แม้ว่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปแล้วเมื่อคืนที่ผ่านมาสำหรับชิปเซ็ตตัวท็อปจาก Qualcomm อย่าง Snapdragon 888 ทว่าในส่วนของฟีเจอร์และสเปคต่างๆ ทาง Qualcomm เหมือนจะอุบเอาไว้ก่อน ยังไม่มีการเปิดเผยออกมา ล่าสุดทางบริษัทยักษ์ใหญ่สัญชาติสหรัฐฯ ก็ออกมาบอกรายละเอียดของ Snapdragon 888 แบบจัดเต็มแล้ว มากับ Cortex-X1 ตัวแรง และประสิทธิภาพในภาพรวมแรงกว่าเดิมหลายเท่าตัว

Cortex-X1 แรงกว่าเดิม 25%

Snapdragon 888 ถือเป็นชิปเซ็ตตัวแรกของโลกเลยที่มาพร้อมกับ CPU ตัวแรงของทาง ARM อย่าง Cortex-X1 ซึ่งในส่วนนี้ทาง Qualcomm ก็แอบเอาไปปรับแต่งสเปคนิดหน่อย ให้มีความแรงขึ้นกว่าเดิม โดย Cortex-X1 แรงกว่า Cortex-A78 อยู่ราวๆ 33% เลยด้วยกัน แถมยังมีฮาร์ดแวร์ในส่วน SIMD มากกว่าสองเท่าอีกด้วย

โดยตัว Cortex-X1 บน Snapdragon 888 นั้นมีค่าสัญญาณนาฬิกา หรือ Clock-Speed อยู่ที่ 2.84GHz นอกจากนี้ Snapdragon 888 ยังมากับ Cortex-A78 ทั้งหมด 3 แกน ที่ความเร็ว 2.4GHz และตัวประหยัดพลังงานอย่าง Cortex-A55 ความเร็ว 1.8GHz

ซึ่งตัว CPU Cortex-X1, Cortex-A78 และ Cortex-A55 นั้น จะเรียกรวมๆ ว่า Kryo 680 ในส่วนนี้ทาง Qualcomm เคลมว่าจะมีประสิทธิภาพแรงกว่าชิปตัวท็อปรุ่นเก่าอย่าง Snapdragon 865 อยู่ 25% และกินไฟน้อยลงกว่าเดิมถึง 25% เลยทีเดียว

Adreno 660 เรนเดอร์เร็วกว่าเดิม 35%

มาถึงเรื่อง GPU หรือหน่วยประมวลผลกราฟิกกันบ้าง โดย Snapdragon 888 จะมาพร้อมกับ Adreno 660 ที่สามารถเรนเดอร์ได้ไวกว่าเดิม 35% แต่กลับกินไฟน้อยลงกว่าเดิมถึง 20% นอกจากนี้ตัว Adreno 660 ยังถูกออกแบบมาสำหรับเล่นเกมที่เฟรมเรทสูงๆ และปรับแต่งมาให้มีค่าความหน่วงต่ำ (Latency) โดยเฉพาะอีกต่างหาก สามารถรองรับการเล่นเกมได้สูงสุดที่ 144fps

นอกจากนี้ Adreno 660 ยังมี Variable Rate Shading (VRS) เทคโนโลยีเดียวกับการ์ดจอของ Nvidia และ AMD อีกต่างหาก ซึ่งเทคฯ นี้จะเข้ามาช่วยให้เงานั้นสามารถแสดงผลได้ 2 หรือ 4 พิกเซล จากปกติจะแสดงผลแค่ 1 พิกเซลเท่านั้น โดย VRS สามารถเร่งประสิทธิภาพให้แรงกว่าเดิมได้มากถึง 30% แต่กินไฟน้อยลงพอสมควร

แถมยังมากับ Game Quick Touch ที่จะเข้ามาช่วยให้การตอบสนองของการสัมผัสนั้นมีความหน่วงลดลง 20% อีกทั้ง Adreno 660 ยังรองรับถอดรหัส HDR 10-bit อีกด้วย

