การกลับมาของอดีตราชันย์ผู้เคยปกครองแคว้นมือถือเมื่อหลายปีก่อนอย่าง Nokia ดูเหมือนจะสร้างกระแสได้ดีในระดับนึงเลยนทีเดียวเพราเชื่อว่าหลายๆ คนนั้นยังชื่นชอบในตัวแบรนด์ Nokia และมีความหลังหรืออดีตวันหวานชื่นกับค่ายนี้อยู่ แต่ด้วยการมาของสมาร์ทโฟนยุคใหม่อย่าง iOS และ Android นั้นมาเบียดชื่อ Nokia ซึ่งไปจับขั้วกับ Windows Phone จนตกขอบหลุดไปจากวงการทำให้หลายคนเสียดาย และเมื่อ Nokia 6 นั้นได้หวนกลับมาทำให้หลายคนกลับมานึกถึงชื่อ Nokia อีกครั้ง แต่การกลับมาครั้งนี้จะถือว่ามาถูกทางหรือไม่ เราลองมาดูพรีวิว Nokia 6 กันเลย

HMD Global ได้มาร่วมมือกับ Nokia นำแบรนด์ดังในอดีดกลับมาสู้สังเวียนอีกครั้ง ซึ่งแน่นอนว่ารอบนี้เป็น Android จริงจัง ไม่ใช่ลูกครึ่งผสมหุ่นเขียวอย่างตอน Nokia X แน่นอน ส่วนสเปคใครที่เคยตามข่าวก็น่าจะได้เห็นกันไปแล้ว แต่เพื่อช่วยเตือนความจำ ก็ขอย้อนกลับมาเตือนความจำกันอีกที

Nokia 6

  • Android 7.0 Nougat
  • หน้าจอ 5.5 นิ้วความละเอียด Full HD กระจก 2.5D Gorilla Glass 3
  • ชิป Snapdragon 430
  • RAM 4GB LPDDR3
  • ROM 64GB เพิ่ม Micro SD สูงสุด 128GB
  • กล้องหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซล f/2.0 Auto Focus, PDAF
  • กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล f/2.0 กว้าง 84 องศา
  • ลำโพงสเตอริโอ
  • ขนาดตัวเครื่อง 154 x 75.8 x 7.85 มิลลิเมตร 

มาถึงก็ขอเท.. เทดูอุปกรณ์ที่แถมมาให้ ว่าจัดอะไรใส่มาบ้าง 

สายต่างๆ ที่แถมมานี่ Nokia 6 ยังอนุรักษ์นิยม ใช้ micro USB อยู่เลย ส่วนหูฟังที่แถมมากับ smalltalk ก็เป็นแบบกลมๆ ธรรมดาๆ 

หม้อแปลงก็มาแบบปกติ จ่ายไฟ 5V 2A ในทรงกลม พยามพลิกจนทั่วแล้วก็เหมือนจะไม่มีระบบ quick charge ทั้งๆ ที่ Snapdragon 430 นั้นก็รองรับถึง Quick Charge 3.0 แท้ๆ

คู่มือหรืออะไรสักอย่างเกี่ยวกับ Nokia 6 . . อ่านออกแค่นี้ กรุณาอย่าให้อธิบายต่อ 

เข็มจิ้มซิมหน้าตาเหมือนเดิมเลย หรือไปแกะเอามาจากของ Lumia ที่ขายเหลือค้างสต๊อกก็ไม่รู้ 

เทอีก.. รอบนี้เทเครื่องเลย

Nokia 6 ลงมานอนหงายแอ้งแม้งแล้วจ้า ด้านหน้าตัวเครี่องเป็นกระจกโค้ง 2.5D ก็จริง แต่ดูผ่านๆ อาจจะไม่โค้งซักเท่าไหร่ เพราะมี กรอบตัวเครื่องนั้นมาครอบอีกที

ขอบด้านข้างนี่แว่บแรกเห็นแล้วนึกถึง Galaxy Note 3 เลยทีเดียว รูปแบบการลงสี ลายตัด diamond cut คล้ายมาก 

รูหูฟัง 3.5 แน่นอนว่ามี เพราะแถมหูฟังมาให้แล้วนี่ ส่วนลำโพงอีกตัวนั้นใช้ช่องลำโพงสนทนานี่แหละ

ส่วนด้านล่างปุ่ม Home ที่ทำหน้าที่สแกนนิ้วนั้นเป็นปุ่มสัมผัส ไม่ใช่ปุ่มกดลงไป ทำหน้าที่สแกนนิ้วไปพร้อมกับเป็นปุ่มโฮม และมีปุ่มเรืองแสงด้านซ้ายคือ back หรือย้อนกลับ ส่วนขวาเป็น overview แต่ที่แอบแปลกใจคือดูเหมือนทาง Nokia จะปิดฟีเจอร์ multi window เอาไว้ ไม่สามารถใช้งานได้ถึงแม้จะเป็น Android Nougat ก็ตาม

