จะกี่ปีผ่านไปก็ยังคงมีคนถามหา OPPO Find ซีรี่ย์กันมาอยู่เรื่อยๆ ตอนนี้ใครที่คิดถึงเจ้าซีรี่ย์นี้ก็กลับมารวมตัวกันตรงนี้เลย เพราะ OPPO Find X เพิ่งจะเปิดตัวกันไปสดๆร้อนๆพร้อมความเล่นใหญ่กล้องสไลด์เลื่อนขึ้นๆลงๆได้ ไม่เหมือนคนอื่น ดีไซน์ และ ฟีเจอร์ใหม่ๆมามัดใจแฟนคลับเต็มที่ การกลับมาครั้งนี้จะมีอะไรว้าวบ้างสรุปมาให้ว้าวไปพร้อมๆกันเลยค่ะ
1. กล้องสไลด์ เลื่อนขึ้นลงได้
ยกให้เป็นที่ความว้าวที่ไม่เหมือนใครกับกล้องสไลด์เลื่อนขึ้นลงได้แบบอัตโนมัติ การทำงานหลักๆแล้วกล้องจะทำการเลื่อนขึ้นมาก็ต่อเมื่อ 1.เรากดเรียกกล้องถ่ายรูป และ 2.มีการสแกนหน้าเพื่อปลดล็อคเครื่อง เมื่อเราทำสองอย่างนี้ เจ้าตัวกล้องจะเด้งขึ้นมาจากขอบด้านบนให้เองโดยอัตโนมัติเลยค่ะ ตอนแรกก็แอบคิดว่ามันจะช้าไม่ทันใจรึเปล่า แต่ดูแล้วมันก็ไม่ได้เลื่อนช้าเลยนะ ทันใจเหมือนกดเข้ากล้องปกติเลย ซึ่งเค้าบอกว่ามีการเทสสไลด์ขึ้นๆลงๆมาแล้วกว่า 3 แสนครั้งเลยนะ
ลองคิดเล่นๆ ถ้ามีการสไลด์กล้องซักวันละ 100 ครั้ง = 356*100 = 35,600 : 300,000/35,600 = 8.42 ปี นี่แค่อ้างอิงจากตัวเลขที่เค้าลองทดสอบเล่นๆ ถ้ามันทำได้จริงก็จะประมาณนี้แหละ เชื่อว่าหลายคนกลัวมันจะพังคามือตอนใช้ไปนานๆ ฮ่าๆ
เจ้ากล้องสไลด์ตัวนี้เนี่ยซ่อนอะไรไว้มากมาย นอกจากกล้องคู่หลัง 16MP+20MP และ กล้องหน้า 25 MP แล้ว ยังมีเซนเซอร์ต่างๆ ทั้งที่ตรวจจับความร้อน , กล้องอินฟาเรด , proximity sensor , กล้อง RGB และ โมดูลแสง 3D สำหรับสแกนใบหน้าเอย
2.ดีไซน์หน้าจอแบบ Panoramic
OPPO Find X มาพร้อมสัดส่วนหน้าจอแบบ 19.5:9 มีพื้นที่ใช้งานถึง 93.8% ของหน้าจอ ด้วยสัดส่วนความเป็นจอพาโนราม่า ทำให้เรารู้สึกเต็มมือ เต็มตามากขึ้นเวลาใช้งาน แล้วเค้าก็ฝังกระจก 3D ไว้บนขอบจอนี่เอง จะเห็นว่าขอบระหว่างตัวเครื่องแทบจะไม่มีเลย มีพื้นที่ใช้งานเยอะมากๆ
ไม่เพียงแต่จอเท่านั้น OPPO Find X ยังมาพร้อมกับดีไซน์การไล่สี ไล่เงาที่ด้านหลังของตัวเครื่อง ทำให้เวลาโดนแสงก็จะมีความระยิบระยับ และ ไล่เงาไปตามองศาการสะท้อน มีมาให้เลือกด้วยกันสองสีคือ Bordeaux Red และ Glacier Blue ค่ะ
3.3D smart selfie capture & 3D Omoji
