ช่วงนี้กระแสรักสุขภาพต้องมา งานโพสภาพออกกำลังกายต้องมีนะคะ ซึ่งถ้าจะพูดถึงเรื่องของการออกกำลังกายนั้นหลายๆ คนอาจจะออกกำลังกายในฟิตเนสที่เครื่องเล่นแต่ละตัวสามารถติดตามผลการออกกำลังกายได้เลย แต่หลายๆ คนก็เลือกที่จะออกกำลังกายนอกฟิตเนสอย่างเช่นการวิ่ง การปั่นจักรยาน หรือปีนหน้าผาจำลอง และเพื่อให้การออกกำลังกายในแต่ละครั้งนั้นมีประสิทธิภาพสูงสุด การรู้อัตราการเต้นของหัวใจว่าอยู่ในโซนใดแล้วตรงตามเป้าหมายไหม อุปกรณ์ Wearable และ Fitness Tracker เลยมีการใส่ Heart Rate Sensor มาด้วย และหนึ่งในนั้นก็คือ Fitbit Charge HR
สำหรับ Fitbit Charge HR ที่เก่งเองได้ลองใช้มาสักพักแล้ว วันนี้เลยจะขอหยิบมารีวิวเพิ่มให้เป็นอีกตัวเลือกของคนที่สนใจค่ะ เอาหละก่อนอื่นมาดูกันก่อนว่าในกล่องใหญ่ๆ นี้มีอะไรใส่อะไรมาให้บ้าง
เอริ่มคือ กล่องใหญ่อลังเกินปริมาณของไปมากจริงๆ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เราสนใจ สิ่งที่เราสนใจคืออออ Fitbit Charge HR !
รวมๆ แล้วหน้าตาของ Fitbit Charge HR นั้นถือว่าดูดีทีเดียว เน้นความเรียบและน้ำหนักที่เบาเข้าว่าเพื่อให้สามารถใส่ได้เรื่อยๆ ติดมือได้ตลอดเหมือนเป็นเครื่องประดับเก๋ๆ ชิ้นหนึ่ง
มาพร้อมหน้าจอ OLED ที่สามารถแสดงผลได้ 8 อย่างด้วยกัน ทั้งนาฬิกา, การตั้งปลุก, จำนวนก้าว, ระยะทาง, แคลลอรี่ที่ใช้, จำนวนชั้นที่เดิน ไปจนถึงค่าอัตราการเต้นหัวใจที่ตรวจจับจากเซ็นเซอร์ที่ด้านหลังของตัวเครื่อง (แต่ใช้เป็นข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้นนะ ไม่สามารถเอาไปใช้ยืนยันในทางการแพทย์ได้เนาะ)
ส่วนตัวเครื่องนั้นใช้งานง่ายเพราะมีปุ่มแค่ปุ่มเดียวที่ด้านซ้ายของตัวเรือนให้กดเพื่อใช้เลื่อนไปยังเมนูที่ต้องการหรือถ้าใครขี้เกียจมานั่งกดจะใช้การแตะหน้าจอแทนก็ได้นะ
ด้านวัสดุของ Charge HR นั้นเป็นสายยาง, ตัวล็อกสายทำมาจากสแตนเลสซึ่ง Fitbit เคลมว่าวัสดุนั้นเกรดเดียวกับอุปกรณ์ทางการแพทย์เลย ข้อดีของสายและตัวล็อกแบบนี้คือใส่ง่ายเหมือนใส่นาฬิกาทั่วไปแถมยังล็อคสองชั้นทั้งจากตัวล็อคและสายรัดทำให้หมดห่วงเรื่องการหลุดหายขณะออกกำลังกายด้วย
แต่ว่าสายนี้จะไม่สามารถถอดเปลี่ยนสายได้นะ เพราะงั้นจึงต้องเลือกสีให้ชอบเลือกสายให้ใช่ ให้ถูกไซส์กันก่อนซื้อ โดยสายจะมีทั้งหมด 3 ขนาดคือไซส์ S, L และ XL ถ้าเกิดว่าใครไม่มั่นใจก็แนะนำให้ลองเทียบไซส์จากข้างกล่องกันก่อนซื้อค่ะ
เอาหละเมื่อแกะกล่อง เสียบชาร์จ Charge HR เรียบร้อยแล้วคราวนี้ก็ได้เวลาเปิดเครื่อง ลองซิงค์กันสักที แต่!!! ก่อนอื่นต้องไปดาวน์โหลดแอพ Fitbit บน Google Play Store, Apple App Store หรือ Windows Phone Store ตามเครื่องที่จะใช้งานร่วมกันซะก่อนนะคะ
