รอลุ้นกันมานานมาก ทั้งถอดรหัสไขปริศนา Next Galaxy เกาหัวแล้วเกาหัวอีก ตอนนี้ได้มาลองสัมผัสตัวเครื่อง + ฟีเจอร์ของ Galaxy Note 10 และ Note 10+ ที่ทาง Samsung บอกว่ามันคือ Super Phone มือถือที่เป็นทุกอย่างให้คุณได้ ทั้งเครื่องมือสื่อสาร Social ใช้ทำงานเป็นคอมพิวเตอร์ รวมถึงกล้องถ่ายภาพและวิดีโอ และที่พิเศษกว่าใคร S Pen ตัวแทนของปากกาและกระดาษ จุดเริ่มต้นของการบันทึกทุกสิ่ง ไอเดียความคิดสร้างสรรค์ทุกอย่าง ที่ผ่านจากสมองลงสู่ปลายปากกา
ตัวเครื่อง Galaxy Note 10
ดีไซน์ของ Galaxy Note นั้นจะมีการยกเครื่องใหม่ทุกๆ 2 ปี และในรอบนี้ก็เป็นคิวของ Note 10 ที่ปรับโฉมเรียกว่าเห็นครั้งแรกก็รู้สึกได้ถึงความแตกต่าง แว่บแรกที่เห็นมันไม่เหมือน Samsung เลย มีความคล้าย Sony และ Nokia ในเรื่องของความเหลี่ยม แต่ด้วยลักษณะพิเศษของหน้าจอ Infiny-O ที่รุ่นนี้พัฒนาจนขอบบางยิ่งกว่าพิซซ่าไร้ขอบนั่นคือเครื่องหมายการค้าของ Samsung อย่างไม่ต้องสงสัย
สัมผัสแรกที่หยิบ Galaxy Note 10 ขึ้นมานั้นเหมือนการตามหามือถือที่ขนาดเครื่องกำลังดีไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป แต่ได้พลังและฟีเจอร์ระดับเรือธงนั้นได้รับการเติมเต็มอีกครั้ง น้ำหนัก ขนาด ทุกอย่างลงตัวมาก แต่พอสลับไปหยิบ Galaxy Note 10+ แล้ว.. โอ้ย ของใหญ่มันก็ดี เต็มไม้เต็มมือเต็มตา เชื่อว่าทุกคนจะเจอปัญหาแบบเดียวกันกับผมตอนไปเลือกว่าจะเอาเครื่องไหนแน่นอน
หน้าจอทั้ง 2 รุ่นเป็น Dynamic AMOLED เหมือนกัน ผ่านมาตรฐาน HDR10+ ทั้งคู่ เรื่องสีสันและความละเอียดนั้นไม่ต้องพูดถึง ส่วนที่ต่างกันคือความละเอียด Note 10 นั้นจะเป็นจอ Full HD+ ส่วน Note 1o+ เป็น QHD+
การย้ายรูกล้องมาตรงกลางนั้นแรกๆ ก็แอบขัดใจขวางตาตั้งแต่ตอนเห็นภาพหลุดแล้ว แต่พอได้มาเห็นของจริงก็รู้สึกว่ารูกล้องมันเล็กกว่าที่คิดไว้ เล็กกว่าของ Galaxy S10 ลงอีกนิด ก็เลยรู้สีกรำคาญน้อยลง แต่ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าเราชินชากับเรื่องแบบนี้ไปแล้วละมั้ง
ความบางของ Galaxy Note 10 อาจจะไม่ใช่เรื่องที่ใครคาดคิดเอาไว้ด้วยความที่ตระกูล Note นั้นเครื่องมักจะหนามาตลอด เพราะต้องมีช่องเสียบ S Pen แต่ในรุ่นนี้ไม่รู้ Samsung ไปปรับดีไซน์อะไรตรงไหนเพิ่ม จนเครื่องมันออกมาบางได้เท่ากับ Galaxy S10 แต่ยังมีช่องสำหรับ S Pen อาวุธคู่ใจเหมือนเดิม
ปุ่มด้านข้างอย่าง Bixby ที่ทำเอาแฟนๆ Note กดผิดกดถูก จนต้องหาทางปิดมัน ตอนนี้มันได้อันตรธานหายสาบสูญไปแล้ว (เฮ~) แต่สำหรับใครที่ใช้แล้วชอบ ติดใจและหลงใน Bixby ระบบผู้ช่วยส่วนตัวนี้ไม่ได้หายไปไหน เพราะยังสามารถเรียกขึ้นมาได้ แค่ไปเลือกตั้งค่าว่าจะกดปุ่มพาวเวอร์แบบไหน เช่นกดค้างเอาไว้อะไรแบบนั้น