กล้องหน้าที่ให้มา 25 ล้านนั้น ยังมาพร้อมประสิทธิภาพความแม่นยำของการตรวจจับใบหน้าผู้ใช้งาน มาตรฐานเดียวกับที่ใช้ในกองทัพทหารเลยทีเดียว ทำให้สามารถวิเคราะห์ใบหน้าได้ออกมาดีขึ้น จากที่ก่อนหน้านี้เค้าก็ทำการปรับแต่งบิวตี้โหมดได้ดีอยู่แล้ว แต่สำหรับรุ่นนี้จะยิ่งเพิ่มความเป็นธรรมชาติเข้ามามากขึ้นอีกด้วยโมดูล 3D ที่จับได้กว่า 15,000 จุดบนใบหน้า บวกกับโหมดเพิมแสงสว่างให้ใบหน้า
ที่ขาดไม่ได้สำหรับเรือธงในตลาดคือฟีเจอร์เปลี่ยนหน้าเราให้เป็นตัวการ์ตูนแล้วขยับปากพูดได้นี่แหละ สำหรับ 3D Omoji ทำได้ทั้งถ่ายรูป ถ่ายวีดีโอ หรือ เซฟเป็นภาพแบบ gif เพื่อส่งให้เพื่อนในแชทก็ทำได้หมด
4.AI scene recognition
กล้องหลังที่ถ่ายออกมาด้วยความละเอียดสูงยังมาพร้อมกับ AI ผู้ช่วยจดจำแต่ละซีนของภาพถ่าย พร้อมจำแนกว่านี่คือภาพอะไร ระบุได้ถึง 20 ประเภท กว่า 800 แบบเลยนะ ไม่ว่าจะ ถ่ายคน ภูเขา ทะเล หิมะ หรือ สัตว์เลี้ยง ก็มีอยู่ในหมวดหมู่ ให้เจ้า AI ได้ประมวลผลให้
5. Lamborghini Design
เป็นครั้งแรกที่มีการจับมือกับแบรนด์สมาร์ทโฟนของลัมโบกินี ออกมาเป็น OPPO Find X Lamborghini พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพการชาร์จให้กับตัวมือถือ และ สร้างความเป็นเอกลักษณ์ด้วยดีไซน์สีทองของโลโก้ทั้งสองแบรนด์ที่ด้านหลัง ในส่วนตัวเครื่องนั้นทำมาจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ แบบเดียวกับที่ใช้ผลิตรถแลมโบฯ และยังมีการเพิ่มลวดลายแบบอัญมณีให้กับตัวเครื่องด้วยนะ มาพร้อมแพ็คเกจกล่องที่ได้ไอเดียมาจากรถของแลมโบฯรุ่น aventador
6. Super VOOC Flash Charge ใน Lamborghini ดีไซน์
รถยนต์ก็ต้องคู่กับความเร็ว OPPO Find X Lamborghini ก็เช่นกัน ด้วยความเป็นรุ่นดีไซน์พิเศษเค้าก็จัดการใส่เทคโนโลยีการชาร์จแบตสมาร์ทโฟนที่เร็วที่สุดเท่าที่ OPPO เคยทำมาใส่เข้ามาให้แบบจัดเต็ม กับการจ่ายไฟ 10V – 5A ทำให้สามารถชาร์จแบตเตอร์รี่ขนาด 3,400 mAh ได้เต็มภายในเวลา 35 นาทีเท่านั้น ในขณะที่ชาร์จเร็วแบบ 5V – 2A จะใช้เวลาอยู่ที่ 90 นาที เร็วกว่ากันเกือบ 3 เท่าเลยนะจ๊ะ ว้าวป้ะ ?
7. ราคา
ที่สุดของความว้าวจนหน้าสั่นก็เห็นจะเป็นเรื่องราคานี่แหละ รุ่นปกติ OPPO Find X อยู่ที่ 999 ยูโร (~ 37,900 บาท) ส่วนตัว OPPO Find X Lamborghini ราคาจะอยู่ที่ 1,699 ยูโร (~ 64,400 บาท) แซงหน้า Porsche Design ของ Mate 10 ที่ 1,395 ยูโรไปเลยจ้าา แต่ราคาที่ประมาณมานั้นคาดว่าบวกลบภาษีแล้วก็คงถูกลงไปอีกซักนิด ซักหน่อย ต้องรอดูว่าบ้านเราจะจัดให้ที่เท่าไหร่ สู้ไม่สู้ ?
