ถึงตอนนี้ ปี 2024 ก็ได้เดินทางเข้าสู่ช่วงครึ่งหลังของปีแล้ว ช่วงนี้เป็นช่วงที่ตลาดสมาร์ทโฟนเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง เนื่องจากมีมือถือรุ่นใหม่หลายค่าย ต่างต่อคิวรอเปิดตัวกันอย่างคับคั่ง เช่นเดียวกับ Goolge ที่เตรียมจะเปิดตัว Pixel 9 series ในงาน Made by Google ตอนเดือนสิงหาคม ไวกว่าเดิมถึง 2 เดือน (ปกติมักเปิดตัวในเดือนตุลาคม) โดยรอบนี้ซีรีส์หลักจะมีทั้ง Pixel 9, Pixel 9 Pro และ Pixel 9 Pro XL รวม 3 รุ่นเป็นครั้งแรก
ดีไซน์เหลี่ยม จอแบน ตามเทรนด์
Pixel 9, Pixel 9 Pro และ Pixel 9 Pro XL จะปรับดีไซน์ตัวเครื่องเป็นขอบเหลี่ยมทุกรุ่น พร้อมปรับดีไซน์แถบกล้อง หรือ camera bar ด้านหลัง ให้มีลักษณะเหมือน ‘เกาะ’ อยู่ตรงกลาง แบบเดียวกับ Pixel Fold และความเปลี่ยนแปลงอีกอย่างคือ รอบนี้ Pixel 9 Pro และ Pixel 9 Pro XL จะเลิกใช้จอโค้งแล้ว
ภาพตัวเครื่อง Pixel 9
ที่มา : Arsène Lupin
ภาพตัวเครื่อง Pixel 9 Pro และ Pixel 9 Pro XL
ที่มา : Arsène Lupin
ข้อแตกต่างภายนอกระหว่าง Pixel 9 series แต่ละรุ่น อยู่ตรงที่ Pixel 9 จะมากับเฟรมเครื่องะลูมิเนียมผิวด้าน ส่วน Pixel 9 Pro และ Pixel 9 Pro XL จะมากับโลหะผิวมันเงา ซึ่งยังไม่แน่ชัดว่าวัสดุคืออะไร ระหว่าง อะลูมิเนียมและสเตนเลส หรืออาจเป็นไทเทเนียม (?)
มีให้เลือก 3 รุ่นเป็นครั้งแรก
ที่ผ่านมา Google จะเปิดตัว Pixel รุ่นหลักพร้อมกัน 2 รุ่น คือ รุ่นมาตรฐาน และรุ่นโปร โดยรุ่นโปรจะมากับขนาดหน้าจอที่ใหญ่กว่า และสเปคบางส่วนที่อัปเกรดขึ้นมา เช่น แรม และกล้องเทเลโฟโต รวมถึงดีไซน์หรือวัสดุตัวเครื่องที่แตกต่างออกไปเล็กน้อย
แต่ Pixel 9 series ในปีนี้ Google มีการปรับแนวทางใหม่ โดยเพิ่มรุ่นกลางแทรกมาเป็นครั้งแรก เป็นรุ่นที่ได้สเปคในส่วนสำคัญแบบเดียวกับรุ่นโปร ในขนาดบอดี้เท่ากับรุ่นมาตรฐาน กล่าวคือ
- Pixel 9 รุ่นมาตรฐาน (ภาคต่อ Pixel 8 เดิม)
- Pixel 9 Pro รุ่นกลาง ได้สเปคเท่าตัวท็อป ในขนาดตัวเครื่องกะทัดรัด
- Pixel 9 Pro XL รุ่นท็อป หน้าจอใหญ่ สเปคจัดเต็ม (ภาคต่อ Pixel 8 Pro เดิม)
การตัดสินใจนี้ของ Google นับว่ามีความน่าสนใจ เพราะหลายคนน่าจะทราบกันดีว่า ปัจจุบันมือถือกลุ่มเรือธงจอใหญ่ มีแนวโน้มจะขายได้มากกว่าเรือธงจอเล็ก แต่ Google กลับทำในสิ่งตรงกันข้าม โดยการเปิดตัวเรือธงไซซ์กะทัดรัดออกมาเพิ่มอีก 1 รุ่นแบบสวนกระแสเสียอย่างนั้น
ทุกรุ่นไดใช้ Tensor G4
ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่า Pixel 9, Pixel 9 Pro และ Pixel 9 Pro XL ขับเคลื่อนด้วยชิปเซต Tensor G4 ตัวใหม่ ซึ่งมีข่าวลือลากยาวมาตั้งแต่ปีที่แล้วว่า นี่คือชิปเซตรุ่นสุดท้ายที่ดัดแปลงมาจาก Exynos และผลิตโดย Samsung ส่วน Tensor G5 ที่จะออกในปีหน้า Google จะหันมาออกแบบชิปเซตเอง และเปลี่ยนมือผู้ผลิตไปใช้บริการของ TSMC แทน รวมถึงขยับมาเป็นเทคโนโลยีขนาด 3 นาโนเมตร
