HONOR Magic5 Pro มือถือเรือธงระดับพรีเมี่ยมที่พึ่งเปิดตัวในบ้านเราไปด้วยราคาดุเดือดจนเรือธงค่ายอื่นมีร้อน ๆ หนาว ๆ กันล่ะ เพราะค่าตัวแค่ 29,990 บาท แต่ได้สเปคโคตรจัดเต็มทั้ง Snapdragon 8 Gen 2, RAM 12GB ความจุ 512GB กล้องหลังระดับเทพการันตีด้วยเว็บ DXOMARK อันดับ 3 และหน้าจอคุณภาพอันดับ 1 จากเว็บเดียวกัน พร้อมฟีเจอร์อื่น ๆ ที่ให้มาแบบไม่หวงเครื่อง…แต่ว่ามันจะเจ๋งแค่ไหน จะสู้มือถือเรือธงค่ายอื่น ๆ ได้รึเปล่า เราได้ทดลองให้ดูกันแล้วจ้า

ดีไซน์ตัวเครื่อง

ตัวเครื่องของ HONOR Magic5 Pro มีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ตามสไตล์มือถือเรือธงจอยักษ์ทั่วไป (6.81 นิ้ว) แน่นอนว่าเวลาใช้งานมือเดียวก็จะทุลักทุเลเสียวเครื่องหล่นอยู่

ตัวเครื่องจะออกแนวโค้งมนทั้งมุมเครื่องและสันเครื่อง ดีไซน์แบบสมมาตรมีความโค้งแบบสมมาตรเท่ากันทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ขอบเครื่องด้านขวามีปุ่ม Power และปุ่มปรับเสียง, ด้านซ้ายโล่ง ๆ ไม่มีอะไร, ด้านบนมีช่องลำโพงที่เชื่อมกับช่องลำโพงสนทนา (เวลาปิดรูใดรูหนึ่งเสียงยังคงออกมาได้), ไมโครโฟน และมี IR Blaster สำหรับใช้สั่งการอุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆ, ด้านล่างมีพอร์ท USB-C, ลำโพง,ไมโครโฟน และถาดซิม

ด้านหลังจะเห็นจุดเด่นสุด ๆ คือโมดูลกล้องวงกลมขนาดยักษ์อยู่ตรงกลางเครื่องพร้อมเลนส์กล้อง 3 ตัว และเซนเซอร์ dToF+แฟลช ซึ่งบริเวณนี้จะนูนขึ้นมาจากฝาหลังพอสมควรเลย อันนี้แม้ว่าจะใส่เคสที่แถมมา เวลาวางหงายเครื่องก็ยังอดเสียวไม่ได้ว่าเลนส์กล้องจะไปขูดอะไรเป็นรอยเข้ารึเปล่า นอกจากนี้เวลาจับเล่นเกม ฝาหลังของมีให้เลือกทั้งหมด 2 สี คือสีเขียว (ที่เราใช้รีวิว) เป็นพื้นผิวทรายละเอียดมีความวิบวับเล็กน้อยเมื่อโดนแสง กับอีกสีเป็นสีดำพื้นผิวเรียบมันวาว

จริง ๆ สีจะออกเขียว ๆ นะ แต่ถ่ายออกมาแล้วดูเป็นสีเทา

หน้าจอสุดงาม

HONOR Magic5 Pro ใช้หน้าจอพาเนล AMOLED ขนาด 6.81 นิ้ว ขอบโค้ง ความละเอียด 1312 x 2848 รีเฟรชเรทสูงสุด 120Hz เป็นจอแบบ LTPO ที่สามารถลดรีเฟรชเรทลงไปต่ำสุดได้ 1Hz ช่วยประหยัดพลังงานเวลาไม่มีการเคลื่อนไหวบนหน้าจอ

มุมจอด้านซ้ายบนเจาะรูเป็นแถบยาวไว้วางกล้องเซลฟี่ + เซนเซอร์ 3D ToF สำหรับใช้สแกนหน้าจอ 3 มิติ หรือจะใช้สแกนนิ้วมือบนหน้าจอก็ได้เหมือนกัน (เปิดใช้งาน 2 วิธีปลดล็อคนี้ได้พร้อมกัน)

หน้าจอของ Magic5 Pro เลือกปรับความละเอียดได้ระหว่าง High (2848 x 1312) Standard (2492 x 1148) Low (2136 x 984) หรือจะตั้ง Smart Resolution ให้ระบบปรับความละเอียดจออัตโนมัติตามการใช้งาน

