Apple Watch เป็นหนึ่งใน Wearable Device หรืออุปกรณ์สวมใส่ที่มีคนจับตามองมากที่สุดของปีนี้เลยก็ว่าได้ เพราะ Apple มักจะเป็นบริษัทที่กำหนดทิศทางของ gadget ต่างๆเหมือนในยุค iPhone และ iPad แต่รอบนี้เหมือนว่าจะไม่เป็นอย่างที่คาดกัน เมื่อยอดสั่งจอง Pebble Time พุ่งสูงขึ้นเป็นเท่าตัวหลังงานเปิดตัว Apple Wacth จบลง หรือว่ามันกำลังจะหมดยุคที่ Apple เป็นผู้นำซะแล้ว
ในวันก่อนที่งานเปิดตัว Apple Watch และ Macbook จะเริ่มต้น ยอดสั่งจอง Pebble Time นั้นมีอยู่ราวๆ $6,000 ต่อชั่วโมง แต่พอจบงาน Apple เท่านั้นแหละ ผู้คนก็แห่กันไปจอง Pebble Time จนยอดเพิ่มขึ้นเป็น $10,000 ต่อชั่วโมง และหลังจากนั้นอีก 1 วัน ยอดจองก็กลายเป็น $16,000 ต่อชั่วโมง! นี้เป็นสิ่งหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่า Apple กำลังทำอะไรสักอย่างผิดไปแน่ๆเลย
Pebble เป็นหนึ่งใน smartwatch ที่ได้รับความนิยมมเป็นอันดับต้นๆ Pebble มีประสบการณ์ในด้านนี้มากกว่า Apple และเข้าใจดีว่าผู้ใช้ต้องการอะไรจาก smartwatch ในตอนนี้ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของ smartwatch ที่ยังแก้กันไม่ตกก็คือแบตเตอรี่ที่อยู่ได้ไม่เกิดวันสองวัน Pebble เป็นเจ้าเดียวที่กล้าบอกว่าแบตอยู่ได้เป็นอาทิตย์ ผิดกับ Apple Watch ที่เปิดจอดูได้แค่ 5 ชั่วโมง และใช้งานทั่วไปได้รวมๆแค่ 18 ชั่วโมงก็ต้องวิ่งหาที่ชาร์ตกันแล้ว แล้วใครจะอยากชาร์จนาฬิกาตัวเองทุกวัน จริงไหม ?
ใครคล่องภาษาอังกฤษก็ลองดูได้นะ
ประเด็นหนึ่งที่ขอยืมคำพูดมาจาก Channel LinusTechTip: The WAN Show ก็คือ อย่างแรก ราคาของ Apple Watch นั้นสูงเกินไป และไม่ได้ทำอะไรได้มากไปกว่าที่ smartwatch อื่นๆทำได้นัก (นอกจากส่งจังหวะการเต้นหัวใจไปให้เพื่อน =~= ) อย่างที่สอง มันไม่ใช่นาฬิกา เราไม่สามารถหวังจะพึ่งพามันเพื่อใช้บอกเวลาได้เสมอไป เพราะเดี๋ยวใช้มาก แบตก็กลัวแบตจะหมดอีก
ปล. LG G Watch R แบตอยู่ได้เกือบ 2 วันนะ ;p
อีกประเด็นหนึ่งก็คือ Apple Watch ตัวแรกที่ออกมานี้มันดูขาดๆเกินๆ อาจจะเป็นเพราะ Apple กำลังทดลองตลาดแบบในยุค iPad รุ่นแรก ที่สุดท้ายแล้วก็มี iPad 2 มาพลักให้ตกรุ่นในเวลาอันสั้น เราอาจจะได้เห็น Apple Watch 2 โผล่มาในอีก 6 เดือนหลังรุ่นแรกวางขายก็เป็นได้ ใครจะรู้