เมื่อโหลดแล้วก็ให้เข้าไปในแอพ กรอกข้อมูลส่วนตัวเพื่อ log-in หรือสร้างบัญชีผู้ใช้ > เลือกอุปกรณ์ของเรา > เปิดบลูทูธ > ป้อนรหัสเครื่องให้ตรงกัน > ไปกรอกข้อมูส่วนตัว
จากนั้นก็ไปตั้งค่าทั้งการตั้งเวลาปลุกด้วยการสั่น การแสดงรายชื่อสายเรียกเข้าจากมือถือไปจนถึงหมุนข้อมือขั้นมาปั๊บสิ่งแรกที่อยสกให้ฉชว์ขึ้นมาคืออะไรผ่านหน้า Dashboard ในแอพ
เมื่อพอใจกับสรรพสิ่งแล้วก็ได้เวลาเริ่มใช้งานได้! ซึ่งเอาจริงๆ ก็คือช้ชีวิตตามปกตินั่นหละค่ะ จากนั้นก็ค่อยมาดูสรุปผลกันว่าในแต่ละวันเราฟอตมากแค่ไหน ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้หรือไม่ซึ่งจะมีสรุปไว้ในหน้า Dashboard ส่วนถ้าอยากดูเทียบแต่ละวันแบบเป็นกราฟหรือว่าอยากได้รายละเอียดเพิ่มเติมก็สามารถกดเลือกเข้าไปได้เลย
โดยตัว Change HR จะตรวจวัดทุกสิ่งให้เราแบบตลอดเวลาแล้วแสดงผลผ่านทางแอพพลิเคช้่นให้ดูกันแบบง่ายๆ ว่าวันนี้เดินไปมากแค่ไหน, เวลาออกกไลังกาย heart rate อยู่ในโซนไหน เบาไปหรือหนักไปหรือเปล่า, แต่ละวันมีพัฒนาการไหม และด้วยความที่มันใส่ติดมือได้ตลอดแบบไม่อึดอัดจึงใส่ยาวๆ ไปได้ 24ชม. ตรวจจับการนอนว่าหลับสนิทไหม พักผ่อนพอหรือเปล่า
นอกจากนี้ก็ยังมีการบันทึกข้อมูลอาหาร การดื่มน้ำด้วยนะ เพื่อความ healthy ขั้นสุด แต่ว่าตรงนี้เราต้องเข้าไปกรอกเองนะว่าวันนี้กินอะไรไปบ้าง ดื่มน้ำไปกี่ ml. แล้วกี่แก้ว
แต่ปัญหาของการใช้พวก tracker แบบนี้ของหลายๆ คนคือพอใช้ไปสักพักจะเริ่ม “อืม healthy ก็ดีอ่ะ แต่ขี้เกียจแล้ว” เมื่อเจอฟีลนี้หลายๆ คนก็จะเลือกบ๋ายบายบรรดา wearable device และการออกกำลังกายไปโดยปริยาย แต่บน fitbit จะมีข้อดีที่ช่วยฉุดแแรงฮึดของเราได้ด้วยการเปรียบเทียบสถิติของเรากับเพื่อนๆ ที่ใช้ fitbit เหมือนกัน… แล้วแบบนี้ใครจะอยากเป็นที่สองจริงไหมคะ?!
อีกฟีเจอร์หนึ่งคือเควสที่มีมาให้เล่นตลอด ชวนเพื่อนมาร่วมแข่งขันได้ก็สนุกไปอีกแบบ เพราะระหว่างการแข่งขันเรายังแชทเยาะเย้ยถากถางกันและกันได้ด้วย 😛
ซึ่งนอกจากการไปแข่งขันกับเพื่อแล้วก็ยังมีการแช่งขันกับตัวเองด้วยการทำภารกิจได้ตามเป้าหมายที่กำหนด ซึ่งเมื่อเสร็จสิ้นแล้วก็จะได้รับ Badge เป็นรางวัลประดับโปรไฟล์ที่สามารถแชร์ไปอวดเพื่อนๆ บนโลกโซเชียลได้ด้วยนะ
ส่วนเรื่องของแบตเตอรี่ที่หลายๆ คนกังวลนั้นตอนแรกทางค่ายเขาเคลมว่าชาร์จครั้งหนึ่งอยู่ได้ 5 วัน ซึ่งพอเอามาใช้จริงถ้าเปิดอัพเดตแบบ all day sync ไปเพื่อเกาะติดข้อมูลและไม่ต้องมานั่งกดซิงค์เองก็ต้องแลกกัยอายุการใช้งานที่สั้นลงประมาณสามวันชาร์จที ส่วนถ้าอยากให้มีชีวิตรอดได้ 5วันตามกำหนดก็ต้องซิงค์เองวันละครั้งพอค่ะ!
