ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ตลาดสมาร์ทโฟนราคาต่ำกว่าหมื่นเริ่มดุเดือด โดยเฉพาะในปีนี้เพียงแค่ต้นปีก็ดุเดือด และสมาร์ทโฟนในราคาต่ำกว่าหมื่นได้เดินทางมาถึงจุดที่ RAM ให้มาถึง 3 GB และที่สแกนลายนิ้วมือ!!!  ซึ่ง Lenovo K4 Note ก็เป็นหนึ่งในนั้น ถึงแม้ว่า K4 Note จะเข้ามาในไทยในราคาที่แพงกว่าประเทศอื่นอยู่ 1000 บาท (ราคาเปิดตัวในไทย 7590 บาท) แต่ถึงอย่างนั้น K4 Note ก็ถือเป็นมือถือที่คุ้มค่าในราคาประหยัด ทำให้เราไม่แปลกใจเลยที่เราจะเห็น K4 Note ในงาน Thailand Mobile Expo ที่ผ่านมานั้นค่อนข้างที่จะขายดี จนทำให้แว่น ANT VR ที่จัดโปรโมชั่นขายในราคาพิเศษเมื่อซื้อ K4 Note ที่จัดเตรียมมาในงาน 1000 ตัวไม่เหลือจนถึงวันสุดท้ายของงาน

จากที่ผมเกริ่นมาข้างต้น เชื่อว่าหลายๆ คนคงจะสนใจเจ้าตัว K4 Note กันแล้ว ในวันนี้ผมจะมาแกะกล่อง + บอกเล่าประสบการณ์แรกสัมผัสหลังจากที่ได้ใช้มาแล้วเกือบๆ 2 วันให้ฟังว่าเป็นอย่างไร ถูกใจอะไรและขัดใจในสิ่งไหน เผื่อเป็นข้อมูลสำหรับคนที่กำลังสนใจรุ่นนี้อยู่แต่ยังไม่มีข้อมูลอ้างอิง

สเปกและฟีเจอร์เด่นๆ

เริ่มต้นด้วยสเปกปละฟีเจอร์ของเจ้าตัว K4 Note ที่ทาง Lenovo โปรโมทกันก่อน ซึ่งทาง Lenovo ได้ชูจุดเด่นของ K4 Note อยู่ที่ระบบเสียง, ระบบสแกนลายนิ้วมือ, ความอึดของแบตเตอรี่ และ RAM ที่ให้มาถึง 3 GB โดยในระบบเสียง K4 Note นั้นมาพร้อมกัยไมโครโฟน 3 ตัว ในระบบที่ชื่อว่า Wolfson® audio codec ที่ช่วยในการตัดเสียงรบกวนออกไปในขณะที่บันทึกเสียง ทำให้บันทึกเสียงได้ในคุณภาพที่ดีเยี่ยม และระบบเสียง Dolby ATMOS® ที่ช่วยให้ K4 Note ขับเสียงออกมาได้อย่างมีคุณภาพ และยังรองรับ DAC ในระดับ Hi-Fi เมื่อเสียบหูฟัง

สเปก

 – หน้าจอ: ขนาด 5.5 นิ้ว จอ IPS-LCD ความละเอียด Full HD 1080p
 – CPU: CPU MediaTek MT6753 octa-core ความเร็ว 1.3 GHz
 – RAM: 3GB
 – ROM: 16GB รองรับ microSD สูงสุด 128 GB
 – กล้องหลัง: 13MP Dual-LED flash ƒ/2.2
 – กล้องหน้า: 5MP
 – แบตเตอรี่: 3,300mAh ถอดเปลี่ยนไม่ได้
 – รองรับ 2 ซิม 
 – รองรับ 2G GSM 850/900/1800/1900 MHz
 – รองรับ 3G WCDMA 850/900/1900/2100 MHz 
 – รองรับ 4G LTE Bands 1/3/5/7/8/20 (ดาวน์โหลดสูงสุด 150 Mbps, อัพโหลดสูงสุด 50 Mbps)
 – ระบบสแกนลายนิ้วมือ
 – ลำโพงสเตอริโอคู่ด้านหน้า
 – ระบบเล่นเสียง Dolby Atmos surround sound
 – ระบบบันทึกเสียง Wolfson® audio codec
 – รองรับวิทยุ FM
 – ขนาด: 153.6 x 76.5 x 9.2 มิลลิเมตร
 – ระบบปฎิบัติการ: Android 5.1.1
 – สีที่มีวางจำหน่าย: ดำ และ ขาว
 – ราคาเปิดตัว 7,590 บาท

