ปีที่แล้วมี P9 มาสร้างชื่อให้เกิดความเปรี้ยงปร้างกับแบรนด์ของ Huawei มาปีนี้การสานต่อโปรเจคความร่วมมือกันพัฒนากล้องมือถือกับ LEICA ส่งผลให้เกิดเป็น Huawei P10 ขึ้นมา การอัพเกรดมือถือตระกูล P ที่มีจุดเด่นในเรื่องของดีไซน์และกล้องถ่ายภาพรุ่นนี้จะทำได้ดีขึ้นมากน้อยแค่ไหนจากรุ่นสู่รุ่น และมันคุ้มค่ากับการรอคอยของแฟนๆ Huawei มากน้อยแค่ไหน เรามาร่วมพิสูจน์ไปพร้อมๆ กันในรีวิว Huawei P10 มือถือกล้องคู่รุ่นล่าสุดไปพร้อมๆ กันครับ

แกะกล่องเช็คของ

กล่องของ Huawei P10 นั้นมีอะไรให้บ้าง? ชี้แจงก่อนว่านี่เป็นกล่องเครื่องทดสอบ อุปกรณ์อาจจะไม่ครบเท่ากับชุดขายจริงหรืออาจจะแตกต่างไปจากนี้เลยก็ได้ โดยตัวเครื่อง P10 ที่เราได้มาทำการรีวิวนั้นเป็นเครื่องสีฟ้า ซึ่งเป็นสีพิเศษที่ร่วมมือกับ Pantone ครับ

ส่วนอุปกรณ์อื่นๆ ที่มีในกล่องก็จัดว่าครบ ทั้งเคสพลาสติก ชุดหูฟัง small talk ส่วนหม้อแปลงนั้นรองรับ SuperCharge และสาย USB Type C

สังเกตุดีๆ จะเห็นว่าสาย USB Type C ที่แถมมานั้นมีแถบสีม่วงมาด้วย ซึ่งตอนแรกก็นึกว่าไม่มีอะไรพิเศษ น่าจะแค่ทำสีมาเฉยๆ

แต่หลังจากที่ลองเอาไปใช้งานแล้วพบว่าตัวสายน่าจะมีการปรับแต่งให้ทำงานร่วมกับมือถือและระบบ SuperCharge ของ Huawei เท่านั้น ซึ่งตรงนี้หม้อแปลงจะจ่ายไฟแตกต่างจากระบบอื่นๆ มี 5V 2A / 5V 5A และ 5V 4.5 A

นอกจากนั้นเคยแกะสายออกมาชาร์จกับเครื่องอื่นที่เป็น USB Type C แล้วแอบแปลกใจว่าทำไมชาร์จตั้งนานไฟไม่เข้าซะที พอสังเกตุดีๆ ถึงเห็นว่าชาร์จไม่เข้าเลย ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะตัวสายมีการดัดแปลงมาหรือเปล่า

สเปค Huawei P10

  • OS Android 7.0 (Nougat) with EMUI 5.1
  • หน้าจอ IPS Neo LCD 5.1 นิ้ว Full HD 1080 x 1920 พิกเซล Gorilla Glass 5
  • CPU HiSilicon Kirin 960
  • หน่วยความจำ RAM 4GB
    ROM 32 / 64 GB
  • กล้องหลัง 20 MP (mono) + 12 MP (RGB) dual-sensor, f/2.2 Leica Certified SUMMARIT
  • กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล, f/1.9, Leica Certified
  • SIM 2 ซิม (Nano-SIM) dual-standby รอรับสายได้พร้อมกัน (แชร์ช่องกับ microSD) รองรับเครือข่าย 3G ในซิมรอง
  • LTE รองรับ LTE (Quad-Antennas 4×4 MIMO มีเฉพาะรุ่น P10 Plus)
  • การเชื่อมต่อ USB-Type C
  • GPS HiGeo Navigation Technology, GPS + GLONASS + Beidou
  • แบตเตอรี 3,200 mAh ถอดแบตไม่ได้ + Huawei SuperCharge
  • สแกนลายนิ้วมือด้านหน้า
  • ราคาเปิดตัว 17,900 บาท

ดีไซน์ตัวเครื่อง

ขนาดตัวเครื่องของ Huawei P10 และ Huawei P9 นั้นถือว่าใกล้เคียงกันครับ แต่ถ้าลงรายละเอียดจริงๆ Huawei P10 นั้นจะมีขนาดความกว้างน้อยกว่านิดหน่อย อาจจะเป็นเพราะหน้าจอขนาด 5.1 นิ้ว แต่มีความหนามากขึ้น เพราะแบตเตอรี่ที่มีความจุเพิ่มเป็น 3200 mAh

รายละเอียดงานดีไซน์ด้านนอกของตัวเครื่องนั้น P10 มีความโค้งมนมากกว่าตอน P9 แต่ตำแหน่งของปุ่มและพอร์ทต่างๆ นั้นยังเรียงอยู่ที่เดิม ด้านขวาของตัวเครื่องมีปุ่มทั้งหมดอยู่ ซึ่งใช้ลวดลายบนปุ่มเป็นตัวแบ่งแยกปุ่ม Power และปุ่มปรับเสียง ส่วนด้านล่างจากซ้ายไปขวาก็เป็นหูฟัง 3.5 > ไมโครโฟน > ช่อง USB Type C และลำโพง