ส่วนด้านบนนั้นมีช่องถาดซิมอยู่ ซึ่งทั้ง 2 รุ่นแตกต่างกันตรงที่ Note 10 นั้นมีสลอตสำหรับใส่ได้ 2 ซิมเท่านั้น แต่ของ Note 10+ เป็น Hybrid ใส่ได้ 2 ซิม หรือเลือกเป็น 1 ซิม 1 micro SD ก็ได้ ถัดไปก็เป็นช่องลำโพงและไมค์ตัดเสียง
เรือธงรุ่นนี้ทาง Samsung ยังใส่ลำโพงคู่สเตอริโอดังกระหึ่มด้วยพลังเสียงโดย AKG เหมือนเดิม นอกจากด้านบนที่เราพูดถึงไปแล้ว ด้านล่างนั้นช่องลำโพงอยู่ใกล้ๆ กับช่องปากกา S Pen นอกจากนั้นก็เป็นช่อง USB C และไมโครโฟนสนทนา…
ณ จุดนี้ขอไว้อาลัยให้กับช่องหูฟัง 3.5 มม. เป็นการส่งท้ายการสัมผัสตัวเครื่องครับ ขอทุกคนสงบนิ่งเป็นเวลา 3 วินาที . . . โอเค เลื่อนต่อไปอ่านเรื่องถัดไปได้เลย~
ความเปลี่ยนแปลงของ S Pen
รอบนี้นอกจากตัวเครื่องเปลี่ยนแปลงแล้ว ปากกา S Pen ก็เปลี่ยนด้วย วัสดุและงานประกอบเป็น Unibody ชิ้นเดียวไร้รอยต่อ ยังมีความสามารถเป็นรีโมทได้เหมือนเดิม แต่ที่เพิ่มเติมเข้ามาใหม่คือความสามารถที่เรียกว่า Air Actions
Air Actions นั้นทำงานโดยการแกว่ง S Pen ที่มีการติดตั้งเซนเซอร์ตรวจจับการหมุนแบบ 6 แกน พร้อม Gyroscope และ Accelerometer ทำให้มันรู้ว่าเรากำลังกวัดหรือแกว่งปากกาไปในทิศทางไหน ซึ่งหลักๆ ก็จะมีทั้งหมด 6 ท่า สะบัดขึ้น/ลง, ซ้าย/ขวา, หมุนวงกลมตามเข็มนาฬิกาและทวนเข็มนาฬิกา
เช่นหากเข้ามาในโหมดกล้อง กดปุ่ม S Pen ค้างไว้ สะบัดขึ้นหรือลง จะเป็นการสลับระหว่างกล้องหน้า-หลัง แบบนี้!
หากสะบัดซ้าย/ขวา จะเป็นการเปลี่ยนโหมด และถ้าอยากซูม ก็ให้หมุนเป็นวงกลม..
ซูม ซู้ม ซูม.. ทั้ง 6 คำสั่งนี้สามารถใช้งานกับแอปอื่นๆ ได้ด้วย เช่น Media เล่นเพลงก็สามารถเลื่อนไปเพลงถัดไป ปรับระดับเสียงเพิ่ม/ลด แน่นอนว่าแอปอื่นๆ ทาง Samsung ก็เปิด SDK ให้เอาไปพัฒนาเพิ่ม ต่อไปเราอาจจะไถฟีดได้โดยไม่ต้องแตะจอ
ส่วนการใช้งานทั่วไปนั้น S Pen ก็ยังขีดเขียนได้ดีเหมือนเดิม รองรับแรงกด 4096 ระดับ และการใช้งาน Samsung Note ก็มีฟีเจอร์เพิ่มเข้ามาอีก อย่างแรกคือเสียงของ S Pen เวลาเขียนบนหน้าจอ เปลี่ยนปากกาเป็นแบบไหน เสียงเวลาใช้งานก็จะเปลี่ยนไปด้วย
ฟีเจอร์ใหม่ Transcibe อันนี้จะแปลงลายมือเราให้กลายเป็นตัวพิมพ์ได้ รองรับทั้งอังกฤษและไทย บางคนบอกฟีเจอร์นี้ก็มีอยู่แล้ว แต่บอกเลยว่ารอบนี้แอดวานซ์กว่าเดิม เพราะไม่จำกัดว่าต้องเขียนในช่อง แต่จะเขียนตรงไหนบน Samsung Note ก็ได้ จะเขียนจากบน Screen off memo ก็สามารถมาแปลงเป็นตัวพิมพ์ได้เหมือนกัน
แน่นอนว่า Screen off memo เองก็มีฟีเจอร์ใหม่ รอบนี้ไม่ต้องเปลี่ยนด้ามปากกาเพื่อจะเปลี่ยนสีอีกแล้ว เพราะสามารถเลือกสีปากกาได้เลย มีด้วยกันทั้งหมด 5 สีจ้า
