แม้ว่าตอนนี้ตลาดสมาร์ทโฟนขนาดใหญ่อย่างประเทศจีนจะเริ่มนิ่งๆ แต่ค่ายผู้ผลิตสมาร์ทโฟนทั้งภายในและภายนอกประเทศต่างก็กำลังทำการแข่งขันเพื่อแย่งส่วนแบ่งทางการตลาดขนาดใหญ่แห่งนี้ ซึ่งในขณะนี้ผู้ที่ครองพื้นที่ส่วนใหญ่ 3 อันดับแรกยังคงเป็น Xiaomi, Huawei และ Apple แต่ตอนนี้ที่น่าจับตามองคืออีก 2 แบรนด์เลือดมังกรที่กำลังมาไต่อันดบัขึ้นมาเรื่อยๆ อย่าง vivo และ OPPO โดยทั้งคู่มีส่วนแบ่งทางการตลาดรวมกันได้ 15% ซึ่งนับว่าเป็นตัวเลขที่ใกล้เคียงกับ 3 แบรนด์ในอันดับท๊อปเลยทีเดียว

สิ่งที่น่าจับตามองคือกระแสตอบรับของ vivo ที่แม้ว่านอกประเทศจะไม่ค่อยเป็นที่รู้จักเท่า OPPO แต่ตัวเลขการเติบโตภายในประเทศถือว่าก้าวกระโดดภายใน 1 ปี ก็สามารถโตขึ้นจาก 4% เป็น 8% ของส่วนแบ่งทางการตลาด ซึ่งทั้ง vivo และ OPPO มีวิธีการทำการตลาดที่แตกต่างจาก Xiaomi อย่างสิ้นเชิง โดยทั้งคู่จะเน้นตลาดค้าปลีกมากกว่าตลาดออนไลน์ ซึ่งสามารถช่วยลดปัญหาเรื่องการตัดราคาลดลงในเว็บไซต์จากราคาจริงของตัวแทนจำหน่ายปลีกทั่วไป ทำให้ราคาของสมาร์ทโฟนของทั้งสองแบรนด์จะไม่ตกลงในระยะยาวและสามารถรับประกันกำไรขั้นต้นให้กับตัวแทนจำหน่าย ซึ่งถือว่าเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์แบรนด์ให้ดูมีคุณภาพมากขึ้น

จุดร่วมกันอีกอย่างของ OPPO และ vivo นอกจากวิธีการทำการตลาดที่มุ่งเน้นไปทางการค้าปลีกและมีกลุ่มเป้าหมายเป็นประชากรที่มีรายได้ระดับกลางเหมือนกัน ทั้งคู่ยังมีการแบ่งกลยุทธในการโฆษณา เช่น การเป็นสปอนเซอร์ให้กับรายการโทรทัศน์และสื่อสิ่งพิมพ์ในจีน อีกทั้งยังเน้นการใช้ฟีเจอร์พิเศษที่ไม่เหมือนใครในการตีตลาดเหมือนกัน โดย OPPO จะเน้นเรื่องกล้อง ส่วน vivo จะเน้นเรื่องเสียง ซึ่งการที่ทั้งสองค่ายใช้กลยุทธ์การตลาดคล้ายๆ กันนั้น ก็ไม่แปลกแต่อย่างใด เพราะทั้งคู่มีต้นกำเนิดมาจาก BBK Electronics ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะบริษัทผู้ผลิตเกมบอยให้กับ Nintendo รวมถึงบริษัทเจ้าของ Flagship killer อย่าง OnePlus ก็อยู่ในเครือ BKK Electronics ด้วย แต่กลับไม่ค่อยมีใครพูดถึงหรือเปิดเผยเรื่องความสัมพันธ์ของทั้ง 3 บริษัทเท่าไหร่นัก ก่อนหน้านี้ก็เคยมีกระแสเรื่อง OnePlus เป็นบริษัทลูกของ OPPO หรือเปล่า แต่ผู้บริหารของ OnePlus เองก็ออกมาปฏิเสธว่าไม่ใช่มาแล้ว

 

Source : Quartz via blognone