ถ้าใครผิดหวังกับ Apple Watch หล่ะก็ ไม่ต้องเสียใจไป ยังมี smartwatch เจ๋งๆอยู่อีกหลายตัวให้เล็ง ตอนนี้ Pebble Time และ Pebble Time Steel ก็ยังเปิดให้สั่งจองล่วงหน้าได้อยู่ที่โปรเจค Kickstarter ใครยังไม่รู้ว่าความเจ๋งของ Pebble Time มันเป็นยังไงก็ลองติดตามได้ที่ ข่าวเก่า ครับ
Source: The Verge, LinusTechTip
apple watch น่าจะแป๊กเพราะราคากับประสิทธิภาพไม่คู่ควร
ก็ว่ากันไป แต่ผมฟันธงว่า Apple Watch ขายดีถล่มทลายแน่
อย่างน้อยเพื่อนผมก็รอซื้อกันทุกคน
ซื้อเพราะมองเป็น Smart Watch กับซื้อเพราะมองเป็น Apple มันคนละอย่างกันนะครับ
จริงๆ ผมก็มองว่านี่มันเป็นรุ่นแรกของ Apple ถ้ามันแป๊ก คงไม่แปลกเท่าไร แต่ผมผิดหวังเหมือนกัน เพราะแบรนด์นี้ทำให้ผมหวังมาตลอดว่าจะต้องมีอะไรดีกว่าของที่มีในตลาดอยู่แล้วบ้าง (ถึงผมจะไม่เคยใช้ Apple เลยก็ตาม)
ส่วนตัวจอง Pebble Time เรียบร้อยนานละครับ
ใช่เลย ใครจะอยากชาร์จนาฬิกาทุกวัน !! แค่โทรศัพท์กับแทบเบล็ตก็พอละ
แต่ทุกวันนี้ผมกลับบ้านก็ถอดชาร์จทุกวันนะ อยู่บ้านไม่ใส่
แต่ตอนนี้อย่างน้อยๆก็ขอที่มันใส่ได่เกือน 2 วันก่อนละแล้ว
เผื่อเดินทางไปไหนมันชาร์จไม่ได้ดับขึ้นมายุ่งเลย
ยิ่งชาร์จแบบปกติไม่ได้อยู่ จะให้เอา power bank มาจิ้มก็ไม่ได้อีก ต้องมีแท่นวาง
ถ้า Apple Watch ขายไม่ดีจริง ต่อไปอาจมีข่าว Apple ขอซื้อกิจการ Pebble ก็เป็นได้ 0:)
เวลา Apple ออกผลิตภัณฑ์อะไรออกมาก็จะโดนกระแหนะกระแหนโจมตีตลอด
แต่สุดท้ายขายดีจนยอดขายขึ้นนำเป็นอันดับต้นๆและที่มากไปกว่านั้นคือ
พวกที่เห่าหอนโจมตีเขาทั้งหลายต่างพากันลอกเลียนแบบเขาอย่างหน้าด้านๆ
ผมพึ่งจะเห็น smart watch จะมีก็ช่วงมีข่าวว่าจะมี Apple watch นี่แหละครับ
แม้กระทั้งแบรนด์นาฬิกาชั้นนำยังสนใจหันมาทำเลยครับ คอยดูกันไปครับ
คนซื้อเขาไม่มองแค่ความคุ้มค่าของการใช้งานเพียงอย่างเดียวหรอกนะครับ
ไม่งั้นไอโฟนคงขายไม่ออกหรอกเพราะสเปคและความคุ้มค่าสู้มือถือจากจีนแดงยังไม่ได้เลย
คนซื้อเขานิยมในแบรนด์ด้วยครับ อย่างชื่อแบรนด์ในกระทู้นี้ผมก็พึ่งจะรู้จักครับ
ส่วนรูป Apple ผมรู้จักมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมละครับ
ก็มีเหตุผล แต่เราเห็นด้วยกับข่าวนี้นะ
