นอกจาก OPPO จะเปิดตัวมือถือเรือธงกล้องเทพซีรีส์ Find X2  ไปแล้ว ก็ยังได้เปิดตัวสมาร์ทวอทช์รุ่นแรกของทางค่ายอย่าง OPPO Watch ออกมาพร้อมๆ กัน โดยสมาร์ทวอทช์ดังกล่าวมาในดีไซน์หน้าปัดสี่เหลี่ยม ดูหรูหราพรีเมี่ยม แถมยังมีฟีเจอร์ล้ำๆ อีกมากมาย ทั้งรองรับ eSIM โทรเข้าโทรออกได้, กันน้ำลึก 50 เมตร ฯลฯ แต่มีราคาเริ่มต้น 1,499 หยวน หรือราวๆ 6,800 บาท เท่านั้นเอง

OPPO Watch มาพร้อมกับหน้าจอ AMOLED แบบขอบโค้ง 3D ขนาด 1.6 นิ้ว และ 1.9 นิ้ว รองรับการแสดงผลแบบ DCI-P3 ค่าสีตรง 100%, มีขอบบนล่างซ้ายขวาบางมากๆ โดยบริเวณด้านขวาของตัวเรือน จะมีปุ่ม 2 ปุ่ม สำหรับกด และสั่งการต่างๆ

OPPO Watch มากับเซนเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ ซึ่งสามารถใช้ตรวจจับคุณภาพการนอน และรองรับการออกกำลังกายหลายรูปแบบอีกด้วย อีกทั้งยังมีเซนเซอร์ ECG (Electrocardiogram) ที่สามารถเก็บข้อมูล ส่งไปให้แพทย์ เพื่อช่วยในการวินิจฉัยโรคเกี่ยวกับความผิดปกติของหัวใจได้อีก ซึ่งถือว่าเป็นสมาร์ทวอทช์ไม่กี่รุ่นในตลาดตอนนี้ที่มีเซนเซอร์ดังกล่าว

OPPO Watch ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Snapdragon Wear 2500 + ชิป Apollo 3 และความจุขนาด 8GB ขณะที่ระบบปฏิบัติการเป็น ColorOS โดยมือถือที่สามารถเชื่อมต่อกับนาฬิการุ่นนี้ได้ อย่างน้อยจะต้องใช้ระบบปฏิบัติการ Android 6.0 ขึ้นไป และยังรองรับการใช้งาน eSIM อีกด้วย ซึ่งผู้สวมใส่สามารถใช้นาฬิการุ่นนี้รับสาย หรือโทรออกได้เลยโดยไม่ต้องเชื่อมกับมือถือ นอกจากนี้ยังมี GPS, NFC และรองรับ Bluetooth 4.2

OPPO เคลมว่า หากเปิดใช้งานโหมดประหยัดพลังงาน จะสามารถใช้งาน OPPO Watch ได้นานต่อเนื่องถึง 21 วัน!..ทว่า หากใช้เป็นโหมดธรรมดา จะเหลือแค่ 40 ชั่วโมงเท่านั้น อย่างไรก็ดี OPPO Watch มาพร้อมกับระบบชาร์จไว Watch VOOC ที่ใช้เวลาชาร์จเพียงแค่ 17 นาที ก็ได้แบตเตอรี่มาใช้งานแล้ว 50% โดยจุดเด่นของสมาร์ทวอทช์รุ่นนี้คือ จะสลับเปลี่ยนใช้งานระหว่างชิป Snapdragon Wear 2500 และ Apollo 3 ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ เพื่อให้แบตเตอรี่สามารถใช้ได้ยาวนานที่สุด

เบื้องต้น OPPO Watch จะวางจำหน่ายเฉพาะในประเทศจีนเท่านั้น โดยจะเริ่มเปิดให้จองเป็นเจ้าของตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ก่อนจะวางขายจริงวันที่ 24 มีนาคมที่จะถึงนี้ ในราคา 1,499 หยวน หรือประมาณ 6,800 บาท สำหรับรุ่นจอ 1.6 นิ้ว (หน้าปัด 41 มม.) และ 1,999 หยวน หรือประมาณ 9,000 บาท สำหรับรุ่นจอ 1.9 นิ้ว (หน้าปัด 46 มม.) ส่วนการวางจำหน่ายในประเทศอื่นๆ รวมถึงบ้านเรา ต้องรออัพเดทกันอีกรอบครับ

 

ที่มา: gsmarena