ตำรวจเข้าจับกุมแก๊งมิจฉาชีพชาวฮ่องกงที่แฝงตัวอยู่กลางสยามคอยส่ง SMS หลอกลวงเหยื่อ พร้อมยึดของกลางเป็นอุปกรณ์กระจายสัญญาณเคลื่อนที่ ซึ่งวิธีที่ใช้หลอกเหยื่อคือนำอุปกรณ์ดังกล่าวใส่ไว้ในกระเป๋าเป้แล้วเดินวนในห้าง เมื่อประชาชนที่เดินผ่านหรือทำธุระอยู่ในรัศมีที่เครื่องนั้นส่งสัญญาณถึงก็จะได้รับ SMS ปลอม ใครเดินห้างบ่อย ๆ ถ้าสังเกตดี ๆ หลายคนจะเจอ SMS ลด แลก แจก แถมส่งเข้ามามากกว่าปกติ (ส่วนตัวเจอประจำ) เบื้องต้นรอตำรวจแถลงอย่างเป็นทางการบ่ายนี้
ตำรวจบุกจับ 2 มิจฉาชีพชาวฮ่องกงกลางเซ็นทรัลเวิลและสยามพารากอน ทั้งคู่ดูเผิน ๆ ก็เหมือนคนมาเดินห้างทั่วไป แต่แท้จริงแล้วได้พกอุปกรณ์กระจายสัญญาณเคลื่อนที่ไว้ในกระเป๋าเป้ เพื่อส่ง SMS ไปหาคนเดินห้างทั่วไปที่อยู่ในรัศมีสัญญาณ 1 กิโลเมตร โดย SMS ระบุว่า “คะแนน AIS ของท่านกำลังจะหมดอายุ จะตัดแต้มแล้ว ขอให้กดลิงก์” จากนั้นก็แนบลิงก์มา
หลังจากตรวจสอบข้อมูลพบว่าทั้งสองคนได้เดินทางมาจากประเทศมาเลเซียเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2567 ก่อนหน้าประมาณวันอาทิตย์ที่ 7 เมษายน 2567 นี้ได้ไปเดินอยู่ที่ไอคอนสยามและเมื่อวานก็ได้ไปเดินที่เซ็นทรัลเวิลซึ่งเป็นห้างที่มีคนหนาแน่น
จากการร่วมมือของ AIS ที่ได้ตรวจสอบพบว่า สัญญาณหรือเครือข่ายถูกรบกวนมีลักษณะผิดปกติ จึงได้มีการส่งคนไปสะกดรอยอีกครั้งก็ได้เจอกับผู้ต้องหาสองคนที่สะพายเป้และมีอุปกรณ์ False Base Station อยู่ในนั้น ซึ่งเครื่องมือดังกล่าวไม่ได้รับอนุญาตให้นำเข้ามาอย่างถูกกฎหมาย แต่มีการลักลอบเข้ามาทางมาเลเซีย
เบื้องต้นในการช่วยกันแยกระหว่างผู้ให้บริการเครือข่ายจริง ๆ กับ มิจฉาชีพ หากมี SMS ส่งมาว่าให้ไปยืนยันตัวตนกับทางเครือข่ายผู้ให้บริการก็ให้ดำเนินการตามขั้นตอนดังกล่าวที่ศูนย์ใกล้บ้านเลย เพื่อเป็นการช่วยคัดกรองมิจฉาชีพที่เปิดซิมมาหลอกลวงประชาชน
นอกจาก SMS ของ AIS ที่คนร้ายใช้แจ้งข้อมูลประชาชนแล้ว จริง ๆ คนร้ายยังใช้หน่วยงานอื่น ๆ ในการหลอกลวงอีก ซึ่งหากเจอเหตุการณ์แบบนี้อยากให้ตรวจสอบให้แน่ชัดก่อนและห้ามกดลิงก์หรือแอดไลน์ที่แนบมาเด็ดขาด
คดีนี้ทำให้นึกถึงคดีก่อนหน้าที่คนร้ายได้ใช้วิธีนำเครื่องจำลองสถานีฐาน (False Base Station) หรือเรียกให้เข้าใจง่าย ๆ ว่าเสาสัญญาณปลอม ใส่ไว้ในรถและขับไปรอบ ๆ กรุงเทพฯ และปริมณฑล เมื่อรถขับผ่านพื้นที่ไหน ข้อความก็จะถูกส่งผ่านสัญญาณไปยังมือถือที่อยู่ใกล้ ๆ ละแวกนั้น แต่กรณีนี้คือคนร้ายนำอุปกรณ์ใส่ไว้ในกระเป๋าเป้แล้วเดินวนในห้าง
ที่มา : ตำรวจไซเบอร์ – บช.สอท.
Comment