นั่นถือว่าเป็นจุดอ่อนใหญ่ของ apple ในด้านนาฬิกาเลยครับเพราะผมถือว่า apple ใหม่มากในด้านนี้ ถ้าแบร์นนาฬืกาดังๆหันมาจับด้านนี้ apple แป๊กแน่ๆซึ่งตอนนี้เห็นมี 2-3 เจ้าเริ่มลงมาจับแล้ว อีกอย่างราคาระดับนี้ผมซื้อพวกไซโก,แทกได้เลยนะครับ
ปล ผมสงสัยอีกอย่างจะมีติ่ง apple ระดับกลางถึงสูงซักกี่คนที่เลือก apple แทนนาฬิกแบร์นหรูที่บงบอกฐานะได้ดีกว่า
ขออนุญาตบอกเป็นข้อมูลนะครับ
pebble นี่เรียกว่าเป็น smartwatch เจ้าแรกๆ ของโลกเลยก็ได้ครับ
เริ่มโปรเจค kickstarter ของรุ่นแรกเมื่อเมษา 2012 และเป็นโปรเจกที่ทำยอดได้ถล่มทลายเลย
ขณะที่แอปเปิลเริ่มมีข่าวลือโปรเจก iWatch (ชื่อตอนแรกที่ยื่นจดทะเบี่ยนแต่ดันมีปัญหาไปซ้ำเลยเปลี่ยนเป็น Apple Watch) หลุดออกมาตอนมีนา 2013 ครับ และเริ่มเป็นข่าวลือที่สะพัดเอาตอนปลายปี
ดังนั้นถ้ามองในภาพของการเข้าสู่ตลาดแล้วแอปเปิลค่อนข้างช้า
แต่ก็อย่างที่ว่าแหละครับสินค้าแอปเปิลยังไงก็ขายได้อยูดี ตอนนี้ผมก็รอดูว่าจะทำยอดขายได้ขนาดไหน
ผมเชื่อครับว่ายอดขายต้องถล่มทลาย แต่ส่วนตัวผม ผมขอบเปรียบเทียบ McDonale ที่ขายได้เยอะ แต่ผมว่า Burger King อร่อยกว่า #เกี่ยวกันไหม 555
ผมว่าapple watch มันคือนาฬิกานะครับ ไม่ใช่โทสัพ สำหรับแอเปิ้ลแค่กันน้ำได้ วัดheart เรท ได้ก็ดีใจจะแย่แล้วครับ คนเป็นติ่งเขารู้กันจะให้ดีเหมือนโทสัพไม่ได้ smart watch แอนดรอยนี่ทำได้ ทบทุกอย่าง จนเลือกไม่ถูก อีกปี1คงจะยัดแรม4gb ลงsmart watch แน่ เพราะไม่มีอะไรจะสู้ apple watch ได้ นอกจากสเปก
ผมก็ชาร์จ G Watch R ทุกวันนะ ไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนอะไร เพราะไงก็ต้องเสียบโทรศัพท์ชาร์จทุกวันอยู่แล้ว
เคยใช้งานได้ 3 วัน ปิดเครื่องตอนนอน ปิด Always on ถ้าเค้นกันสุดๆจริงๆ ผมว่า 4 วันอยู่ได้(เปิดเครื่องวันละ 10 ชม.)
รอดูกันไปครับ ว่าจะเป็นยังไง
ประเด็นสำคัญเลยคือ แอปเปิ้ลลดราคาของได้นะครับ ไม่ใช่ว่าออกราคาไหน ขายราคานั้นตลอด
มีให้เห็นชัดๆ เลยตอนไอโฟนแรกเปิดตัว เปิดมา $599 หรือไงนี่ล่ะ พอยอดขายไม่วิ่ง ลดไป $200 เหลือ $399 ขายกระจาย
ถ้าตัวนี้ราคาสูงไป ลดมันลงมาอีกสัก $100 น่าจะขายง่ายขึ้น
ส่วนตัว เห็นด้วยกับบทความ ออกมาเพื่อลองตลาดก่อน หรือไม่งั้นคือออกมาเพื่อดึงตลาด แอปเปิ้ลมองได้แน่ๆ ว่าคนไม่อยากจะชาร์จนาฬิกากันบ่อยๆ หรอก แต่หลายๆ ค่ายทำกันออกมาหมดแล้ว จะปล่อยให้ตลาดตรงนี้วิ่งไป โดยตัวเองไม่ลงมาแข่งบ้างก็แลดูจะไม่เหมาะ