ถ้าอ่านตามสเปกด้านบนจะเห็นว่า K4 Note ในราคา 7,590 บาท นั้นน่าสนใจมาก แต่การที่ผมเลือกซื้อ K4 Note มาใช้เป็นของตัวเองนั้น ผมไม่ได้ดูสเปกหรือฟีเจอร์พวกนี้ก่อนไปซื้อเลย ผมเพิ่งจะมาหาข้อมูลตอนที่จะเขียนพรีวิวสำหรับบทความนี้เท่านั้น ส่วนสาเหตุที่ทำให้ผมซื้อ K4 Note นี้มาใช้เป็นการส่วนตัว นั่นเป็นเพราะว่าผมได้มีโอกาสได้ลองจับเครื่องทดสอบที่ทาง Lenovo ส่งมาให้ทีมงาน Droidsans เท่าที่ผมได้ลองเล่นดูคร่าวๆ ณ ตอนนั้น ค่อนข้างที่จะชอบความลื่นไหลของระบบและวัสดุของตัวเครื่องที่ทำออกมาแล้วดูดีมากสำหรับราคาเพียงแค่นี้ และอีกจุดที่ทำให้ผมหลงรัก K4 Note คือ ระบบสแกนลายนิ้วมือที่เร็วเฟร่อและมีความแม่นยำสูง ดีงามกว่ามือถือที่มีระบบสแกนลายนิ้วที่ผมเคยลองมา ไม่ว่าจะเป็น Samsung Galaxy S6, Note 5 หรือ LG V10 เราลองมาดูกันหลังจากที่ผมซื้อมาแล้วและใช้ไปเกือบๆ สองวัน จะมีอะไรที่ถูกใจเพิ่มขึ้นมาบ้างหรือจะไปเจออะไรที่ขัดใจจนน่าหงุดหงิด โดยเราจะมาเริ่มต้นตั้งแต่การแกะกล่องกัน

แกะกล่อง

เมื่อแกะกล่องออกมา ภายในกล่องจะมีเพียงตัวเครื่อง K4 Note อะแดปเตอร์สำหรับชาร์จไฟ สาย micro USB คู่มือ ใบรับประกัน และกันรอยแบบใสเท่านั้น ส่วนนอกตัวกล่องจะแถมเคสใสแถมมาให้ 

หมายเหตุ ภายในกล่องไม่มีหูฟังแถมมาให้

อะแดปเตอร์สำหรับชาร์จไฟที่แถมมาให้ ปล่อยกระแสไฟ 5.2V และแรงดันไฟ 2.0 Amp

ด้านหน้าของตัวเครื่อง (ส่วนด้านบน) จะเป็นหนึ่งในลำโพงคู่ของ K4 Note ส่วนตรงด้านล่างของลำโพงจะมีกล้องหน้า เซ็นเซอร์ตรวจจับระยะห่างของใบหน้า (Proximitive Sensor) เซ็นเซอร์วัดแสง (Light Sensor) ส่วนขวาสุดจะเป็นไฟแจ้งเตือน

ด้านล่างจะมีช่องเชื่อมต่อ micro USB, ไมโครโฟนสนทนาและปุ่มนำทาง (navigator)

ตัวเครื่อง K4 Note ด้านขวาจะเป็นจุดที่รวมปุ่มควบคุมของตัวเครื่อง ไม่ว่าจะเป็น ปุ่ม เปิด/ปิด เครื่อง และปุ่ม เพิ่ม/ลด เสียง นอกจากนี้ตรงด้านล่างยังมีช่องไว้สำหรับแงะฝาหลังออกเพื่อใส่ SIM และ micro SD card

ตัวเครื่อง K4 Note ด้านซ้ายจะโล่งๆ ไม่มีอะไรครับ 

หมายเหตุ ตัวเครื่อง K4 Note วัสดุส่วนใหญ่เป็นพลาสติกหมดครับ รวมถึงขอบตัวเครื่องด้วย ที่เห็นขอบตัวเครื่องมีลักษณะคล้ายๆ โลหะ แต่จริงๆ แล้วเป็นพลาสติกเคลือบให้เหมือนโลหะเท่านั้น โดยส่วนที่เป็นโลหะจะเป็นตรงส่วนของกล้องและสแกนลายนิ้วมือ