รีเฟรชเรทก็ปรับได้ตั้งแต่ 60Hz / 90Hz / 120Hz และ Dynamic (อัตโนมัติ 1-120Hz) ตามการใช้งาน

มีโหมด Video Enhancer สำหรับปรับการแสดงผลสีของวิดีโอที่เล่นจากแอปต่าง ๆ ช่วยเพิ่มขอบเขตความกว้างของสีจากวิดีโอต้นฉบับให้มากขึ้น

และยังมี Frame Rate Booster ที่ช่วยอัปสเกลเฟรมเรท (fps) ของวิดีโอให้ลื่นไหลมากกว่าต้นฉบับ อันนี้ถ้าเปิดไว้เวลาดูหนังอาจจะรู้สึกแปลก ๆ เพราะปกติหนังจะมีเฟรมเรทที่ 24fps พอเฟรมเรทสูงขึ้นแล้วมันจะไม่ค่อยชิน

กล้องหลังสุดเทพ

กล้องหลังมีทั้งหมด 3 ตัว ประกอบด้วยกล้องหลักความละเอียด 50MP มีกันสั่น OIS + กล้อง Ultrawide 50MP + กล้อง Telephoto เลนส์ Periscope 50MP ซูม Optical 3.5x และซูม Digital สูงสุด 100x มีกันสั่น OIS และยังมีเซนเซอร์ dToF Laser Focusing System สำหรับจับความลึกช่วยให้โฟกัสภาพได้แม่นยำและรวดเร็วขึ้น

แต่ส่วนตัวคิดว่า UI กล้องบางส่วนยังใช้งานยากเพราะต้องเข้าไปปรับใน Settings เอา อย่างเช่นการปรับความละเอียดวิดีโอ การปรับโหมดถ่ายวิดีโอ HDR10+ ที่ต้องลองกดเปลี่ยนกันหลายรอบกว่าจะเปิดใช้ได้ (ต้องเข้าโหมด Movie ก่อนถึงจะเปิดได้)

ภาพนิ่ง

Falcon Capture ถ่ายวัตถุเคลื่อนไหวได้คมกริบ

หนึ่งในจุดขายของมือถือรุ่นนี้คือโหมด Falcon Capture ที่เราสามารถเลือกเปิด-ปิดได้จากโหมด Photo (รูปคนวิ่งซ้ายล่าง) ซึ่งโหมดนี้เราจะเลือกกดถ่ายเองก็ได้ หรือเข้าไปตั้งในหน้า Settings (ของแอปกล้อง) เพื่อเปิด Smart Capture โดยเมื่อเปิดแล้วกล้องจะจับโฟกัสของ คน หมา แมว ที่อยู่บนหน้าจออัตโนมัติ และเมื่อวัตถุนั้นเคลื่อนไหว ชัตเตอร์จะลั่นให้เองเลย แต่ระบบนี้จะจับโฟกัสอัตโนมัติได้ก็ต่อเมื่อมันตรวจจับได้ว่าเป็น หมา แมว หรือคนเท่านั้นนะครับ ถ้าจะถ่ายอย่างอื่นต้องกดชัตเตอร์เองนะ

จากการทดสอบแล้วบอกเลยว่า “ของเค้าดีจริง” คนวิ่ง คนกระโดด ผ่านหน้ากล้องก็โฟกัสพร้อมถ่ายอัตโนมัติได้อย่างแม่นยำและคมสุด ๆ (ถ้าเป็นสิ่งของต้องกดชัตเตอร์เองนะครับ)

 

ซูม 100x

อีกจุดขายของรุ่นนี้คือกล้อง Telephoto ที่มีระยะ Optical Zoom ที่ 3.5x แต่สามารถดันระยะออกไปได้สูงสุดที่ 100x (เฉพาะภาพนิ่ง) ซึ่งคุณภาพอยู่ในระดับที่พอได้ แต่บอกตรง ๆ ว่ายังสู้ Galaxy S23 Ultra ไม่ได้ในเรื่องการซูม 100x ครับ (ส่วนการซูมในระยะต่ำกว่านั้นอย่าง 5x – 10x อยู่ในระดับที่ดีเลยล่ะ)