ไม่ติดแบรนด์และเสียดายตังจิงซื้อไม่ได้น่ะเนี่ย เอาจิงๆซื้อนาฬิกาหรูจิงๆใช้ดีกว่า เพราะมือถือมันทำได้หมดแล้วจะมาเสียเวลาช๊าจนาฬิกาเพิ่ม ใช้ๆไปก้กังวล แบตมันจะหมดจะพอมั้ย เอาจิงๆไม่คุ้มแน่นอนนอกจากคลั่งแบรนด์
G-Shock เหอะครับพี่น้อง แบต 2 ปี ไม่ต้องกังวลว่ามันจะไปกระแทกจอแตกตอนไหน (พอดีเป็นคนซุ่มซ่ามครับ)
ปล.แต่ก็แอบมอง Huawei Watch กับ Moto 360 อยู่ ชอบจอกลมๆ ^^
ได้ข่าวว่า moto360มันกลมไม่จริง
กลมจริงมีแค่ huawei watch, lg g watch r, lg watch urbane นะ
+1
แบรนด์สำคัญ
แฟชั่นนำพา
apple watch น่าจะแป๊กเพราะราคากับประสิทธิภาพสวนทางกัน
ติ่ง apple ช่างน่ากลัวเสียนี่กระไร
แบรดน์ดีมีใชย ไปกว่าครึ่ง
สงสัยว่าไอ้สมาร์ทวอท แอปเปิลวอท และก็อะไรวอทๆทั้งหลายแหล่…จำเป็นมั้ยที่ต้องใช้
บางฟังค์ชั่นโอเคบางกลุ่มได้ใช้…แต่ภาพรวมก็ต้องมาจบที่ฮัลโหลเหน็บหูอยู่ดี…เพลีย
แถมมีติ่งมาเล่นมาม่าใส่กันอีก…ปูเสื่อนั่งกินมาม่าแพล็บ ยืนนานๆมันปวดข้อน่ะนะ
.
.
.
ปล.ขำๆนะครับ
วู้ อะไรๆของแอปเปิ้ลออกมา ติ่งบอกจะรอซื้อตลอด
ใครจะคุยเรื่อง ความสามารถ เรื่องประสิทธิภาพ เรื่องราคาเป็นไม่ได้
มุม คน กลาง: อยากจะได้ของดีราคาคุ้มค่า อยากอ่านความเห็นที่มีเหตมีผล
มุม คน เอียง : เงินคุณอะนะ ซื้อไรก็เรื่องของคุณอะถูกแล้ว แต่ไม่มีใครถามว่าคุณจะซื้อมั้ย ช่วยคุยเรื่องประสิทธิภาพต่อราคาไม่ได้ไง เหตุผลนำอารมณ์ ไม่ได้หรือ
เหตุผลนำอารมณ์ ไม่ได้หรือ
เหตุผลนำอารมณ์ ไม่ได้หรือ
ยอดขายน้อยแต่กำไรเยอะ ผมว่าเขาคงไม่เดือดร้อนมั้ง ขาน apple watch เรื่อนนึง ได้กำไรมากก่วาขายพวกนั้น4-5 เรือน
ไอโฟนคุ้มกับราคาไหมครับเมื่อเทียบกับสเปคการใช้งานครับ ทำไมขายได้เยอะจัง ตอบ…
Macbook รุ่นล่าสุดที่พึ่งเปิดตัวไปและใช้ USB Type C
ตอนนี้ข่าวล่าสุดว่ามือถือแอนดรอยด์ต่ิไปจะเปลี่ยนมาใช้
พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type C ผมมองว่าเทคโนโลยีใหม่ๆ
ที่ใส่เข้าไปมักจะเริ่มมาจาก Apple ซะเป็นส่วนใหญ่ครับ
จากบทความนี้ผมถามว่ามีใครรู้จัก Pebble Time กันบ้างครับ
ลองเดินถามคนข้างๆคุณดูว่ารู้จักไหม คุณใส่ Pebble Time
กับใส่ Apple Watch อยากถามว่าในสังคมแฟชั่นเขาจะมอง
แบรนด์ไหนครับ คุณจะเอาสเปคมาเทียบมันขายไม่ออกหรอกครับ Apple Watch