ตัวฝาหลังของ K4 Note เป็นพลาสติกแบบด้านที่มีความเหนียวหน่อยๆ จับแล้วให้ความรู้สึกนุ่มๆ ติดมือ

ผมค่อนข้างที่จะโชคร้าย เปิดมาสองเครื่องเจอปัญหาตัวเครื่องเป็นรอยทั้งสองเครื่อง ซึ่งทางพนักงานบอกว่าไม่สามารถที่จะให้เปิดเครื่องใหม่ได้แล้ว ต้องเลือกเอาระหว่างสองเครื่องนี้หรือจะคืนเงิน ซึ่งผมก็เลือกเครื่องนี้มานี้เป็นรอยน้อยที่สุดตรงๆ ใกล้กับที่สแกนลายนิ้วมือ ตรงที่ผมลากกรอบไว้ด้านบน ดังนั้นอย่าลืมตรวจสอบดีๆ นะครับก่อนจะรับเครื่อง

ถึงแม้ว่า K4 Note จะแกะฝาหลังได้แต่แบตเตอรี่ก็ไม่สามารถที่จะถอดเปลี่ยนได้ด้วยตัวเอง ถึงแม้ว่ามันจะดูเหมือนว่าเปลี่ยนได้ก็เถอะ โดยจะมีป้ายแปะไว้อย่างบอบบางว่าห้ามแกะนะ ซึ่งเชื่อได้เลยว่าแกะปุ๊บประกันหายชัวร์ นอกจากนี้ตรงส่วนล่างสุดของขอบสแกนลายนิ้วมือที่มีส่วนคาบเกี่ยวกับตรงส่วนที่น่าจะเป็นแบตเตอรี่ มีกาวติดไว้ด้วย ดังนั้นถ้าคิดอยากจะลองถอดแบตอาจจะลำบากหน่อย 

โดยการจะแกะแบตเตอรี่ออกมาได้นั้นจำเป็นต้องงัดเอาส่วนที่ครอบด้านหลังเครื่องออกมาก่อนด้วย เพราะกรอบด้านหลังนั้นครอบตัวแบตเตอรี่อยู่ สำหรับใครที่สนใจ สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ link http://www.fonearena.com/blog/172083/lenovo-vibe-k4-note-teardown.html นี้ครับ

แบตเตอรี่และความอึด

ในวันแรกที่ผมใช้แบตเตอรี่อยู่ได้นานถึง 13.57 ชั่วโมง โดยระบบการเก็บประวัติการใช้แบตเตอรี่ของ K4 Note นั้นเก็บข้อมูลได้ค่อนข้างละเอียด แยกให้เลยว่าใน 13.57 ชั่วโมง สแตนบายไปทั้งหมด 8.18 ชั่วโมง ส่วนการใช้จริงนั้นใช้ไป 5.39 ชั่วโมง 

สำหรับการใช้ในวันแรกนั้น ผมใช้ค่อนข้างหนัก ใน 5.39 ชั่วโมงที่มีการใช้งานนั้น มีการดูวิดีโออยู่ด้วยเกือบร่วมชั่วโมง และมีการเปิดใช้ GPS เพื่อนำทางราวๆ 30 นาที ซึ่งถือว่าอึดตามคำเอ่ยอ้างของ Lenovo แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นแบตเตอรี่ยังเปิดใช้ไม่ถึงอาทิตย์ อาจจะยังไม่อยู่ตัว ถ้าอยู่ตัวแล้วอาจจะอยู่ได้นานกว่านี้ ซึ่งเราจะมาสรุปกันอีกทีในเรื่องแบตเตอรี่ในการรีวิวแบบจัดเต็มคราวหน้า

ความเร็วการชาร์จไฟ

ใช้เวลาประมาณ 2 ชม. ในการประจุไฟเข้ามือถือจาก 2% – 99% ถือว่าเร็วประจุไฟเร็วใช้ได้ แต่ที่น่ากลัวคือแท่นชาร์จมันร้อนมาก ในบางครั้งร้อนในระดับที่ให้ความรู้สึกมือโดนลวกได้เลย ซึ่งก็ค่อนข้างน่ากลัวมาก

GPS และการนำทาง

ค่อนข้างแม่นยำ มีความคลาดเคลื่อนเล็กน้อย จับสัญญาน GPS ได้เร็ว โดยในขณะที่เปิดนำทางอยู่นั้นแบตเตอรี่นั้นไม่ได้ลดลงฮวบๆ แต่ลดลงอย่างช้าๆ 