พกเข้าไปซูมในคอนเสิร์ต

มีโอกาสได้พกเข้าไปถ่ายในคอนเสิร์ต Blackpink เมื่อวันเสาร์ที่ 27 พ.ค. ที่ผ่านมา นั่งโซน E ซูมแบบ 50x ให้ดู (100x จะใกล้ไป และสั่นเป็นเจ้าเข้า) ก็พบว่า…ถ่ายออกมาดูไม่รู้เรื่องว่าใครเป็นครับ 5555 ส่วนนึงน่าจะเป็นเพราะแสงน้อยด้วย เลยยิ่งโฟกัสยากเข้าไปอีก

1x / 3.5x / 10x / 50x

เทียบ Zoom 100x กับ Galaxy S23 Ultra

เทียบซูม 100x กับทาง Galaxy S23 Ultra จะเห็นเลยว่าของ Samsung ยังเห็นสายเคเบิ้ลเป็นเส้น ๆ ได้ แต่ของ Magic5 Pro เป็นปื้นไปเลย แถมความคมชัดก็ยังห่างกันเยอะ

โหมดวิดีโอเพียบ

ถ่ายวิดีโอได้สูงสุดที่ระดับ 4K 60fps / 4K 30fps HDR10+ เลือกถ่าย 4K ได้ทั้งกล้องหลัก และกล้อง Telephoto (แต่ไม่รู้ทำไมกล้อง Ultrawide ได้สูงสุดแค่ 1080p 30/60fps) ส่วนความนิ่งของระบบกันสั่นอยู่ในระดับดีเลย แต่เสียดายไม่มีโหมดกันสั่นขั้นสุดแบบ Super Steady ที่มือถือบางรุ่นสมัยนี้ให้มาด้วย

Play video

Play video

Play video

Play video

Play video

และยังมีโหมด Movie ให้เลือกโทนสี LUT ที่มีในเครื่อง รวมถึงเลือกถ่ายในฟอร์แมท LOG สำหรับเอาไปเกรดสีเองทีหลังก็ได้ด้วย

Play video

Play video

กล้องหน้า + เซนเซอร์ 3D ToF

กล้องหน้าของ HONOR Magic5 Pro มีความละเอียดอยู่ที่ 12MP และมีเซนเซอร์ ToF มาช่วยในการ Autofocus ด้วย ทำให้สามารถจับภาพได้รวดเร็วและแม่นยำขึ้น และยังช่วยในการเบลอพื้นหลังได้ค่อนข้างเนียนอีกด้วย ส่วนโหมดบิวตี้แม้จะไม่ได้ให้มาเยอะเหมือนค่าย OPPO หรือ vivo แต่ก็มีให้ปรับได้แบบสวย ๆ อยู่นะ

 

และด้วยมุมกล้องเซลฟี่ที่กว้างทำทำให้ปรับมุมกล้องออกมาได้อีกที่ 0.8x และ 0.7x สำหรับการถ่ายเซลฟี่หมู่

วิดีโอเซลฟี่ของรุ่นนี้ถ่ายได้สูงสุดที่ 4K 30fps และมีระบบกันสั่นด้วยซอฟท์แวร์มาช่วยให้ภาพเนียนนิ่งขึ้นด้วยนะ น่าจะถูกใจสาย Vlog เลยล่ะ แต่!…ถ้าถ่ายเซลฟี่ 4K แล้วจะเปิดโหมดบิวตี้ไม่ได้นะครับ เพราะบิวตี้รองรับแค่ 1080p เท่านั้น

Play video

ส่วนเซนเซอร์ 3D ToF นอกจากจะใช้ช่วยในการถ่ายรูปแล้ว ยังใช้สแกนใบหน้า 3 มิติ เพื่อปลดล็อคเครื่องได้ด้วย โดยการสแกนแบบนี้จะมีความปลอดภัยมากกว่ามือถือทั่วไปที่ใช้กล้องเซลฟี่สแกนหน้าแบบ 2 มิติ เท่านั้น

สเปคแรงแบบจัดเต็ม

เรื่องสเปคไม่ต้องพูดถึงเลย เพราะแรงสุด ๆ อยู่แล้วด้วย Snapdragon 8 Gen 2, RAM 12GB และความจุแบบจุก ๆ ถึง 512GB จะ Genshin Impact หรือจะ Honkai: Star Rail ก็พร้อมเสมอ

