หลังจากหายไปนานหลายปี กลับมาคราวนี้ถือว่า OPPO ตั้งใจพา OPPO Find X กลับมาทวงตำแหน่งเรือธงอย่างจริงจัง อาจเรียกได้ว่าเป็นการเปิดตัวสู่ยุคใหม่ พร้อมๆ กับเปิดตลาดใหม่ในยุโรปด้วย ซึ่งงานนี้ OPPO ก็เลยจัดเต็มทั้งสเปค และดีไซน์ให้ดูล้ำสวยงาม แถมยังไม่มีส่วนเว้าแหว่ง (Notch) ด้านบนมารบกวนจิตใจอีก ที่เหลือก็มาดูไปพร้อมกันดีกว่าว่าฟีเจอร์ของ OPPO Find X ที่ให้มานั้นจะมีอะไรน่าสนใจบ้าง ~ 

Play video

ย้อนกลับไปดูจุดเด่นของ ‘ตระกูล FIND’ ของ OPPO อยู่ที่ความสวยงาม ความบาง และแบตเตอรี่ที่อึด ซึ่งก็ยังคงเก็บรักษาจุดเด่นต่างๆ เหล่านี้ไว้ใน OPPO Find X ซึ่งออกแบบมาให้มีหน้าตาโดดเด่นและมีความเฉพาะตัว

OPPO Find X มาพร้อมหน้าชนิดใหม่เรียกว่า Panoramic Arc Screen มีอัตราส่วนหน้าจอต่อขนาดเครื่องสูงสุดที่ 93.8% ถือว่าเป็นพื้นที่จอที่เต็มตาและมากที่สุดในตลาดตอนนี้

ซึ่งการได้พื้นที่หน้าจอกว้างใหญ่ไพศาลแต่ขอบจอบางติ๊ดเดียวนั้น ก็เพราะเทคโนโลยี COP flexible screen packing สามารถทำขอบให้ OPPO Find X บางได้สุดๆ โดยเฉพาะขอบล่าง ด้วยการออกแบบการม้วนเก็บสายหน้าจอ

การออกแบบของ OPPO Find X มีการเลือกใช้กระจก 3D มีความโค้งมนในแต่ละด้าน ฝาหลังดีไซน์ไล่เฉดสีด้วย 3D arc เวลาสะท้อนกับแสงทำให้ดูเลื่อมๆ วิบวับสวยงาม น่าจับถือ

สำหรับการปลดล็อคหน้าจอนั้นสามารถทำได้โดยการใช้ระบบ ‘O-Face‘ ซึ่งใช้กล้องหน้าของ OPPO Find X ที่เป็น ‘Stealth 3D Cameras‘ ซ่อนเอาไว้ในตัวโทรศัพท์ และจะสไลด์ขึ้นมาเองเมื่อเรียกใช้งาน ทำให้ตัวเครื่องยังคงความสวยงามและเพรียวบาง ดูล้ำสุดๆ

บนแผง Stealth 3D Cameras นั้นมีการฝังอุปกรณ์และเซนเซอร์ต่างๆ เอาไว้มากถึง 6 ตัว อย่าง เซนเซอร์ตรวจจับความร้อน proximity sensor, Dot projector ตัวรับสัญญาณ อินฟราเรด และ RGB โดยกล้องยืดหด Stealth นี่ผ่านการทดสอบการสไลด์มากว่า 300,000 ครั้ง ซึ่งบนเวทีทาง OPPO ก็เคลมว่า 5 ปีก็ไม่พัง

 

เมื่อกล้องหน้ามีเซนเซอร์ 3D ฟีเจอร์ ‘AI Selfie‘ สแกนใบหน้าได้แบบสามมิติด้วยระบบ AI จึงสามารถวิเคราะห์ใบหน้าได้ดีขึ้น และมีโหมดปรับแสงมากมายให้เลือกใช้ในการปรับแต่งรูป