ไม่จริงครับ คนที่เอา USB Type-C มาใช้เป็นเจ้าแรกคือ Nokia N1 Tablet ครับ ส่วนที่ iPhone 6 กับ 6+ นี้ NFC ยังไม่มีเลย
จริงๆ แล้วหลังจากที่ Apple เปิดตัว USB Type-C ไปไม่นาน Google ก็เปิดตัว Chrome Book Pixel ตัวใหม่ มี Type-C 2 port ซึ่งบอกได้เลยว่าไม่ได้ทำตาม Apple แน่ๆ เพราะถ้าจะทำตาม Google ทำออกไม่ทันเปิดตัวตามๆกันแน่ๆ มันก็แค่ใครเปิดตัวก่อน-หลัง ช่วงเวลา 2 3 อาทิตย์ไม่มีนัยสำคัญเลยในด้านการลอกเลียนแบบครับ
ผมว่า คราวนี้ Apple ก็แค่เอาด้วยกับมาตราฐาน USB Type-C เพราะไม่งั้น Apple จะใส่ Lighting แบบ iPhone มาใน Macbook ก็ได้ ถ้า Apple ไม่เอาด้วย ก็จะกลายเป็นต้องรับความเสี่ยงกับฐานผู้สนับสนุน port ที่ตัวเองทำที่อาจจะสู้ USB Type-C ไม่ได้
ตัว port USB-C นี่ มันเป็นมาตรฐานกลาง ซึ่งใครจะเอามาใช้ หรือไม่ใช้ก็ได้ครับ เพียงแต่ตอนที่มันออกมาแรกๆ อุปกรณ์ที่รองรับยังน้อย เลยไม่ค่อยใส่กันมา หรือใส่มาจริง แต่ยังมีของเดิมติดมาด้วย
การที่ N1 Tablet นำมาใช้ ก็เป็นเรื่องดี เพราะผมชอบนะ พอร์ตแบบไม่มีหน้าหลังเนี่ย เพียงแต่คงหาซื้อใช้ไม่ได้ง่ายๆ และช่วงแรกคงใช้สายชาร์จ ซิงค์กับใครไม่ได้เลย
ส่วนการที่ใครทำตามใคร สำหรับมาตรฐานกลาง เช่น USB-C (ขอเรียกตามนี้นะครับ ขี้เกียจพิมพ์ยาว) อย่าไปใช้คำว่าใครเลียนแบบใครเลยครับ เพราะมันต่างกับการที่ฝ่ายนึงออกฟีเจอร์นี้มา แล้วสักพัก มันก็ไปปรากฏที่อีกฝ่ายนึง (เช่น notification bar หรือ control center) ใช้คำว่า "ช่วยกันดัน" น่าจะเหมาะกว่า เพราะถ้ามีผู้ผลิตเครื่องทำออกมา ต่อไป เราจะได้เห็นอุปกรณ์เสริมมากขึ้น เช่น handy drive USB-C หรือ DVD Drive USB-C สาย micro USB-C อะไรแบบนี้ แล้วมันก็จะกลายเป็นสิ่งที่แพร่หลายกัน แบบสมัยที่เราเปลี่ยนจาก com port/printer port มาเป็น usb นี่ล่ะ
ส่วนนึงเลย พอร์ตใหม่ๆ เรามักจะได้เห็นจาก apple ก่อน เพราะอะไร เพราะว่าเขามีระบบของเขาเองครับ ถ้าคนจะใช้ mac OS ก็ต้องซื้อของแอปเปิ้ลเท่านั้น ซื้อเจ้าอื่นไม่ได้ ไม่มีทางเลือก เขาเลยใส่สิ่งที่เขาต้องการใส่ได้ตามใจ ในขณะที่หากเราอยากใช้ windows ต้องไปสู้รบปรบมือกับแบรนด์อื่นๆ อีกล้านแปด ลง acer หรือ asus ผลิต laptop windows ที่มีพอร์ตเดียวแบบนี้ออกมาบ้าง ถามว่าใครจะซื้อ เขาก็ไปซื้อแบรนด์อื่น หรือรุ่นอื่นได้ตามใจเขา ถูกไหมครับ