สเปค HONOR MAGIC5 PRO

  • หน้าจอ OLED ขนาด 6.81 นิ้ว ความละเอียด 2848 x 1312 รีเฟรชเรท 1-120Hz
  • CPU : Snapdragon 8 Gen 2
  • RAM (LPDDR5x) : 12GB
  • ความจุ (UFS 4.0) : 512GB
  • กล้องหลัง 3 ตัว
    – กล้องหลัก 50MP (f/1.6), OIS
    – กล้อง Ultrawide 50MP (f/2.0)
    – กล้อง Telephoto เลนส์ Periscope 50MP (f/3.0), OIS, ซูม Optical 3.5x, Digital 100x, OIS
    – เซนเซอร์ dToF
  • กล้องหน้า : 12MP + กล้องจับความลึก 3D
  • การเชื่อมต่อ : 5G, Wi-Fi 7, BT 5.2, IR Blaster
  • มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP68
  • ระบบเสียง : ลำโพงสเตอรีโอ, DTS:X
  • แบตเตอรี่ : 5100 mAh รองรับชาร์จไวมีสาย 66W ไร้สาย 50W
  • ระบบ Android 13 ครอบด้วย MagicOS 7.1

Genshin Impact ปรับสุด 60fps ยังลื่น (แต่เครื่องร้อนไวอยู่)

Honkai: Star Rail ก็ปรับสุดได้สบาย ๆ

เป็นรีโมทเครื่องใช้ไฟฟ้า

มือถือรุ่นนี้มากับ IR Blaster หรือช่องยิงอินฟราเรดไว้ใช้เป็นรีโมทคอนโทรลสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ ได้ด้วยนะ คือสะดวกเลยแหละ เพราะเราสามารถตั้งค่าเครื่องใช้ไฟฟ้าหลาย ๆ อย่างไว้ในมือถือได้ เวลาจะปิดจะเปิดเครื่องไหนก็กดเลือกเอาจากหน้าจอได้เลย ไม่ต้องเดินไปหยิบรีโมทจริง ๆ ให้วุ่นวาย

จะใช้กับแอร์ หรือทีวีก็ได้

แบตเตอรี่อึด มีชาร์จไร้สาย

แบตเตอรีให้มา 5100 mAh ถ้าใช้งานทั่วไปไมไ่ด้เล่นเกมบ่อย ๆ ดูหนังยาว ๆ บอกเลยว่าอยู่ข้ามวันสบาย ๆ แบบไม่ต้องลุ้น ทดสอบแบบจัดเต็มด้วยการดู YouTube ยาว ๆ 6 ชม. ความละเอียด 4K 30fps ความสว่างและลำโพง 60% เชื่อมต่อกับ WiFi ยังเหลือแบตเตอรี่ตั้ง 34% เลยนะ

 

รองรับชาร์จมีสาย 66W (แถมหัวชาร์จในกล่อง) ชาร์จจาก 5% – 100% ได้ในเวลาแค่ชั่วโมงเดียวเท่านั้น และยังรองรับชาร์จไร้สาย 50W อีกต่างหาก (โทษที…อันนี้ไม่ได้ลองให้เพราะไม่มีแท่นชาร์จไร้สายแรงขนาดนั้นง่ะ -_-)

MagicOS 7.1 ที่มากับ Desktop Mode

ระบบ MagicOS 7.1 ที่ครอบอยู่บน Android 13 นี้ นอกจากจะมีฟีเจอร์ทั่วไปอย่างพวกแบ่งหน้าจอ หรือหน้าจอป๊อปอัปแล้ว มันยังมากับฟีเจอร์เจ๋ง ๆ Desktop Mode ที่เราสามารถเชื่อมต่อมือถือผ่านสาย USB-C > HDMI เข้ากับทีวี / มอนิเตอร์ หรือจะเชื่อมแบบไร้สายกับสมาร์ททีวี เพื่อแสดงภาพขึ้นไปที่จอนั้น พร้อมเปลี่ยนหน้าตา UI ให้คล้ายกับ PC ได้ด้วย โดยเราจะต่อคีย์บอร์ดหรือเมาส์แล้วใช้งานเป็น PC ได้เหมือนกับ DeX ของทาง Samsung เลย (แต่ UI รวม ๆ แล้วยังไม่เจ๋งเท่าของ DeX นะครับ)

เปิดได้ 7 แอปพร้อมกันบนหน้าเดียว

เล่นเกมก็ได้นะ

แต่จากที่ลองใช้แล้ว ดันมีข้อสังเกตแปลก ๆ ตรงที่ใน Desktop Mode ดันไม่มีแอป Chrome ให้มาด้วย แม้ว่าเบราว์เซอร์ดังกล่าวจะใช้ได้ปกติบนหน้าจอมือถือ อันนี้ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเพราะอะไร (Desktop Mode ไม่มี Store ให้ดาวน์โหลดเพิ่มเติมด้วย) คือถ้าจะเล่นเน็ตในโหมดนี้ต้องไปดาวน์โหลดเบราว์เซอร์อื่นอย่าง Bing มาใช้แทน

มี Photos, Drive, Maps, Gmail, Lens, Meet แต่ทำไมไม่มี Chrome ???

