เสร็จสิ้นจากงานเปิดตัว ก็พอมีเครื่องให้ได้ทดลองเล่นกันนิดหน่อยสำหรับ Xiaomi Mi A2 จากประสบการณ์ส่วนตัวเครื่องมันโอเคกว่าตอน Mi A1 พอสมควรเลย ทั้งงานดีไซน์ การเลือกใช้วัสดุ ที่สำคัญคือสเปค เพราะว่าปีนี้ทาง Xiaomi ต้องการจะทดลองขยายตลาดมือถือ Android One ขึ้นมาในระดับกลุ่ม mid range เจาะตลาดสเปคกลางค่อนบนเพิ่มขึ้นด้วยนั่นเอง

แกะกล่อง Mi A2

อุปกรณ์ในกล่อง (ทาง Xiaomi ประเทศไทยแจ้งว่าเหมือนกับชุดขายจริง) ก็จะมีของแถมหลักๆ เหมือนเดิม เรียกว่าเป็นชุดมาตรฐานของ Xiaomi

แต่รอบนี้จะมีแถมตัวแปลง Type C เป็นหูฟัง 3.5 มาให้ด้วย เพราะ Mi A2 โดนตัดทิ้งไปแล้ว ไม่มีช่องหูฟังให้ใช้งาน ที่เห็นลิบๆ นั่นเข็มจิ้มถาดซิม

หม้อแปลง 5V /2A (แต่จริงๆ ตัวเครื่องรองรับ Quick Charge นะ) , สายชาร์จ Type C

เคสใสซึ่งน่าจะเปลี่ยนไปตามรุ่น สีดำได้เคสดำ สีฟ้ากับสีทองน่าจะเป็นเคสขาวหรือเคสใสครับ

Xiaomi Mi A2 - Front

ส่วนที่ Mi A2 นั้นต่างจาก Mi 6X หลักๆ เลยก็คือ Mi A2 นั้นเป็นมือถือ Android One ที่มีการพัฒนาร่วมกับ Google (จากที่คุยกับหัวหน้าทีมสินค้าก็บอกว่าจะมีต้องผ่านการตรวจสอบ hardware บางชิ้นกับ Google ด้วย) ส่วน Mi 6X นั้นจะมาพร้อมกับ MIUI ซึ่งแค่เรื่องนี้ก็ส่งผลต่อการเลือกซื้อของหลายๆ คนแล้ว

หน้าจอของ Mi A2 นั้นดีกว่า Mi A1 ทั้งเรื่องความละเอียดและสีสัน คือคมชัดขึ้น สีดีขึ้น ไม่เหลือบขาวๆ เหมือนรุ่นแรก

Xiaomi Mi A2 - Back

เครื่องบางเบา ถือง่ายกว่าเดิม สาเหตุนึงที่มันบางลงเพราะแบตเตอรี่ตัวนี้ใส่มา 3010 มิลลิแอมป์ ซึ่งน่าจะเพียงพอต่อการใช้งานหนึ่งวันเต็มๆ ได้สบายๆ (อันนี้เค้าบอกมา ยังไม่ได้ทดสอบ)

สำหรับบางคนเครื่องเปล่าอาจจะบางไป ก็ใส่เคสทีเคสที่แถมมาในกล่องจะช่วยแก้ได้ และก็ลดความลื่นเวลาถือใช้งานด้วย

หน่วยความจำของ Mi A2 นั้นเพิ่มไม่ได้นะครับ จะเลือกความจุเท่าไหร่ก็เอาให้จบตั้งแต่แรก จะเอา 32 / 64 หรือ 128 (เป็น eMMC) ยืนยันได้จากถาดซิมที่จิ้มออกมาแล้ว มีแต่ช่องสำหรับใส่ nano SIM แค่ 2 ช่อง

ด้านบนยังมี IR Blaster สำหรับใช้งานเป็นรีโมทต่างๆ ได้อยู่ พร้อมมีไมโครโฟนตัดเสียงอีกหนึ่งตัว ส่วนช่องหูฟัง 3.5 มม. นั้นหายไปแล้ว ตามที่บอกไว้ข้างต้น

ตอนที่ลองชาร์จแบตนั้นผมเอาหม้อแปลงรองรับการชาร์จเร็วมาด้วย พอเสียบแล้วเห็นว่ามันขึ้น Charging Rapidly ก็เลยได้ข้อมูลใหม่มาว่า Mi A2 นั้นรองรับ Qualcomm Quick Charge 3.0 ด้วยนะครับ แต่หม้อแปลงที่แถมมานี่จ่ายไฟแค่ 5V/2A

ของครบกล่องพร้อมแบบนี้ แปลว่า Mi A2 นั้นพร้อมจะวางขายในอีกไม่นานแน่นอน ซึ่งซอฟต์แวร์ตอนแกะกล่องมาพร้อมกับ Android 8.1 และแพทช์ความปลอดภัยเดือนมิถุนายน

ในการตั้งค่าเห็นมี Mi Services กดเข้ามาดูก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษ แหะ แหะ มีแค่บอกว่าสนใจจะเข้าร่วมเป็นผู้ทดสอบการใช้งาน และยอมให้มีการเก็บข้อมูลการใช้หรือไม่

เรียกว่าทั้งเครื่องนั้นแทบจะไม่มีแอปของ Xiaomi หรือ MIUI เลย นอกจากและแอปที่อยู่และแอปที่อยู่บนโฟลเดอร์บนหน้าจอเท่านั้น ซึ่งก็เป็นแอปพวก Mi Drop ที่ใช้ในการรับส่งข้อมูล และพวก Mi Community

กล้องหลังคู่ 12MP + 20MP มีการนำเอา AI เข้ามาใช้งานด้วย แต่ไม่สัญลักษณ์บ่งบอกว่าตอนไหน AI ทำงานหรือไม่ทำงาน เหมือนหลักๆ จะเน้นในเรื่องของการทำภาพ Depth Effect หน้าชัดหลังเบลอ และสามารถแยกใช้งานในโหมด Pro หรือ Manual ได้ ว่าจะใช้เซนเซอร์ปกติ หรือเซนเซอร์แสงน้อย

ในงานเปิดตัวก็ได้พูดถึงการนำเอาโหมด Portrait ไปทดลองถ่ายพวกวัตถุต่างๆ หรืออาหาร สามารถให้มิติของภาพได้ดีขึ้น

กล้องหน้าก็ใข้ระบบ AI แบบเดียวกับกล้องหลัง เพราะฉะนั้นการเซลฟี่ก็จะทำ Depth Effect ได้ด้วย ลองมาดูภาพตัวอย่างบางส่วนกันครับ เดี๋ยวจะทยอยอัพเพิ่มให้

 

ตัวอย่างภาพถ่าย Mi A2

สำหรับพรีวิว Mi A2 ก็ขอตัดจบลงประมาณนี้ก่อน ขอเวลาไปลองเต็มๆ ใช้งานยาวๆ ว่าจะเจอข้อดีข้อเสียเพิ่มตรงไหน ใช้งานแล้วเป็นอย่างไร แล้วจะมาสรุปในรีวิวฉบับเต็มอีกที ส่วนใครที่มีคำถามก็ทิ้งเอาไว้ได้นะ