Tensor G4 ผลิตอยู่บนพื้นฐานเทคโนโลยี 4 นาโนเมตร ซีพียู 8 แกน สูตร 1+3+4 ความเร็วสูงสุด 3.1 GHz
- Cortex-X4 ความเร็วสูงสุด 3.1 GHz (x1)
- Cortex-A720 ความเร็วสูงสุด 2.6 GHz (x3)
- Cortex-A520 ความเร็วสูงสุด 1.95 GHz (x4)
ส่วนคะแนน AnTuTu ที่หลุดออกมา มีผลลัพธ์ดังนี้
- Pixel 9 (Tokay) – 1,016,167 แต้ม
- Pixel 9 Pro (Caiman) – 1,148,452 แต้ม
- Pixel 9 Pro XL (Komodo) – 1,176,410 แต้ม
เทียบกันแล้ว Tensor G3 มีคะแนน AnTuTu ประมาณ 900,000 แต้ม เท่ากับว่า Tensor G4 มีประสิทธิภาพสูงขึ้นราว 30% แม้จะยังดูห่างไกลกับ Snapdragon และ Dimensity ค่ายคู่แข่ง ที่ต่างทำคะแนนทะลุ 2,000,000 ล้านไปแล้วก็จริง แต่มองในแง่ดีคือ แต่ไหนแต่ไร Google ก็ไม่เคยโปรโมตจุดขายด้านความแรงของ Tensor อยู่แล้ว โดยไปเน้นที่ NPU และการประมวลผล AI เป็นหลัก
สเปคต่างกันตรงไหน
Pixel 9 | Pixel 9 Pro | Pixel 9 Pro XL | |
จอภาพ | Actua display (OLED) ขนาด 6.3 นิ้ว อัตรารีเฟรช 120Hz ความสว่าง 1,800 นิต | Super Actua display (OLED) ขนาด 6.3 นิ้ว อัตรารีเฟรช 120Hz ความสว่าง 2,000+ นิต | Super Actua display (OLED) ขนาด 6.8 นิ้ว อัตรารีเฟรช 120Hz ความสว่าง 2,000+ นิต |
ชิปเซต | Tensor G4 | Tensor G4 | Tensor G4 |
แรม | 12GB | 16GB | 16GB |
ความจุ | 128GB 256GB | 128GB 256GB 512GB | 128GB 256GB 512GB 1TB |
กล้องหลัง | กล้องหลัก 50MP กล้องอัลตราไวด์ 48 | กล้องหลัก 50MP กล้องอัลตราไวด์ 48 กล้องเทเล 48MP | กล้องหลัก 50MP กล้องอัลตราไวด์ 48 กล้องเทเล 48MP |
กล้องหน้า | 10.5MP | 42MP | 42MP |
แบตเตอรี่ | ชาร์จไว 45W | ชาร์จไว 45W | ชาร์จไว 45W |
ระบบปฏิบัติการ | Android 14 ~ 15 อัปเดต 7 ~ 8 ปี | Android 14 ~ 15 อัปเดต 7 ~ 8 ปี | Android 14 ~ 15 อัปเดต 7 ~ 8 ปี |
Pixel 9 มาพร้อมหน้าจอ Actua display ขนาด 6.3 นิ้ว ภายในมีแรม 12GB เพิ่มขึ้นจาก 8GB ของปีก่อน เพื่อให้รองรับการประมวลผล AI แบบ on-device บนเครื่องได้เต็มประสิทธิภาพ ในขณะที่กล้องหลัก Pixel 9 ยังยืนพื้นที่ความละเอียด 50MP เท่าเดิม แต่กล้องอัลตราไวด์ขยับจาก 12MP เป็น 48MP แล้ว ถ้าให้เดา คงเป็นเซนเซอร์ตัวเดียวกับที่อยู่บน Pixel 8 Pro รุ่นปัจจุบัน
ทางด้าน Pixel 9 Pro และ Pixel 9 Pro XL อัปเกรดหน้าจอเป็น Super Actua display ที่มีความสว่างสูงกว่า Actua display แบบปกติ โดยจะมาในขนาด 6.3 นิ้ว และ 6.8 นิ้ว ตามลำดับ สิ่งที่ได้เพิ่มมาจาก Pixel 9 รุ่นมาตรฐานคือ แรม 16GB กล้องเทเลโฟโต 48MP และกล้องหน้าตัวใหม่ 42MP