ความว้าวทั้งหลายเหล่านี้หวังว่าจะทำให้เพื่อนๆ รู้จักเจ้า OPPO Find X กันมากขึ้นเนอะ ใครที่ถูกใจตรงไหน หรือ ยังไม่ถูกใจอะไรก็มาเม้นท์แสดงความเห็นได้ ส่วนพรีวิว และ รีวิวจะตามมาติดๆ แน่นอน ไม่ต้องห่วง ใครอยากถามอะไรทิ้งไว้ได้ด้านล่างเหมือนเดิมนะจ๊ะ ^^
โหดมาก
Vivo Nex เพิ่งทำกล้องด้านหน้าเลื่อนขึ้นลงได้
แต่ Oppo ทำได้ทั้งกล้องหน้า หลัง สุดยอดจริงๆ
พัฒนากันแบบนี้ ผลดีก็อยู่ที่คนได้ใช้งานแบบเรา 555
….ได้แต่นั่งดู..เงียบๆ………
ถึงจุดจบของสายติ่งสักที ออกแบบ แบบนี้ค่อยดูมีความคิด
ว้าวหมด ยกเว้นข้อสุดท้าย มาไทยคงราวๆ 29900 เอาจริงๆก็โอเคนะ ถ้าเทียบกับเรือธงปัจจุบัน ผมว่าสวยดี
เดี๋ยวๆ ผมใช้ Find 7A ซื้อตอนเปิดตัวประมาณ 16,900 บาท เปิดราคามาแบบนี้ สงสัยคงเปลี่ยนกลุ่มลูกค้าเป็น พวก apple กับ samsung แน่เลย
แต่ก็ดีครับ ตัดสินใจง่ายดี จะได้จอง one plus ไม่ต้องรอ oppo ละ
ต้องเทียบกับ Oppo Find7 สิครับ อันนั้น 19,900 บาท
แต่ได้แค่ 32 Gb
8. ด้วยออฟชั่นพิเศษสามารถเก็บและแสดงคลาบนิ้วมือหรือฝุ่นเกาะได้เด่นชัดกว่า
55
ไม่แปลกที่ราคามันจะแพง ใส่นวัตกรรมเข้าไปค่อนข้างเยอะและแตกต่างจากเจ้าอื่นพอสมควร แต่ถ้ามีตังค์ผมก็ไม่ซื้อแน่นอนเพราะเหมือนเป็นรุ่นทดลองทำตลาด ถ้ารุ่นต่อๆไปมันนิ่งและราคาถูกกว่านี้แล้วค่อยมาพิจารณาใหม่
ไม่ถูกใจตรงราคานี้แหละครับ…..!!! อืม
เคสโทรศัพท์รุ่นนี้ จะหน้าตาเป็นยังไงนี่?
ผมไม่ค่อยชอบตรงกล้องมันเลื่อนขึ้นเลื่อนลงเท่าไหร่กลัวฝุ่นหรืออะไรมันเข้าไปข้างในสระสมจังแต่สวยมากกกก
Wowwww…ทั้งดีไซน์และราคา
"ลองคิดเล่นๆ ถ้ามีการสไลด์กล้องซักวันละ 100 ครั้ง = 356*100 = 35,600 : 300,000/35,600 = 8.42 ปี นี่แค่อ้างอิงจากตัวเลขที่เค้าลองทดสอบเล่นๆ ถ้ามันทำได้จริงก็จะประมาณนี้แหละ เชื่อว่าหลายคนกลัวมันจะพังคามือตอนใช้ไปนานๆ ฮ่าๆ"
คำนวนผิดเปล่าครับ ต้อง 365 วันสิต่อปี 555
เค้าหารจำนวนครั้งครับ
ถ้าสไลด์วันละครั้งก็โน่น อพยพไปอยู่ดาวอื่นกันแล้ว
ใช่ครับ ต้อง 365 วัน คำนวนใหม่ วันละ 100 ครั้ง = 365*100 =36,500 : 300,000/36,500 เท่าประมาณ 8.219 ปี
ว่าแต่มีใครใช้มือถือถึง 8 ปี โดยไม่เปลี่ยนเครื่องใหม่มั่ง
ฮ่าๆ มือมันลั่น แอบลดไปสิบวัน ขอโทษคั้บ T__T
ล้ำไปไกลกว่า SAMSUNG APPLE สุด ๆ