ระบบเสียง

ในเรื่องของระบบเสียง ตอนซื้อผม K4 Note ผมไม่ได้ใส่ใจด้วยซ้ำ เพราะไม่ได้คาดหวังว่ามือถือราคาระดับนี้จะมีระบบเสียงที่ดี ผมจึงเฉยๆ กับในระบบเสียงของ K4 Note แต่พอหาข้อมูลเกี่ยวกับสเปกกับฟีเจอร์ของตัวเครื่องแล้วพบว่า K4 Note ใส่ระบบเสียงที่ค่อนข้างดีมากสำหรับสมาร์ทโฟนในราคานี้ ไม่ว่าจะเป็นการรองรับการถอดรหัสเสียงแบบ Hi-Fi ที่รองรับไฟล์เพลงที่ความละเอียดสูงสุด 24bits / 96mHz ระบบเสียงแบบรอบทิศทางอย่างระบบ Dolby Atmos Surround sound และระบบบันทึกเสียงอย่าง Wolfson® audio codec ที่จะใช้ไมโครโฟน 3 ตัวในการตัดเสียงรบกวน ทำให้เวลาอัดเสียงหรือวิดีโอได้เสียงที่คมชัดมากยิ่งขึ้น 

จากฟีเจอร์ที่กล่าวมาทั้งหมด ผมพบว่าระบบเสียงบน K4 Note นั้นถือว่าดีในระดับหนึ่งสำหรับสมาร์ทโฟนในราคาระดับนี้ หากเอาไปเทียบกับสมาร์ทโฟนราคาแพง แน่นอนว่า K4 Note นั้นคงเทียบไม่ได้ แต่สำหรับสมาร์ทโฟนในราคาไม่เกิน 8000 บาท เชื่อได้เลยว่า ณ ตอนนี้ไม่มีรุ่นไหนที่มีระบบเสียงที่ดีเท่า K4 Note แล้ว

 – ลำโพงคู่หน้านั้นถูกออกแบบมาในเข้ากันได้กับระบบเสียงรอบทิศทางอย่าง Dolby Atmos ซึ่งมันถูกออกแบบมาสำหรับการดูหนัง เลยทำให้ K4 Note ดูหนังผ่านมือถือได้อรรถรสมายิ่งขึ้นเพราะระบบเสียงรอบทิศทาง แต่กับการฟังเพลงผมคิดว่าไม่เหมาะเท่าไร เพราะว่าเสียงที่ออกจากลำโพงนั้นได้ความดังเพียงอย่างเดียว รายละเอียดของเสียงแทบจะไม่มี ไม่มีความหนักเบาของเสียง ทุกเสียงเหมือนอยู่ในโทนเดียวกันหมด นั่นคือมันไม่มีมิติของเสียง แต่เมื่อกับรุ่นพี่อย่าง Vibe X3 เสียงลำโพงจะดึกว่า มีมิติกว่าอย่างเห็นได้ชัด (ตามราคา)

 – ระบบเสียง Hi-Fi (24-bits 96kHz) ซึ่งจะรองรับระบบเสียงนี้ผ่านช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. เท่านั้น โดยเสียงที่ได้จะออกมาในระดับที่เป็นโทนเสียงกลางๆ ไม่หนักหรือไม่เบาไปด้านใดด้านหนึ่ง ทำให้ฟังสะบายๆ ทำให้หลายๆ คนชอบเสียงแบบนี้ใน K4 Note เพราะเป็นโทนเสียงที่ฟังได้นานไม่ปวดหู แต่ข้อเสียคือรายละเอียดของเสียงนั้นมีน้อยไปหน่อย ทำให้คนที่ชอบแนวเพลงอย่าง Hip Hop หรือ Rock อาจจะไม่ชอบโทนเสียงแบบนี้ เพราะแนวเพลงแบบนี้เสียงต้องเน้นหนักไปทางด้านเบสหรือเสียงแหลมหน่อย เป็นต้น

นอกจากนี้ช่องเสียบรูหูฟังขนาด 3.5 มม. ไม่เหมาะกับหูฟังประเภทแบบครอบหู เพราะแรงขับมันดันไปไม่ถึง ทำให้เวลาฟังเสียงจะเบา

 – ระบบบันทึกเสียง Wolfson® audio codec ยังไม่ได้ลองครับ ไว้จัดเต็มตอนรีวิวคราวหน้า

กล้องหลัง (เฉพาะการถ่ายภาพนิ่ง)

