ก่อนหน้านี้ Post ฉบับย่อ Admin ไม่ให้ผ่านผมเลยขอโทษ Admin และ Post ฉบับเต็ม
สำหรับรีวิวเจ้า LG Optimus HUB ตัวนี้นะครับ

 

สัมผัสแรกสำหรับ LG Optimus HUB หรือชื่อ model name LG E510 นั้นให้ความรู้สึกคล้ายกับ
iPhone 3G ที่ผู้เขียนเคยใช้มาก่อนตัวเครื่องงานประกอบค่อนข้างดีมากน้ำหนักเหมาะมือ
ไม่ใหญ่และเล็กเกินไปนัก Dimensions 113.4 x 60.8 x 11.9 mm
– ด้านหน้าตัวเครื่อง มี 3 ปุ่มกดได้แก่ Setting, Home, และ Back กระจกด้านหน้าเป็นชนิด
Gorilla Glass display ซึ่งเป็นกระจกหน้าชนิดกันรอยขีดข่วน (ไม่จะเป็นต้องติดฟิล์มก็ๆได้)
มาพร้อมขนาดจอ 3.5 นิ้ว (ขนาดเท่า iPhone 4)

 

เมื่อพลิกดูด้านหลังเครื่องเป็นงานประกอบวัสดุค่อนข้างดีเป็นพลาสติเงาใส่มีลายเคฟล่าเงาดูเท่ห์
ปุ่มกดโวลุ่มเพิ่มลดเสียงดูเรียบเนียนไปกับตัวเครื่อง

 

ด้านบนของตัวเครื่อง LG ได้ออกปุ่มกดและช่องเสียบแจ็คหูฟังขนาด 3.5 mm มาอย่างกลมกลืน
กับตัวเครื่องอีกทั้งวัสดุเหมือนเป็นโลหะสีดำเงามันโค้งสวยเหมาะรับกับกรอบนอกยิ่งนัก

ที่สำคัญ LG Optimus HUB มีกล้องขนาด 5 ล้านพิเซล Auto Focus ได้แต่ไร้แฟลช
ซึ่งน่าเสียดายเวลาถ่ายภาพในที่ต้องใช้แสงแฟลชช่วยจะไม่ได้รับจากมือถือตัวนี้
และอีกอย่างงานออกแบบการวาง LOGO แอลจีโดยส่วนตัวผู้เขียนคิดว่าวางตำแหน่งไม่สวยเลย
ควรที่จะเอา LOGO LG ไปวางไว้ด้านล่างของส่วนฝาหลังน่าจะเหมาะสมมากกว่า

 

ที่นี่เรามาลองแกะฝาหลังของตัวเครื่องดูจะพบว่า Optimus HUB นั้นมาพร้อมแบตขนาด1500mAh
พร้อมช่องเสียบ Micro SD ซ่อนอยู่ด้านข้างเวลาที่ปิดฝาหลังก็จะเก็บรายละเอียดงานได้ค่อนข้างดี
ฝาหลังแกะง่ายไม่แข็งจนเกินไปนักพร้อมช่องใส่ซิมก็เปลี่ยนใส่ได้ง่าย

สเปค LG Optimus HUB

น่าประหลาดใจหลังจากผู้เขียนได้ลองใช้ Optimus HUB มา 3 วันสภาพการใช้งานทั่วไป
ใช้ Twitter, Facebook และ Whatapps ผลปรากฎว่าสามารถอยู่ได้ 2 วันสบายๆ
โดยเมื่อเปรียบเทียบกับ iPhone 4 ของผู้เขียนเองใช้งานในสภาวะเหมือนกัน
ทั้งต่อเนตผ่าน WIFI หรือ 3G iPhone 4 แบตของผมอยู่ไม่ถึงวันครับ!!

เมื่อวัดสเปคเจ้า Optimus HUB ผ่านโปรแกรม AuTuTu Benchmark
ได้มาที่ 1543 ซึ่งก็เท่ากับสเปคในรุ่นระดับเดียวกัน

แต่สิ่งหนึ่งที่รุ่นนี้อาจแตกต่างอย่างน่าประหลาดใจคงเป็นหน้าจอสัมผัส Nova Display
ของ LG Optimus HUB มีจุดสัมผัสมากถึง 8 จุดสัมผัสมากที่สุดในมือถือในระดับราคา
ต่ำกว่าหมื่น ซึ่งผู้เขียนไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเวลาพิมพ์ในแป้นคีย์บอร์ดถึงมีความแม่นยำ
มากเป็นพิเศษอาจเป็นเพราะว่า LG เป็นผู้ผลิตจอ IPS นั้นเองทำให้จอสีสวยและน่าใช้