MagicOS อัปเดตนานแค่ไหน แจกแพไวรึเปล่า?

HONOR ได้ออกมาประกาศนโยบายการอัปเดตซอฟท์แวร์ไว้ในงาน MWC 2023 เมื่อช่วงต้นปีว่ามือถือระดับเรือธงของค่ายจะได้รับการอัปเดตซอฟท์แวร์ทั้งหมด 3 รุ่น (ปัจจุบันคือ Android 13 ก็น่าจะได้ไปถึง Android 16 เลย) ส่วนการอัปเดตความปลอดภัยจะได้ยาว ๆ ถึง 5 ปี เพราะฉะนั้นก็ใช้กันได้ยาว ๆ ไปเลยจ้า

สรุป

ข้อดี

  • กล้องหลังอย่างเทพ ทั้งสภาพแสงปกติและแสงน้อย
  • ซูมระดับ 10x ชัดพอที่จะเอาไปใช้งานได้
  • โหมด Falcon Capture เจ๋งจริง ถ่ายวัตถุเคลื่อนไหวชัดเจน
  • สายวิดีโอน่าจะชอบใจ เพราะมีโหมดให้เลือกเยอะ กันสั่นนิ่ง
  • ถ่ายวิดีโอเซลฟี่ 4K ได้ มีกันสั่น EIS ด้วย
  • ถ่ายเซลฟี่มุมกว้างได้
  • ถ่ายเซลฟี่หน้าชัดหลังเบลอเนียน
  • หน้าจอสว่าง สีสันสดสวย
  • อัปสเกลวิดีโอได้ทั้งการแสดงผล และเฟรมเรท
  • สเปคแรงแบบไม่ต้องสืบ
  • มี Desktop Mode ใช้งานคล้าย ๆ PC ได้ทั้งเสียบสาย / ไร้สาย
  • ลำโพงคู่เสียงดี
  • กันน้ำกันฝุ่น IP68
  • มี IR Blaster ใช้เป็นรีโมทได้
  • ราคานี้แต่ได้ความจุ 512GB
  • อัปเดตซอฟท์แวร์ยาว ๆ

ข้อสังเกต

  • โมดูลกล้องขนาดใหญ่ไปหน่อย เวลาใช้งานแนวนอน จะดูหนังหรือเล่นเกม นิ้วต้องไปโดนเลนส์กล้องเป็นคราบแน่นอน
  • UI กล้องบางส่วนยังดูใช้ยาก
  • กล้อง Telephoto เลนส์ Periscope ทั้งที แต่ซูมออปติคัลแค่ 3.5x
  • กล้อง Ultrawide ไม่รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K
  • ซูม 100x ยังสู้คู่แข่งอย่าง Galaxy S23 Ultra ไม่ได้
  • ลำโพงเสียงดี แต่เสียงยังไม่ดัง
  • Desktop Mode ยังทำ UI ได้ไม่ดี แถมไม่รู้ทำไมใช้ Chrome ไม่ได้
  • ระบบชาร์จไวไม่บ้าพลังเหมือนมือถือจีนค่ายอื่น (แต่ 66W ก็เหลือ ๆ แล้วมั้ง)

บอกเลยว่า HONOR Magic5 Pro เป็นมือถือเรือธงระดับพรีเมี่ยมที่ทำการบ้านมาดีมากกก…ด้วยราคาค่าตัวที่ไม่โหดเกินไปนัก (29,990 บาท) แต่จัดสเปค+ฟีเจอร์มาให้แบบไม่เกรงใจมือถือเรือธงราคา 40,000+ บาทของค่ายอื่นเลย เรียกว่าเป็นเรือธงครบเครื่องจริง ๆ ทั้งกล้องสวย, จอระดับเทพ, สเปคแรงหายห่วง, แบตเตอรี่อึด, ชาร์จไวทั้งมีสายไร้สาย (แถมหัวชาร์จด้วย), มี Desktop Mode, กันน้ำ IP68 แถมยังได้ความจุ 512GB อีกต่างหาก…ไม่ต้องพูดเยอะเลย ใครอยากเปลี่ยนมือถือใหม่แล้วงบพอ แนะนำรุ่นนี้ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจครับ!