลต่อระยะเวลาของแบตฯ ผมไม่ได้บอกให้คุณใช้น้อยลง อันที่จริงคือคุณอยากให้มันกินแบตฯ น้อยลงเมื่อมันไม่ได้ถูกใช้งาน นั่นก็คือคุณต้องการให้แบตฯ มีเพียงพอให้คุณใช้มันได้เมื่อต้องการ ฉะนั้นคุณควรลองทำการตั้งค่าต่างๆ อย่างที่บอกไปและลบอะไรที่ไม่จำเป็นออกไปซะ ง่ายๆอย่างพวกไลฟ์วอลเปเปอร์หรือวิดเจ็ตที่อัพเดตตัวเองตลอดเวลา

หมายเหตุ หากผิดพลาดตรงไหน ขอคำชี้แนะด้วยค่ะ