ตัวอย่างภาพถ่ายจาก LG Optimus HUB

ภาพปกนิตยสาร ET MAG ถ่ายใน Mode Auto ซึ่ง Optimus HUB มีระบบ Auto Focus
ขนาดถ่ายจริง 5 ล้านพิกเชล ภาพถ่ายที่ออกมาก็นับว่าใช้ได้เลย

อีกภาพถ่ายหนึ่งบริเวณคอนโดหรูแถวเจริญกรุงกับแดดยามเช้า White Balance เพี้ยนนิดๆครับ

จากวีดีโอคลิปด้านบนเป็นรีวิวโดยรวมที่เว็บนอกทำไว้ลองดูกันจะเห็นได้ว่ารุ่นนี้มีดีพอที่จะอยู่
ในตลาดได้ซึ่งในราคาระดับนี้ยังต้องเจอกับ Sony Ericsson Live with Walkman
ซึ่งมีราคาเท่ากันที่ 7,990 บาทเช่นกันซึ่งดูจากดีไซน์แล้วทาง Sony จะดูเหนือกว่านิดๆ
และถ้ายิ่งวัดกันที่สเปคแล้วทาง Sony ยิ่งกินขาด

ข้อดี

1. วัสดุงานประกอบดีมากหน้าจอเป็นชนิด Gorilla Glass
2. หน้าจอสัมผัสมีมากถึง 8 จุดสัมผัส (ทำให้แม่นยำขึ้น)
3. กล้องถ่ายรูปขนาด 5 ล้าน และมีรูรับแสงค่อนข้างดี
4. ระบบ LG UI 2.0 มีการปรับแต่งมาค่อนข้างดีสัมพันธ์กับขนาดแบต 1500 mAh
ทำให้สามารถใช้งานได้นานมากยิ่งขึ้น

ต้องปรับปรุง

1. หน่วยความจำภายในให้น้อยไปสำหรับการใช้งานด้าน Media Entertainment
2. ควรมีแฟลชกล้องเพื่อใช้ช่วยถ่ายภาพในที่อับแสง

สรุป

โดยรวมแล้วกับมือถือราคา 7,990 บาท ที่ LG กะเอามาทำตลาดราคาระดับกลาง-ล่าง ให้ครอบคลุม
มากขึ้นเพราะจะว่าไปแล้วตลาดราคาระดับนี้ที่ผ่านมาทาง LG เองยังทำได้ไม่ดีนักจะว่าแย่ก็ว่าได้
สำหรับ LG ประเทศไทยนั้น นับตั้งแต่ LG Optimus One ที่เป็นรุ่นสมาร์ทโฟนที่สร้างชื่อไว้ให้
ถัดมาก็เป็น Optimus 2X ที่พลาดตรงที่ใช้งบโปรโมทมากแต่สินค้ากับไร้คุณภาพในเรื่องของ
Software ทำให้แย่แถมยังไม่จับกลุ่มผู้ซื้อระดับบนในราคา 20,900 บาท เป็นจุดหนึ่งที่ LG พลาดมาก
แต่ก็มาแก้คืนกับ LG Optimus Black ซึ่งรุ่นนี้ไม่มีโฆษณา TVC เลยแต่ก็ยังสามารถอยู่ในกระแส
ของตลาดสมาร์ทโฟนอยู่ได้และตัวที่มีสีสันที่สุดตอนนี้สำหรับ LG เองคงไม่พ้น LG Optimus 3D
แต่ถ้ายังอยากจะครองใจผู้บริโภคสมาร์ทโฟนในประเทศไทยให้มั้นคงกว่านี้คงปฎิเสธไม่ได้ว่า
ตบาดสมาร์ทโฟนระดับล่างนั้นยังมีคู่แข่งที่น่ากลัวและทำตลาดได้ดีมากไม่ว่าจะเป็น Samsung, HTC
หรือแม้กระทั้ง Nokia เองเพราะว่าราคาระดับต่ำกว่า 7,000 นั้น Nokia ยังสามารถขายได้
ยังไรก็เป็นโจทย์สำหรับทีม Marketing LG Mobile ว่าจะปรับเกมอย่างไรในสถานการณ์อย่างนี้

 

Article by : TheAxism

Credit : www.mktstore.com