หลังจากที่มีข้อมูลเผยออกมากันอย่างหนาหูไปเมื่อก่อนหน้านี้กับ OPPO Reno 5 Pro+ 5G วันนี้ก็ได้เปิดตัวกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วกับมือถือใหม่จากทาง OPPO ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ระดับเรือธงมากมายไม่ว่าจะเป็นชิปเซ็ตอดีตตัวท็อปอย่าง Snapdragon 865 และกล้องหลักความละเอียดถึง 50MP อีกด้วย

OPPO Reno 5 Pro+ 5G มาพร้อมกับหน้าจอ AMOLED ขนาดใหญ่ 6.55 นิ้ว ความละเอียด 1080 x 2400 ค่ารีเฟรชเรท 90Hz และ Touch sampling rate ที่สูงถึง 180Hz ทำให้การสัมผัสติดนิ้วไม่ว่าจะลาก Social หรือเล่นเกมก็ลื่นไหลไม่สะดุดแน่นอน แถมยังสามารถปรับให้สว่างได้สูงสุดถึง 1,100 nits และมาพร้อมระบบสแกนลายนิ้วมือใต้จอ

ตัวเครื่อง OPPO Reno 5 Pro+ 5G ก็ถูกขับเคลื่อนด้วยอดีตชิปเซ็ตเรือธง Snapdragon 865 และมีให้เลือกทั้งหมดด้วยกัน 2 รุ่นได้แก่รุ่นแรม 8GB หน่วยความจำ 128GB และรุ่นแรม 12GB หน่วยความจำ 256GB แถมยังเป็นหน่วยความจำแบบ UFS 3.1

ในส่วนของตัวกล้องก็ไม่น้อยหน้าเลยเพราะมาพร้อมกับเซนเซอร์หลักเป็นของ Sony IMX766 (1/1.56″) ความละเอียด 50MP f/1.8 มาพร้อมกับระบบกันสั่น OIS (Optical image stabilization) กล้องเทเลโฟโต้ความละเอียด 13MP พร้อม f/2.4 กล้อง Ultra-wide ความละเอียด 16MP f.2.2 และกล้องมาโครความละเอียด 2MP f/2.4 เป็นตัวตบท้าย ในส่วนของกล้องหน้าก็จะเป็นเซนเซอร์ความละเอียด 32MP f/2.4 เอาไว้สำหรับถ่ายเซลฟี่ครับ

OPPO Reno 5 Pro+ 5G มาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 4,500mAh แถมยังรองรับระบบชาร์จไว 65W SuperVOOC 2.0

OPPO Reno 5 Pro+ ก็มาพร้อมกับระบบปฎิบัติการ ColorOS 11 ที่ทำงานบน Android 11 เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดตั้งแต่แกะกล่องเลย แถมตัวเครื่องก็ใช้วัสดุสุดพรีเมียมทั้งฝาหลังกระจก และตัวเฟรมที่เป็นอลูมีเนียมทั้งหมด อีกทั้งยังมีลำโพงคู่ Stereo รองรับระบบเสียง Dolby Atmos อีกด้วย

ตอนนี้ตัว OPPO Reno 5 Pro+ 5G มีขายแค่เฉพาะในจีนเท่านั้นซึ่งได้มีกำหนดวันเปิดให้พรีออเดอร์เป็นที่เรียบร้อยแล้ววันที่ 18 มกราคม และเริ่มขายจริง ๆ วันที่ 22 มกราคมซึ่งได้เปิดตัวเป็นรุ่นเริ่มต้น 8GB/128GB ราคาอยู่ที่ 3,999 หยวน (ราว ๆ 18,000 บาท ) และรุ่น 12GB/256GB ค่าตัวอยู่ที่ 4,499 (ราว ๆ 20,600 บาท ) โดยมีมาให้เลือกด้วยกัน 2 สีได้แก่สี ดำ (Night Shadow) และสีฟ้า (Floating Light) แถมยังมีรุ่นที่ Collab กับศิลปินชื่อดังอย่าง Joshua Vides อีกด้วย ส่วนจะได้เปิดตัวมาในไทยเมื่อไหร่ก็ต้องรอลุ้นกันต่อไปครับ

 

Source: OPPO Via GSMArena