สเปคในส่วนอื่น ๆ คือ Pixel 9, Pixel 9 Pro และ Pixel 9 Pro XL อาจรองรับชาร์จไว 45W แล้ว หลังมีภาพหัวชาร์จรุ่นใหม่ของ Google หลุดออกมา รวมถึงข้อมูลที่ว่า Pixel 9, Pixel 9 Pro และ Pixel 9 Pro XL จะอัปเกรดเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ จาก optical สู่ ultrasonic ที่มีความแม่นยำสูงกว่า แบบเดียวกับมือถือเรือธงของ Samsung
ซึ่งหลายปีที่ผ่านมา Pixel มักมีฟีดแบ็กด้านลบเกี่ยวกับเซนเซอร์สแกนนิ้วอยู่บ่อยครั้ง (สแกนยาก ติดบ้าง ไม่ติดบ้าง ไม่รองรับการทำงานร่วมกับฟิล์ม หรือกระจกกันรอยบางรุ่น) ดังนั้นการอัปเกรดหนนี้จึงได้รับการคาดหวังว่าจะช่วยแก้ปัญหาเดิมที่มีอยู่ได้
นอกจากนี้ ยังมีแนวโน้มสูงที่ Pixel 9, Pixel 9 Pro และ Pixel 9 Pro XL จะเปิดตัวพร้อม Android 14 ไม่ใช่ Android 15 เพราะจนถึงตอนนี้ Android 15 ตัวเต็มก็ยังไม่มา สาเหตุหลักคือ Pixel 9 series เปิดตัวไวขึ้น แต่ Android 15 ยึดตามไทม์ไลน์เดิม ไม่ได้ขยับตาม หากเป็นเช่นนั้น ก็จะเป็นหนแรกในประวัติศาสตร์ที่ Google ไม่ได้เปิดตัว Pixel รุ่นใหม่ พร้อมกับ Android เวอร์ชันล่าสุดของปีนั้น ๆ แต่ข่าวดีเล็ก ๆ คือ มีการลือกันว่า Google อาจขยับการอัปเดตระบบปฏิบัติการให้เป็น 8 ปีแทน
ฟีเจอร์ใหม่ Google AI
พูดถึงดีไซน์ภายนอก และสเปคภายในไปหมดแล้ว ต่อมาคือประเด็นเรื่องฟีเจอร์ใหม่ของ Pixel 9 series โดย Google มีการปล่อยโฆษณาโปรโมตเกี่ยวกับเรื่องนี้ออกมาเรียบร้อย แต่ Google ใช้วิธีนำเสนอแบบอ้อม ๆ ผ่านการรันข้อความ 22 ประโยค ที่ระบุถึงข้อจำกัด หรือปัญหาที่พบเจอได้จากมือถือรุ่นอื่น ๆ เพื่อสื่อให้เห็นว่า หากเปลี่ยนมาใช้ Pixel 9 series แล้ว ปัญหาเหล่านี้จะหมดไป สามารถถอดความออกมาเป็นฟีเจอร์ได้ดังนี้
ฟีเจอร์กล้อง การถ่ายภาพ และการแต่งภาพ
- Best Take – เปลี่ยนใบหน้าของคนในภาพ (ในรูปหมู่) ให้ได้จังหวะเป๊ะปังทุกคน
- Magic Editor – เครื่องมือแต่งภาพที่ขับเคลื่อนด้วย AI
- มีพรีเซ็ตให้เปลี่ยนมูดแอนด์โทนของภาพหลากหลายรูปแบบ
- ลบหรือเพิ่มก้อนเมฆ และเปลี่ยนสีท้องฟ้าในภาพได้ดังใจนึก
- ลบคนหรือวัตถุที่ไม่ต้องการออกจากภาพ
- Unblur – เปลี่ยนภาพเบลอให้เป็นภาพชัดในคลิกเดียว
- Zoom Enhance – ใช้พลังแห่ง AI เติมรายละเอียดของพิกเซลที่หายไปขณะขยายหรือครอปภาพ ตามคอนเซปต์ ถ่ายก่อน ซูมทีหลัง
ฟีเจอร์การสนทนาและการสื่อสาร
- Call screen – คัดกรองเบอร์แปลกเบื้องต้นโดยการให้ Google Assistant รับสายแทน หากพบว่าเป็นระบบอัตโนมัติ (มิจฉาชีพ) ระบบจะตัดสายทิ้งให้ แต่ถ้าพบว่าเป็นคนจริง ๆ ก็จะขึ้นข้อความแจ้งแบบคร่าว ๆ ว่าเป็นใคร มาจากไหน โทรมาทำไม
- Clear Calling – ใช้ ML ตัดเสียงรบกวนให้กับเสียงปลายสายขณะคุยโทรศัพท์ เพื่อเพิ่มความคมชัดของเสียงพูด