ด้านล่างพอร์ทการเชื่อมต่อยังเป็น micro USB ติดๆ กันคือช่องไมโครโฟนและลำโพงจ๊ะ 

กล้องหลังความบละเอียด 16 ล้านพิกเซล f/2.0 มี Auto Foucs + PDAF 

พร้อมไฟ LED สองดวง สองสี 

ลองเปิดเครื่องดูดีกว่า อิอิ 

โลโก้ Nokia มาพร้อมเสียงริงโทนที่คุ้นหู ตื้อ ดือ ดึ่ง ดิง ดึ๊ง (ใครยังจำเพลงนี้ได้แปลว่าเรายุคเดียวกัน ฮ่าๆ) 

หน้าจอ UI ของ Nokia นี่มาแบบสไตล์จีนเลยทีเดียว ไม่มี app drawer และที่สำคัญคือไม่มี Google Service ด้วย 

เพราะฉะนั้นจะลงแอปอะไรนี่ก็ไม่ได้เลย ต้องไปใช้ store จีนที่ติดมากับเครื่อง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นภาษาจีนหมดเลยจ้า – -” (ตอนนี้ยังหาทางลง Play Store ไม่ได้)

แต่เมนูและภาษาต่างๆ ในตัวเครื่องยังเปิดเป็นภาษาอังกฤษได้นะ อันนี้ค่อยยังชั่วหน่อย

 

หน่วยความจำภายในตัวเครื่องก็ให้มาเยอะดี 64GB เหลือใช้อยู่ประมาณ 50GB เลย 

กล้องในสภาพแสงดีๆ ก็สวยงามได้ตามท้องเรื่อง เดี๋ยวต้องไปวัดกันที่สภาพแสงน้อยหรือภาพกลางคืนอีกที UI กล้องนี่ออกมาแนวๆ Nexus แต่ก็มี option ให้เลือกเปิดได้เยอะพอสมควร

แต่ไม่ใช่ฟิลเตอร์หรือโหมดถ่ายภาพนะ มีแต่การตั้งค่าล้วนๆ  

ขนาดกล้องหน้าพี่ก็ไม่มี Beauty ให้ เรียกว่ามาแบบหน้าสดล้วนๆ ซึ่งก็คงต้องไปโหลดแอปกล้องอื่นๆ มาใช้แทน มีโหมด Touch Up หน้าเนียนให้ปรับแต่งได้นิดหน่อย จาก 0-20 (ส่วนตัวอย่างภาพถ่ายเดี๋ยวขอเวลาไปเก็บภาพอีกสักหน่อยก่อนละกันครับ)

ลำโพงสเตอริโอ dolby นั้นด้านล่างตัวเครื่องจะเสียงดังกว่าตัวบนพอสมควรเลย พยายามลองเปิดจนสุดแล้วด้านบนนั้นเบาต่างกันครึ่งเกินครึ่งต่อครึ่งเลยก็ว่าได้

ส่วนประสิทธิภาพตัวเครื่องด้วยชิป Snapdragon 430 ก็ทำคะแนนจาก Antutu ได้ราวๆ 42,000-45,000

พอเอามาลองเล่นเกมก็ไม่ได้ติดปัญหาอะไรเท่าไหร่ คือถ้าเกมไหนโหลดมาเล่นได้ก็โอเค อย่างในภาพเป็นเกมเก่าๆ อย่าง Shadow Gun นี่ลื่นเลย แต่ติดปัญหาที่หาเกมโหลดมาเล่นยากหน่อย เพราะมันไม่มี Play Store แถมตอนนี้หลายๆ เกมก็เหมือนต้องการ Google Service ขนาดมีใน store จีนที่ติดมากับเครื่องพอโหลดมาก็เปิดเล่นไม่ได้อยู่ดี

มาเป็น Android 7.0 Nougat แต่โดนตัดบางฟีเจอร์ทิ้งไป (เช่น Multi window) ก็เลยรู้สึกแปลกๆ หน่อยๆ ดูแล้วเหมือน Nokia จงใจตัดออกไปเพื่อลดภาระของ CPU จะได้ไม่ต้องทำงานหนักเกินไป เพราะตัวชิปเองก็ไม่ได้แรงขนาดนั้น

แต่รวมๆ ก็ถือว่าโอเค เรื่องการใช้งาน UI โดยปกติก็ลื่นไหลพอไหวอยู่ แต่ตอนเปิดเข้าแอปหรือระหว่างการเล่นเกมอะไรที่ต้องมีการใช้ CPU หรือมีการประมวลผลเพิ่มเติมนี่ก็เห็นได้ชัดว่าต้องรอเบาๆ หรือมีหยุดคิดไปแป้บนึง 

Nokia 6 ก็ถือเป็นรุ่นที่มีความน่า่สนใจในระดับนึง ด้านวัสดุนั้นถือว่าดีเลยทีเดียว แม้ดีไซน์จะยังดูไม่ค่อยลงตัวสักเท่าไหร่แต่คาดว่าต่อไปน่าจะค่อยๆ ดีขึ้น ส่วนสเปคนั้นอาจจะต้องรอหลังงาน Mobile World Congress เราอาจจะได้เห็นทิศทางของ HMD Global และ Nokia ได้ชัดเจนมากขึ้นกว่านี้ ส่วนใครที่สนใจอยากลองตอนนี้ ก็ต้องขอบอกว่ารอรุ่นที่มี Play Store อาจจะดีกว่า หรือไม่ก็รอตอนที่เข้ามาวางขายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการทีเดียวเลยก็ได้