realme Band รุ่นแรกเพิ่งจะเปิดตัวไปเมื่อสิ้นเดือนมีนาคม ล่าสุดทางบริษัทฯ ได้นำ realme Band 2 รุ่นใหม่ หน้าจอใหญ่ขึ้น แบตเตอรี่ความจุเยอะกว่าเดิม และดีไซน์คล้ายคลึงกับ Band 6 ของ HONOR อยู่เล็กน้อย เริ่มต้นประมาณ 1,390 บาท

แม้ว่าจะมีสถานะเป็นสายรัดข้อมืออัจฉริยะ แต่หน้าตาของ realme Band 2 กลับไปเหมือนกับสมาร์ทวอทช์รุ่นอื่น ๆ อยู่เล็กน้อย มาพร้อมกับหน้าปัดสี่เหลี่ยมแบบสี ขนาด 1.4 นิ้ว ความละเอียด 320 x 167 พิกเซล สามารถดันความสว่างได้สูงสุด 500 nits รองรับ Watch Faces หรือหน้าปัดนาฬิกามากกว่า  50 แบบ หรือจะเลือกแบบคัสตอมเองจากแกลลอรี่บนสมาร์ทโฟนที่เชื่อมต่อเอาไว้ก็ได้

ส่วนฟีเจอร์เกี่ยวกับการออกกำลังกายหรือสุขภาพต่าง ๆ ทาง realme Band 2 จะอัดมาให้แบบจัดเต็มเหมือนกับ Band รุ่นแรกเลย ทั้งเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ, วัดคุณภาพการหลับนอน, นับก้าวการเดินในแต่ละวัน, ตัวช่วยเตือนว่าต้องดื่มน้ำในแต่ละวัน รวมถึงหากนั่งบนเก้าอี้นานเกินไป เจ้า realme Band 2 ก็จะส่งเสียงแจ้งเตือนออกมาให้ลุกไปขยับบ้างได้แล้ว

แต่ที่มีเพิ่มเข้ามาใน realme Band 2 ก็คือ ระบบตรวจวัดความเครียด, ฟีเจอร์วัดสุขภาพของผู้หญิง (คาดว่าอาจจะเป็นการวัดรอบเดือน) และเซ็นเซอร์ SpO2 ที่ช่วยดูได้ว่าตอนนี้ออกซิเจนในเลือดเรามีน้อยหรือเปล่า เป็นตัวบ่งชี้การติดเชื้อไวรัสโคโรน่าหรือ COVID-19 ได้

realme Band 2 รองรับการออกกำลังกายและกีฬากว่า 90 ชนิด อัปเกรดขึ้นจากรุ่นก่อนที่รองรับเพียงแค่ 9 แบบเท่านั้น แต่ในเบื้องต้น realme Band 2 จะรองรับแค่ 14 ชนิดเท่ากัน ก่อนภายหลังจะปล่อยอัปเดตเพิ่มให้อีกที

นอกจากนี้ realme Band 2 ยังมากับฟีเจอร์ Smart AloT Control แบบเดียวกับที่เคยเห็นบน realme Watch 2 Pro สามารถควบคุมอุปกรณ์ IoT ของ realme ได้ ชนิดที่ว่าแทบไม่ต้องหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาเลย อีกทั้ง realme Band 2 ยังกันน้ำลึก 50 เมตรอีกด้วย

แบเตอรี่ของ realme Band 2 จะให้มาที่ 204 มิลลิแอมป์ ที่บริษัทฯ เคลมเอาไว้ว่าสามารถใช้งานต่อเนื่องได้สูงสุด 12 วัน โดยตัวแบนด์จะรองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.1 และมีชิป Goodix ที่เปิดใช้งาน Bluetooth LE ได้

realme Band 2 สามารถใช้งานร่วมกับ Android 5.1 และ iOS 11 ขึ้นไป ปรับแต่งการตั้งแค่ได้ที่แอป realme Link มีให้เลือกสีเดียวคือ Space Gray แต่สายรัดข้อมือมีให้เลือกหลากสี

realme Band 2 วางขายวันแรกที่ประเทศมาเลเซียวันที่ 20 กันยายนนี้ ในราคา 169 ริงกิต หรือประมาณ 1,390 บาท ส่วนจะเข้าไทยหรือไม่ ส่วนตัวคิดว่ามาแน่ ๆ เตรียมหยอดกระปุกเก็บเงินเลย

 

ที่มา: GSMArena