- Hold for Me – ให้ Google Assistant ถือสายแทน กรณีโทรหาคอลเซนเตอร์หรือหน่วยงานต่าง ๆ แล้วต้องรอสายจากพนักงานเป็นเวลานาน โดยระบบจะแจ้งเตือนให้ทราบผ่านเสียง การสั่น และป๊อปอัป เมื่อมีพนักงานรับสายแล้ว
- Live Translate – ถอดเสียงเป็นข้อความ พร้อมแปลภาษาแบบเรียลไทม์
- RCS – โปรโตคอลรับส่งข้อความมาตรฐานใหม่ที่ทันสมัยกว่า ปลอดภัยกว่า SMS แบบเดิม ๆ รองรับฟีเจอร์หลายอย่างในลักษณะเดียวกับแอปแช็ตยุคปัจจุบัน และที่สำคัญคือ ส่งข้อความหากันโดยไม่มีค่าใช้จ่าย (ผ่านอินเทอร์เน็ต)
ฟีเจอร์ Gemini
- Ask this video – ฟีเจอร์ตอบคำถามจากเนื้อหาในวิดีโอ โดยที่ผู้ใช้งานไม่ต้องเสียเวลาดูวิดีโอด้วยตนเอง
- Image generation – ฟีเจอร์เจนฯ ภาพแบบ text-to-image
- Summarize – ฟีเจอร์สรุปเนื้อหาจากข้อความ เอกสาร เว็บไซต์ โน้ต หรืออื่น ๆ
ข้างต้นเป็นฟีเจอร์ที่มีให้ใช้งานอยู่แล้ว ส่วนของใหม่แกะกล่องจริง ๆ คือ ‘Studio’, ‘Add Me’ และ ‘Pixel Screenshots’ โดย Studio จะเป็นเครื่องมือเจนฯ ภาพแบบใหม่ที่แยกออกมาจาก Gemini ให้ใช้งานได้ถนัดขึ้น สะดวกขึ้น ส่วน Add Me เป็นการเติมภาพคน (ที่ไม่ได้อยู่ในรูป) ลงไปในรูปหมู่
และสุดท้าย Screenshots เป็นการใช้ AI จัดทำดัชนีข้อมูลจากภาพหน้าจอที่บันทึกไว้ ให้รองรับการค้นหาย้อนหลังด้วยคีย์เวิร์ดแบบง่าย ๆ คล้ายกับฟีเจอร์ Recall ของ Windows 11 แต่จะแตกต่างกันตรงที่ Pixel Screenshots จำกัดขอบเขตเฉพาะภาพที่เราแคปไว้เท่านั้น เพื่อความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน
วันเปิดตัว Pixel 9 series และราคาคาดการณ์
Google ประกาศกำหนดการเปิดตัว Pixel 9, Pixel 9 Pro และ Pixel 9 Pro XL ออกมาแล้ว เป็นวันที่ 14 สิงหาคม เที่ยงคืนตรง ตามเวลาไทย คาดว่า Pixel 9 คงมีราคาเริ่มต้น 699 ดอลลาร์ (ประมาณ 25,500 บาท) เท่าเดิม แต่ที่น่าจับตามองคือ Pixel 9 Pro และ Pixel 9 Pro XL ซึ่งน่าสนใจว่า Google จะตั้งราคาอย่างไร ระหว่าง
ความเป็นไปได้ที่ 1
- Pixel 9 ราคา 699 ดอลลาร์ (เท่า Pixel 8 เดิม)
- Pixel 9 Pro ราคา 799 – 899 ดอลลาร์
- Pixel 9 Pro XL ราคา 999 ดอลลาร์ (เท่า Pixel 8 Pro เดิม)
ความเป็นไปได้ที่ 2
- Pixel 9 ราคา 699 ดอลลาร์ (เท่า Pixel 8 เดิม)
- Pixel 9 Pro ราคา 999 ดอลลาร์ (เท่า Pixel 8 Pro เดิม)
- Pixel 9 Pro XL ราคา 1,099 ดอลลาร์ หรือสูงกว่า
หากสุดท้ายราคาออกมาเป็นอย่างในกรณีหลัง เท่ากับว่ามือถือ Pixel ตัวท็อปในปีหน้าจะมีราคาแพงขึ้น ทะลุ 1,000 ดอลลาร์เป็นครั้งแรก (หากไม่นับ Pixel Fold ที่เป็นมือถือจอพับ) แต่ประเด็นนี้ยังยากจะคาดเดา คงต้องรอลุ้นไปพร้อมกันวันที่ 14 สิงหาคมนี้
คือผมอ่านแล้วงงครับที่วงสีแดงไว้
เลิกใช้จอโค้งครับ 🙏