ชิป ISP ใหม่ ถ่าย 4K @120fps

Snapdragon 888 ยังเป็นชิปรุ่นแรกของ Qualcomm อีกด้วยที่มาพร้อมกับ ISP ทั้งหมด 3 ตัว ที่จะรองรับการใช้งานกล้อง 3 ตัวในเวลาเดียวกัน นอกจากนี้ยังจะเข้ามาช่วยให้การเปลี่ยนจากกล้อง Wide ไป Ultra-Wide ได้แบบไม่ติดขัดอีกด้วย โดย Snapdragon 888 สามารถถ่ายรูปแบบ HDR 10-bit และไฟล์ HEIF ได้

โดย Snapdragon 888 รองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียด 4K หรือ Ultra HD ที่ 120fps อีกทั้งยังสามารถถ่ายภาพ 120 รูปต่อวินาที ที่ความละเอียด 12 ล้านพิกเซลอีกด้วย

โมเด็ม 5G X60 ในตัว รองรับ WiFi 6E

Snapdragon 888 มาพร้อมกับโมเด็ม X60 ที่รองรับ 5G ในตัว สามารถใช้งานแบบ sub-6GHz และ mmWave ทำความเร็วได้สูงสุด 7.5 Gbps ในแบบ Downlink และแบบ Uplink ที่ 3 Gbps

มีโมเด็ม FastConnect 6900 ที่รองรับการใช้งาน WiFi 6E สปีดสูงสุด 3.6 Gbps ซึ่งในส่วนนี้ Qualcomm เคลมว่านี่คือความเร็วที่แรงสุดในวงการ WiFi ของสมาร์ทโฟนแล้ว นอกจากนี้ Snapdragon 888 ยังมากับ Bluetooth 5.2 เสารับสัญญาณคู่ และเทคโนโลยี aptX อีกต่างหาก

AI เทพกว่าเดิม กินไฟน้อยลง

Snapdragon 888 มาพร้อมกับ AI Engine รุ่นที่ 6 ผสานเข้ากับ Hexagon 780 ทำให้สามารถคำนวณคำสั่งได้มากถึง 26 TOPS และแน่นอนว่ากินไฟน้อยลงกว่าเดิม

นอกจากนี้ตัว Sensing Hub ยังอัปเกรดมาใช้เป็นรุ่นที่ 2 เช่นเดียวกัน กินไฟโดยรวมน้อยลงกว่าเดิม และกว่า 80% ของคำสั่ง AI ง่ายๆ ทั่วไปๆ จะประมวลผลที่ Sensing Hub แทน ไม่ไป Hexagon 780 โดยเหตุผลก็คือเพื่อการประหยัดพลังงานนั่นเอง

ระบบความปลอดภัยสุดแน่น

แถม Snapdragon 888 ยังเป็นชิปเซ็ตมือถือรุ่นแรกของโลกอีกแล้ว ที่มากับมาตรฐานรักษาความปลอดภัย Content Authenticity Initiative ที่รับประกันความปลอดภัยของข้อมูลต่างๆ ไม่โดนเจาะง่ายๆ แน่นอน อีกทั้งยังมี Hypervisor แบบเดียวกับ PC ที่ใช้ชิป Snapdragon 8cx อีกต่างหาก แต่ทั้งนี้ต้องมาดูว่าการใช้งานในโลกของ Android จะเป็นยังไง

QuickCharge 5 รองรับชาร์จไว 100W+

ปิดท้ายกันที่เรื่องของระบบชาร์จไว โดย Snapdragon 888 รองรับการใช้งาน QuickCharge 5 ที่ทาง Qualcomm ประกาศเปิดตัวไปเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา รองรับระบบชาร์จไวที่ความเร็ว 100W+ และมีเทคโนโลยีควบคุมความร้อนไม่ให้เกินขีดจำกัดอีกต่างหาก แถมยังรองรับ USB-PD และสามารถใช้งานร่วมกับ QuickCharge รุ่นเก่าๆ อีกด้วย

โดย Xiaomi เตรียมขึ้นแท่นเป็นเจ้าแรกของโลกที่นำชิป Snapdragon 888 ไปใช้กับมือถือของตนในช่วงเดือนมกราคมที่จะถึงนี้ และแน่นอนว่าถัดจากนั้นไป เจ้าตลาดทั้งหลายจากฝั่ง Android ก็น่าจะตบท้ายมาขอใช้บริการชิปตัวท็อปจาก Qualcomm เป็นแน่

 

ที่มา: GSMArena