อ้อ เตือนกันนิสนึงว่า Charge HR เป็นWater Resistant แต่ไม่ WaterProof นะ ใส่อาบน้ำได้แต่อย่าแช่ ใครจะเอาไปใช้ตอนว่ายน้ำนี่ไม่แนะนำนะคะ
โดยสรุปแล้วจากที่ใช้มาส่วนตัวชอบนะ ถือว่าทำออกมาได้ดี อย่างแรกเลยคือหน้าตาสวยใส่ได้ตลอด มีหน้าจอบอกเวลาได้ด้วย ซึ่งมาพร้อมน้ำหนักเบาเลยไม่รู้สึกอึดอัดหรือเกะกะอะไร ด้านแอพก็ทำออกมาได้ดี ใช้งานง่าย แต่จะมีข้อเสียบ้างตรงอายุแบตเตอรี่แต่ว่าชดเชยด้วยเวลาชาร์จที่ไวเลยไม่ค่อยน่าหงุดหงิดเท่าไหร่
แต่จะว่าไปในช่วงราคาประมาณ 5,000-6,000 บาท ก็ยังมีคู่แข็งที่สูสีกันอยู่ทั้งเรื่องของราคาและความสามารถอย่าง Garmin Vivo Smart HR แถมดูๆ ไปทางฝั่ง Garmin ยังได้เปรียบที่สามารถแสดงการแจ้งเตือนจากมือถือได้หลากหลายกว่าด้วย แต่เก่งก็ยังไม่เคยลองเล่นเองจริงๆ จังๆ เหมือนกันว่ามันเหมือนหรือต่างกันยังไงบ้าง ถ้ามีเพื่อนๆ สมาชิกคนไหนใช้อยู่ก็ลองเอามารีวิวหรือร่วมกันคอมเม้นบอกกันหน่อยนะคะ :]
ผมก็อยากลองครับ
ใช้ Garmin Vivo Smart ได้เดือนกว่า จอเสีย
ส่งเคลมในศูนย์ไทย ส่งต่อเมืองนอก
กว่าจะได้คืนมา 2 เดือน ว่าจะขายทิ้ง
แล้วลองตัวนี้พอดี
vivo smart นี่จอเสียกันหลายคนเลยนะครับ
แต่ดูเหมือนว่า Hr จะแม่นกว่า ส่วนแอพนั้น ผมว่า ของ fitbit เหนือกว่าครับ
ใช้แต่ Mi band
ตัวนี้โดนฟ้องอยู่ครับ เรื่อง HR ไม่แม่น แถมมั่วอีก ยังไม่จบเลย
ถ้าแพ้อาจจะต้องเรียกคืนกลับหมด
ตอนวิ่งควรต้องรู้ระยะทางด้วยครับ เคยดูๆ แนวนี้อยู่ สุดท้ายไปจบที่ Garmin Forerunner 225 ครับ มี GPS, HR, Accelerometer etc. แบตทนด้วย กันน้ำ 5 ATM ด้วยครับ (แต่ควรถอดล้างให้สะอาดหลังวิ่งเสร็จ ถอดยางด้านหลังมาล้างด้วย)
ตอนนี้กำลังดูรุ่นใหม่อยู่ครับ เป็นรุ่น 235 เพิ่มความแม่นยำเรื่อง GPS ไปอีกขั้น
ตัว 225 ที่ผมใช้อยู่ HR ดูท่าจะโอเค แต่ GPS นี่ไม่แม่นครับ เอาแนววิ่งมาดู มั่วเยอะเหมือนกัน แต่แค่วิ่งออกกลังกายครับ ไม่ได้ออกรบ เลยไม่ซีเรียส
Presenter สาว หุ่นดีมากๆ
wow sexy สุดๆ
สตรองงงเบยแอด
[size=15]เพิ่งถอยมาเหมือนกันใช้งานได้ดีคับแบตได้หลายวัน…
เห็นมีโปรลดอยู่น่ะคับ…
www.lazada.co.th/fitbit-thailand
โปรส่วนลด Kbank โค้ดลด[/size]