แล้วพอเริ่มมีฐานผู้ใช้ บริษัทต่างๆ ก็ออกอุปกรณ์เสริมมาขายได้ ทำให้พอร์ตนี้เป็นที่นิยมขึ้น เป็นวงจรกันไป
ยินดีรับความเห็นต่างอย่างสุภาพและไม่มีไบแอสนะครับ (หรือหากผมไบแอส ก็เตือนกันได้ครับ)
John Gruber บอกเอง USB 3.1 Type-C เป็นความคิดของ Apple ล้วนๆ ตั้งแต่พัฒนายันส่งเข้ามาตรฐานกลาง
ใน MacBook ใหม่ เราได้เห็นการมาครั้งแรกของ USB 3.1 Type-C หรือ USB-C ซึ่งเป็นมาตรฐานกลางที่ถูกเปิดมาตรฐานมาตั้งแต่กลางปีก่อน แต่หลายคนอาจไม่เชื่อว่า USB-C เนี่ย Apple จะมีส่วนเอี่ยวด้วย เพราะ John Gruber นักวิเคราะห์ชื่อดังได้เปิดเผยมาแล้วว่า USB-C เนี่ย เป็นผลงานของ Apple ล้วนๆ
John Gruber เปิดเผยระหว่างการให้สัมภาษณ์ในรายการ The Talk Show ตอนล่าสุดว่า ตัวเขาเองได้รับข้อมูลจากภายในที่พูดถึง USB-C ที่ Apple ได้นำมาใช้งานใน New MacBook เป็นตัวแรกของโลกเนี่ย (ตัวต่อมาคือ ChromeBook Pixel 2015 ที่เปิดตัวไล่เลี่ยกัน) จริงๆ แล้วเป็นผลงานการพัฒนาของ Apple ล้วนๆ ตั้งแต่การพัฒนาโครงสร้าง ไปจนถึงการส่งให้กลายเป็นมาตรฐานกลางของ USB.org แต่อย่างไรก็ตาม Apple กลับเป็นฝ่ายที่ไม่ยอมบอกเองว่า USB 3.1 Type-C เป็นผลงานการพัฒนาของบริษัทโดยตรง เพื่อให้บริษัทอื่นเอาไปใช้งานได้โดยไม่มีข้อครหาแต่อย่างใด
ทั้งนี้ Matthew Panzarino นักเขียนของเว็บ TechCrunch ได้บอกเพิ่มว่า การที่ Gruber ออกมาบอกว่ามาตรฐาน USB-C เป็นผลงานการพัฒนาของ Apple นั้น ตัวเขาไม่ได้แปลกใจเลยแม้แต่น้อย เพราะอย่างหนึ่งคือ Apple ต้องการให้ผู้ใช้ได้ใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ ของบริษัทกับมาตรฐานกลางโดยตรง ซึ่งจะเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ใช้มีอิสระในการเลือกใช้งานอุปกรณ์ได้มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม Gruber ได้บอกทิ้งท้ายว่า เขายังไม่รู้ว่าในอนาคต Apple จะเอา USB-C ไปใช้งานร่วมกับอุปกรณ์อื่นๆ ของบริษัทอย่าง iPhone และ iPad หรือไม่ครับ แต่เชื่อได้ว่าถ้า USB-C เกิดจริงๆ เราอาจจะได้เห็น iPhone หรือ iPad หันมาใช้งาน USB-C แน่นอนครับ
ที่มา: MacRumors
คห.ด้านบน ผมหมายถึงว่าพอ Apple เปิดตัว USB Type C มาก็มีข่าวว่าอีกหลายค่ายจะทำตามมาครับ
ทำไมก่อนหน้านี่ไม่ทำกันละครับ
แบบนี้นี่เอง ขอบคุณครับ