น่าจะทำรุ่นปกติเป็นทรงนี้ spec ตามนี้ ไม่ตัองเลื่อนขึ้นลง แล้วมีติ่งแบบ iphone เอาไว้ใส่กล้อง ขาย 19,900.- จะน่าสนกว่ามั้ย
เค้าน่าจะมองไกลกว่าแต่ขายได้เยอะเฉยๆมั้งครับ
โอว…เห็นราคาแล้วขนหัวลุก
สเป็คเนี่ยะสุดเลยอยากได้มาก แต่สิ่งที่ทำให้อยากได้น้อยลง
แพงแสนแพง ซื้อ f7 หรืออื่นๆ เหลือตังบาน…อารมณ์เหมือนตอนโนเกียออก รุ่น3310 มาใหม่ เท่ตรงไม่มีเสา แต่ก็แพงแสนแพง แต่ก็ซื้อ
ไม่มีช่องหูฟัง(ชอบฟังเพลงไม่ชอบพกหูฟังบูทูธมันใหญ่ ชอบพกแบบสายง่ายเบา) *อันนี้ขัดใจสุดๆ เหมือนจำเป็นต้องเลิกกันเพราะ..เธอไม่มีรู
ถ้าไม่อยากให้มีรู ทำไมไม่ทำที่ชาร์จบูทูธไร้สายไปเลยจะได้สุดแบบสุดๆ
ชีวิตจริงต้องใส่เคสแน่ๆ แล้วกล้องมันเด้งจะใส่เคสไงล่ะทีนี้(อาจมีเคสที่ออกแบบมารองรับมั้ง…)
สีก็..แล้วแต่น่ะ
ณ ยุคตอนนี้ อยากได้จอเต็มๆ แต่ติดกล้องหน้า มันก็คงจะประมาณนี้กับการแก้ปัญหา
อนาคตมันต้องอยู่ใต้จอ เหมือนสแกนนิ้ว ที่อย่างน้อยๆต่อไปต้องสแกนได้ในพื้นที่ 1/3 ของจอครึ่งล่าง
การทำบอดี้มือถือให้จบนิ่งๆในกรอบเดิมๆ ส่วนตัวคิดว่ามันซิมเปิล ง่ายๆใช้งานสะดวกกว่าไปเพิ่มแมคแคนิค
ให้ตัวบอดี้ คือมันเพิ่มต้นทุน และการดูแลต่างๆตามมา…อะไรที่มันไม่พร้อมผมก็เห็นคนใช้ใช้กันได้
ส่วนตัวคิดว่าการทำแบบนี้มันคือการย้อนกลับไปเอาแมคแคนิคมือถือเก่าๆมาแก้ปัญหา ไม่ใช่การพัฒนา
มันล้ำข้ามหน้า ข้ามตาผลไม้ได้ไง อีสาวกคงอกแต่ตาย!!!
คนซื้อไม่บ่น แต่คนชอบบ่นไม่ซื้อ
ส่วนผม….ไม่ซื้อเพราะแพงเกินความจำเป็น แต่ถามว่าสวยไหม บอกเลยว่าสวยมาก
ถ้าถูกหวยซัก 3ล้าน จะจัดรุ่น Lamborghini ให้ดู
ว่าแล้วไปนอนฝันต่อไป
SUPER VOOC FLASH CHARGE อย่างโหดกลับมายึดความเร็วในการชาร์เร้วที่สุดได้แล้วสินะ นำชาวบ้านไปไกลมาก ชาวบ้านเขายังไม่เห็น 30w กันสักค่าย พี่แก่มาที่เดียว 50w ยอม
ดีไซ รูปร่าง สวยมาก เสียอย่างเดียวถ้าราคาพี่แก่จะแรงขนาดนี้ เอาสแกนนิ้วใต้จอมาใส่ด้วยสิ มันจะดูสมเหตุสมผลอยู่
สุดยอดทุกประการ…ยกเว้น coloros เป็นอะไรที่รับไม่ได้จริงๆ ทั้ง ui ฯลฯ
ขอราคาติดโปรลดเยอะๆ ถ้าซื้อสดราคานี้ .. คงต้องรอไปอีกนาน …
ขอ fingerPrint ใต้จอไม่ได้เหรออ
ดีครับ เป็นอะไรที่ใหม่ๆ ไม่เหมือนเดิม ยอมรับว่าสวย แต่ผมก็ยังไม่ชอบระบบเลื่อนขึ้นลงอยู่ดี
ติ่ง apple ที่ชื่อ some some อะไรอยู่ไหน
ปกติ ต้องมา
โดนแบน ไปแล้วครับ และก็ อวตานไอดีใหม่มาละรอดูได้เลย