ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) หรือตำรวจไซเบอร์ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผบ.ตร. นำทีมตำรวจออกแถลงข่าวจับกุมเครือข่ายแก๊งคอลเซนเตอร์จากปฏิบัติการ ‘เด็ดปีกมังกร’ ที่เริ่มภารกิจมาตั้งแต่ช่วงต้นเดือนตุลาคม — สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้รวม 16 ราย โดย 2 รายจากในนั้นเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ประกอบด้วยตำรวจยศพันตำรวจโทและเจ้าหน้าที่ระดับล่างของกระทรวงพาณิชย์

รายงานระบุว่า ตำรวจยศพันตำรวจโทและเจ้าหน้าที่ระดับล่างของกระทรวงพาณิชย์ที่ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีนี้ มีจุดร่วมที่เหมือนกันคือ ทั้งคู่ทำงานอยู่ในส่วนงานที่สามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของประชาชนได้ ฝ่ายแรกเป็นข้อมูลทะเบียนราษฎร ในขณะที่ฝ่ายหลังเป็นข้อมูลการจดทะเบียนการค้าหรือตราธุรกิจ ซึ่งทั้งคู่จะมีการพิจารณาก่อนว่าเหยื่อรายใดมีทุนจดทะเบียนทางธุรกิจด้วยเงินจำนวนมาก ก่อนจะนำส่งข้อมูลไปยังแก๊งคอลเซนเตอร์อีกทอดหนึ่ง

ผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย มีพฤติกรรมในการล็อกอินเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์เพื่อเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวประชาชนมากอย่างผิดสังเกตอย่างต่อเนื่องมาได้ระยะหนึ่งแล้ว พบว่ามีข้อมูลคนไทยที่ถูกนำออกไปขายแล้วกว่า 1,000 ราย และจากการตรวจสอบคลามเคลื่อนไหวทางการเงินเพิ่มเติม ยังพบการโอนเงินจากบัญชีม้ามาสู่บัญชีผู้ต้องหา เฉลี่ยวันละ 20,000 บาท หรือเดือนละ 600,000 บาท ก่อนจะนำไปสู่การจับกุมครั้งนี้

สำหรับผู้ต้องหารายอื่น ๆ ที่เหลือ ประกอบด้วยกลุ่มรับจ้างเปิดบัญชีม้า 8 ราย และผู้ที่ทำหน้าที่ในการรวบรวมบัญชีม้าเพื่อส่งต่อให้นายทุนชาวจีน 1 ราย ส่วนอีก 5 รายที่เหลือไม่ได้ถูกกล่าวถึง

ทั้งนี้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ได้ยกตัวอย่างให้ฟังว่า ผู้เสียหายรายล่าสุดต้องสูญเงินไปเกือบ 7 ล้านบาท วิธีการที่แก๊งคอลเซนเตอร์ใช้ในการหลอกลวงคือ ทำเว็บไซต์ปลอมของกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI แล้วโทรแจ้งผู้เสียหายว่ามีการกระทำความผิดคดีอาญาจึงต้องถูกตรวจสอบเงินในบัญชี พร้อมส่งหมายจับปลอมที่มีทั้งข้อมูลทางธุรกิจและภาพใบหน้าของผู้เสียหายแนบมา ผู้เสียหายจึงหลงเชื่อตกเป็นเหยื่อในท้ายที่สุด

 

ที่มา : ไทยโพสต์