AR Doodle ฟีเจอร์กวนๆ ให้เราเขียนหรือวาดลวยลาย AR ลงไปบนหน้าหรือวัตถุต่างๆ ได้ และมันก็จะขยับตามด้วย เหมือนมี AR Sticker เป็นของตัวเอง ฟีเจอร์นี้เล่นกับเพื่อนๆ น่าจะสนุกแน่นอน
นอกจากนั้นก็ยังมี Live Message ที่รอบนี้สามารถใช้วิดีโอมาเขียนทำ GIF ได้แล้ว และก็ Screenrecorder ที่อัดวิดีโอหน้าจอไป เปิดกล้องหน้าได้ และใช้ S Pen เขียนไปพร้อมกันก็ได้ (เยอะมากๆ ยังไงลองไปดูในคลิป Hands-on ได้ครับ)
กล้องของ Note 10
Galaxy Note 10 นั้นมีกล้องหลัง 3 ตัว ความละเอียด 12MP ที่ปรับรูปรับแสงได้ f1.5/f2.4 + กล้อง 16MP Ultrawide มุมกว้าง และกล้อง 12MP เลนส์เทเล
แต่ใน Galaxy Note 10+ นั้นมีเพิ่มมาอีกหนึ่งคือกล้อง ToF ที่เรียกว่า Depth Vision ซึ่งมาช่วยในการถ่ายภาพและวิดีโอแบบ Live Focus เพื่อให้สามารถเบลอฉากหลังได้เนียนมากขึ้น
ฟีเจอร์ใหม่อย่าง Zoom-in Mic นั้นจะเป็นการเร่งเสียงของตำแหน่งที่เราซูมเข้าไป
ส่วน Super Steady กล้องกันสั่นแบบ Action Cam ตอนนี้ก็สามารถซูมได้ 1 สเตป เพื่อให้การใช้งานสะดวกมากขึ้น และมีโหมด Hyperlapse ให้ใช้งานด้วย
เอฟเฟคของ Live Focus Video นั้นมีด้วยกัน 4 แบบ ทั้งการเบลอฉากหลังแบบปกติ การเลือกแสดงสีเฉพาะตัวเรา
Circle การเปลี่ยนดวงไฟข้างหลังเป็นวงกลม
Glitch จะได้อารมณ์ Pop culture หรือฟิล์มสมัยก่อน
แบตเตอรี่และการชาร์จ
แม้ทั้ง 2 รุ่นจะมีขนาดตัวเครื่องที่บางกว่า Note รุ่นก่อนๆ แต่ความจุของแบตเตอรี่นั้นไม่ได้น้อยตาม Galaxy Note 10 มีแบตเตอรี่ขนาด 3500 มิลลิแอมป์ ส่วน Note 10+ นั้นมีขนาด 4300 มิลลิแอมป์
โดย Note 10 รองรับ Super FastCharge สูงสุดที่ 25 วัตต์ ส่วน Note 10+ รับไฟได้สูงถึง 45 วัตต์เลยทีเดียว ทาง Samsung บอกว่าชาร์จแค่ประมาณชั่วโมงนิดๆ แบตก็เต็มแล้ว
สำหรับสีและสเปคความจุของ Galaxy Note 10 | Note 10+ ที่จะขายในประเทศไทยนั้นยังไงต้องรออัพเดทกันอีกทีนะครับ ในงานเปิดตัวนั้นมีสีไฮไลท์ที่เป็นประกายรุ้งนั่นเรียกว่า Aura Glow ส่วนสีอื่นๆ ก็จะมี Aura Black, Aura White
สีพิเศษของ Note 10+ คือ Aura Blue จะเป็นสีน้ำเงินเข้ม ส่วนสีพิเศษของ Note 10 จะเป็น Aura Red และ Aura Pink
คาดว่าในประเทศไทยน่าจะมีการประกาศราคาในวันที่ 8 สิงหาคมนี้ รวมถึงกำหนดวางจำหน่ายด้วยครับ
::พื้นที่โฆษณา::โปรมือถือ Samsung Galaxy Note10 / 10+ ราคาพิเศษ |
อ่านมาตั้งนาน🤔…โดนสิครับรอไร😆
สุดยอด สงสัยคงต้องไปถอยซะแหละ 🙂 🙂
สวยมากกกด
สีแดง Aura Red จะเข้าไทยมั้ยครับ
จองแล้ว ตามทุกรุ่น
@octopatr มือเหี่ยว จะรู้สึกกระจอกมากมั้ยนะ ที่ต้องเหน็บหูฟังทรงเห็บหมาไว้ แล้วจะไม่มีโอกาสได้ใช้หูฟังชั้นดีราคาแพงอีกต่อไปอ่ะ