มีฟีเจอร์ ‘OMoji‘ ที่เป็นหน้าการ์ตูน 3D สามารถใช้ในการแชทกับเพื่อนๆ ได้

กล้องหลังคู่ของ OPPO Find X มีความละเอียด 16MP + 20MP ค่ารูรับแสง Dual f/2.0 และมาพร้อม ‘AI Portrait Mode

ไมโครโฟนของ OPPO Find X ถูกออกแบบมาให้สามารถรับคำสั่งต่างๆ จากระบบคำสั่งเสียง รวมถึง Google Assistant ได้ดียิ่งขึ้น ทั้งการแยกเสียงเจ้าของเครื่องในที่มีเสียงดัง และยังพร้อมทำงานตลอดเวลาโดยกินพลังงานแบตไม่มาก

 OPPO Find X ยังมาพร้อม ‘VOOC Flash Charge‘ ระบบชาร์จที่เร็วสุดๆ ปลอดภัย และเครื่องไม่ร้อนด้วย

เพิ่มเติม! สำหรับใครที่กังวลว่าจะโดนลอยแพเหมือนที่ผ่านๆ มา ก็หายห่วงได้เลยค่ะ เพราะว่าทาง OPPO นั้นได้เข้าร่วมโครงการ Android P Beta Program ตามข่าวที่เคยออกมาก่อนหน้านี้ รวมถึง OPPO Find X นั้นก็ยังรองรับทั้ง Google Assistant และกล้องฝัง Google Lens มาด้วย

 

แต่ยังจ้าา… ความเซอร์ไพรส์ยังไม่หมดเพียงเท่านี้

OPPO ยังมีรุ่นพิเศษที่มาพร้อมความเร็วแรงขั้นสุด OPPO Find X Lamborghini ที่ไปจับมือกับค่ายรถหรูชื่อดังอย่างแลมเบอกินี่ แถมดีไซน์ฝาหลังมาพร้อมลวดลายเคฟล่าร์ฝังเอาไว้ใต้กระจก 3D สวยงาม

OPPO Find X Lamborghini ยังมาพร้อม ‘Super VOOC flash charge‘ ที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่ 3,400 mAh ให้เต็มได้ ภายใน 35 นาที!!!

Play video

สเปค OPPO Find X

  • Android OS 8.1 (Oreo) + Color OS 5.1
  • หน้าจอ Panoramic Arc Scree n ขนาด 6.42 นิ้ว ความละเอียด FullHD 2340 x 1080 พิกเซล อัตราส่วน 19.5:9(~403 ppi) ~ ไม่มี Notch เด้อจ้า
  • CPU: Qualcomm Snapdragon 845
  • RAM 8GB
  • ความจุ 256GB
  • กล้องหลังคู่ (Dual Camera) 20 MP +16 MP f/2.0+ AI Portrait Mode + OIS + เซนเซอร์ HDR 2.0
  • กล้องหน้า 25 MP + Stealth 3D Cameras
  • ไม่มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. ( T_T )
  • ปลดล็อคเครื่องด้วยใบหน้า O-face Recognitions
  • แบตเตอรี่ความจุ 3,730 mAh + รองรับ VOOC flash charge
  • สีที่วางจำหน่าย: สี Glacier Blue และ สี Bordeaux Red

สำหรับราคาวางจำหน่ายของ OPPO Find X อยู่ที่ 999 ยูโร (37,900 บาท) คำนวนราคาออกมาแล้วอาจจะตกใจ แต่อย่าลืมว่าในยุโรปนั้นจะโดนภาษีค่อนข้างสูงราวๆ 20% หักลบกันแล้วก็น่าจะอยู่ราวๆ 30,000 บาท

ส่วน OPPO Find X  Lamborghini เปิดราคาออกมาที่ 1,699 ยูโร (64,400 บาท) คำนวนลบภาษีแล้วน่าจะราวๆ 5-6 หมื่นบาท จะเริ่มวางจำหน่ายในช่วงดือนสิงหาคมนี้ค่า ส่วนการวางจำหน่ายในประเทศไทยนั้นก็ขอให้ติดตามกันต่อไป