ในเรื่องของตัวกล้องก็เป็นอีกเรื่องที่ไม่ได้คาดหวังไว้เช่นกัน จากที่ลองใช้มาพบว่าตัวกล้องจะง่อยทันทีถ้าหากอยู่ในสภาวะแสงน้อย โหมด HDR ก็ไม่ช่วยอะไร เพราะไม่ได้เป็นระบบ HDR ที่ตัวกล้อง แต่เป็นระบบ HDR บนตัวซอฟแวร์ ทำให้เวลาใช้โหมดนี้ต้องถือกล้องนิ่งๆ เป็นเวลาช่วงนึง โดยจะยิ่งใช้เวลาถือนานขึ้นเมื่ออยู่ในสภาวะแสงน้อย 

โหมดของกล้องก็มีให้เลือกน้อยเช่นกัน ถ้าใครอยากได้ลูกเล่นเยอะ คงต้องไปหาแอปอย่าง Camera 360 หรืออื่นๆ มาลงแทน

ระบบสแกนลายนิ้วมือ

เป็นหนึ่งในปัจจัยหลักๆ ที่ทำให้ผมเลือกซื้อ K4 Note อย่างที่บอกไว้ด้านบน มันค่อนข้างที่จะไวกว่ามือถือที่มีสแกนลายนิ้วมือที่ผมเคยลองมา เช่น Samsung Galaxy S6, Note 5 และ LG V10 

โดยความแม่นยำนั้นถือว่าค่อนข้างดีเลยทีเดียว เพราะผมเป็นคนที่เหงื่อออกทางนิ้วมือค่อนข้างง่าย มือถือที่ผมเคยลองมานั้นไปไม่เป็นเลยเมื่อเจอเหงื่อบนมือผม (สแกนไม่ติด) แต่กับ K4 Note สามารถสแกนติดในสภาวะที่มีเหงื่ออกมาจากนิ้ว ถึงแม้จะไม่ถึงกับแม่นยำไปทุกครั้ง แต่ก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจ แต่น่าเสียดายที่ทาง Lenovo จำกัดการจดจำลายนิ้วมือได้สูงสุดแค่ 2 นิ้วเท่านั้น 

สรุปทิ้งท้าย

สิ่งที่ชอบ

 – แบตเตอรี่

 – ระบบสแกนลายนิ้วมือ

 – ความลื่นไหลของระบบ (ลื่นพอๆ กับ Nexus)

 – วัสดุตัวเครื่อง ที่ทำมาได้ดูดีมาก

สิ่งที่ไม่ชอบ

 – ตำแหน่ง NFC ที่อยู่ในตำแหน่งน่าเกลียดไป คืออยู่ด้านหน้าตรงกลางหน้าจอ

 – กล้องที่แย่ในที่มืด

 – ความโชคร้ายของผมที่เปิดมาสองเครื่องเป็นรอยทั้งสองเครื่อง

 – ไม่มีไฟตรงปุ่ม navigation 

นั่นคือความประทับใจแรกสัมผัสของผม โดยส่วนตัวผมค่อนข้างชอบตัว K4 Note ถือว่าเอามาใช้แทนเครื่องเก่าของผมได้เลย โดยเฉพาะความลื่นไหลของระบบที่ผมยกให้พอๆ กับ Nexus แต่ผมก็ยังไม่ได้ทดลองเล่นเกมหนักๆ ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะยังลื่นอีกหรือเปล่า และแบตจะลดฮวบๆ ไหม แต่ที่ได้ลองเล่นเกมที่ติดมากับเครื่องอย่าง Tap The Frog เป็นเกมที่ไม่ได้ใช้กราฟฟิกโหดๆ ก็เล่นได้ลื่นไหลดี

แต่ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ยังไม่ได้ทดสอบนั่นก็คือ ระบบ 2 SIM โดยตัวนี้น่าจะเป็นตัวแปรหลักที่จะวัดได้ว่าแบตเตอรี่ของ K4 Note จะอยู่ทนมากแค่ไหน สำหรับแบตเตอรี่ในตอนที่ใช้ 1 SIM นั้นผมให้ผ่าน 

หวังว่าการพรีวิวในครั้งนี้จะช่วยให้เพื่อนที่เล็งเจ้าตัว K4 Note อยู่ตัดสินใจได้นะครับว่าจะซื้อหรือไม่ แต่ถ้าอยากจะรอดูรายละเอียดที่เยอะกว่านี้ รออ่านได้ในตอนรีวิวครับ จะมีรายละเอียดมากกว่านี้