ส่วนว่าทำไมค่ายอื่นไม่ทำ ลองอ่านที่ผมวิเคราะห์ดูนะครับ เห็นด้วยไม่เห็นด้วยอย่างไร แนะนำได้
มันก็คล้ายกับแสกนนิ้วมือแหละครับ มันก็มีมาตั้งนานแล้ว แต่พอแอปเปิ้ลเอามาใส่ จ้าวอื่นก็เอามั่ง ใหนจะเรื่อง apple pay อีก
ผมว่าแก้ไม่ยากนะครับ แค่ Apple ซื้อ Pebble ก็จะกลับมาเป็นเจ้าตลาดเหมือนเดิมครับ 🙂
ปฏิกริยาของผมเวลาเห็นข่าวผลิตภัณฑ์ใหม่ของแอ๊ปเปิ้ล
ดูทุกๆ คนจะพุ่งเป้าไปที่ประเด็นแบตกันมากที่สุดนะครับ แต่ผมว่าจุดขายที่เยี่ยมมากๆ ของ Pebble อีกจุดนึงของ Pebble คือ ปุ่ม 3 ปุ่มด้านข้างนั่นมากกว่าในฐานะคนที่ชอบงานออกแบบแล้วเห็นอะไรแบบนี้มันสะท้อนกระบวนการคิดของคนออกแบบอินเตอร์เฟซนี้ออกมาได้เรียบง่ายและสื่อถึงผู้ออกแบบว่าได้ไปยืนอยู่ในมุมของผู้ใช้โดยสมบูรณ์ นาฬิกามันจะเป็นอะไรไปได้มากไปกว่าบอกเวลาล่ะครับ อดีต ปัจจุบัน อนาคต ง่ายๆ แค่นี้ คุณต้องทำอะไรต่อ ตอนนี้คุณทำอะไร ก่อนหน้านี้คุณไปกินอะไรมา ง่ายๆ แค่นี้ นาฬิกาสำหรับบอกเวลาครับ ^_^
Gadget อัพเดทข่าวล่าสุดกับ ป๋าเอก TechXcite รู้สึกว่าในปีนี้ตลาดนาฬิกาข้อมืออัจฉริยะหรือ Smartwatch จะมาแรงเสียเหลือเกินเพราะมีผู้เล่นรายใหญ่โดดเข้ามาร่วมวงไพบูลย์กันเต็มไปหมด โดยล่าสุดดูเหมือนว่าในวันนี้ทางด้านของ Tag Heuer ผู้ผลิตนาฬิกาข้อมือรายใหญ่จากสวิสเซอร์แลนด์เตรียมจะจัดงานเปิดตัว Smartwatch รุ่นแรกของตัวเองภายในอีเวนต์ Basel World ครับ
โดยนาฬิกา Smartwatch ดังกล่าวจะเป็นความร่วมมือกันของสามแบรนด์ใหญ่ได้แก่ Tag Heuer, Intel และ Google ซึ่ง Tag Heuer นั้นจะรับหน้าที่ดูแลการดีไซน์ตัวเรือนทุกจุดให้สมกับความเป็นนาฬิกาข้อมือจากสวิสเซอร์แลนด์ ส่วน Intel นั้นจะมาดูแลเรื่องของฮาร์ดแวร์ภายในตัวเรือนและ Google รับหน้าที่จัดการเรื่องซอฟต์แวร์ต่างๆแทน
ผมไม่รู้ว่า smart watch เริ่มมีคนรู้จักตอนไหนนะครับ แต่ผมรู้จักแรกๆก็คือข่าวว่า Apple จะออก iWatch แล้วยังไม่ทันได้ทำอะไร ก็มี smart watch ออกมาดักหน้าก่อนเต็มไปหมด อยากรู้จักว่า มีเทคโนโลยีอะไรที่ทางอรกฝั่งออกมาแล้ว Apple ไปลอกเรียนแบบบ้าง อย่างสแกนลายนิ้วมือเหมือนกันพอแอ๊บเปิ้ลทำออกมา ค่ายอื่นก็แห่ทำกัน หรือว่าไม่จริงครับ
Pebble Time มาถึงไทยแล้วนะครับ 1 เรือน ยังไม่แกะกล่อง มีใครสนใจจะรับไปดูแลไม๊ครับ
ผมรอ Pebble Time Steel อีก 2 เดือน