ส่วนหน้าจอ 5.1 นิ้วความละเอียด Full HD ของ P10 นี่พอเราลอกฟิล์มที่แปะออกมาแล้วเหมือนกระจกหน้าจอ Gorilla Glass 5 ไม่ได้เคลือบสารกันรอยนิ้วมือหรืออะไรมาเลย แตะนิดเดียวเปื้อนไปหมด แนะนำให้หาฟิล์มกันรอยมาแปะด้วย

17548711_10158488859805066_1155557386_o

[พื้นที่โฆษณา]ทางโฟกัสเค้าฝากมาบอกว่ามีฟิล์ม TPU รุ่น Focus Curved Fit TPU Perfect Edge ฟิล์มลงโค้งแบบใส สำหรับหรับ Huawei P10 และ P10 Plus พร้อมวางจำหน่ายเรียบร้อย สามารถหาซื้อได้เลย ตัวฟิล์มติดลงไปได้เต็มจอ ลงขอบกันรอยทุกมุมโค้งเลย

เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือถูกย้ายมาไว้ด้านหน้า สามารถแตะเพื่อเปิดหน้าจอได้ โดยการตั้งค่าหลักของตัวสแกนนิ้่วนั้นใช้เพื่อความปลอดภัยและการเปิดหน้าจอเท่านั้น การควบคุมอื่นๆ ต้องไปใช้ on screen navigation แทน

แต่ถ้าหากอยากได้พื้นที่หน้าจอแบบเต็มๆ ก็สามารถเลือกเปิด on screen navigation ได้ แล้วก็ใช้ปุ่มสแกนนิ้วในการควบคุมแทน แปะเพื่อย้อนกลับแบบปุ่ม back แตะค้างแทนปุ่มโฮม ซึ่งใน P10 จะไม่มีไฟที่ด้านข้างๆ ของปุ่มโฮมเหมือนกับ Mate 9 Pro นะครับ ต้องใช้ปุ่มเดียวไปเลย

เฟรมตัวเครื่องนั้นขึ้นรูปด้วยโลหะขัดจนได้ผิวที่เรียบเนียนประกบกับกระจก Gorilla Glass 5 ด้านหน้า ซึ่งผิวโลหะของแต่ละสีก็จะมี finishing หรือการเก็บงานที่แตกต่างกันไป ทั้งการขัดผิวลงสีด้านสไตล์ Sandblast, เคลือบเงาทั้งชิ้น, หรือเสริมลวดลาย Diamond cut ที่ฝาหลัง ซึ่งใครอยากได้สัมผัสแบบเนื้อโลหะเต็มๆ ตอนถือใช้งานแนะนำให้เลือกสีที่เป็น Sandblast ครับ ส่วนสีที่เราได้มาทดสอบนั้นก็คือสีน้ำเงิน Dazzling ฺBlue ที่มีการทำลาย Diamond cut บวกกับการเคลือบเงาที่ขอบด้านข้าง

บริเวณลำโพงสนทนาด้านหน้าของ Huawei P10 นั้นมาพร้อมกล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซลซึ่งรอบนี้ได้ทาง LEICA มารับรองมาตรฐานเลนส์กล้องหน้าให้ด้วย ถัดไปข้างๆ กันคือช่องเซนเซอร์ต่างๆ เช่นวัดแสงและวัดระยะ (Proximity)

ส่วนบริเวณกล้องหลัง Huawei P10 นั้นยังคงใช้ดีไซน์จากตอน P9 คือเป็นกระจกทั้งแผ่น ตัวเลนส์กล้องเรียบไปกับฝาหลังไม่นูน เซนเซอร์คู่นั้นเป็นแบบเดียวกับ Mate 9 ด้วยการใช้เซนเซอร์ขาวดำ 20 ล้านพิกเซลมาทำงานร่วมกับเซนเซอร์สี 12 ล้านพิกเซล เลนส์ผ่านการรับรองจาก LEICA SUMMARIT-H มีค่า f/2.2 และทางยาวโฟกัส 27 มม.

 

EMUI 5.1 และการใช้งาน

Android ของ Huawei นั้นมาพร้อม EMUI ที่ตอนนี้พัฒนามาจนถึงเวอร์ชั่น 5.1 แล้ว ซึ่งตั้งแต่เวอร์ชั่น 5 เป้นต้นมาก็มีการยกเครื่องครั้งใหญ่ปรับลดความซับซ้อนและเพื่อให้ใช้งานได้ง่ายและดูสะอาดสะอ้านตามากขึ้น

นอกจากนั้นยังมีการปรับปรุงประสิทธิภาพในการทำงานและเสริมระบบ AI เข้ามาเพื่อศึกษารูปแบบการใช้งานของเราและปรับจูนโดยอัตโนมัติ เพื่อช่วยให้มือถือของ Huawei ยังสามารถทำงานได้เร็วแม้จะผ่านไปนานหลายเดือน

 

รูปแบบหน้า Home นั้นสามารถเลือกปรับใช้งานได้ 2 แบบ คือรูปแบบปกติของ EMUI ที่เป็นหน้า Home และรายการแอพทั้งหมดที่ติดตั้ง หรือจะเลือกเปลี่ยนไปใช้รูปแบบปกติของ Android ที่มี App drawer ก็ได้ นอกจากนั้นยังสามารถปรับแต่งเพิ่มเติมได้ด้วย Theme ที่มีมาให้โหลดอีกมากมาย สามารถเลือกเซ็ทไอคอนจากอีกธีมมาใช้สลับไปมากับวอลเปเปอร์ได้

ส่วนขนาดของตัวหนังสือจะเล็กหรือใหญ่ก็สามารถเข้าไปปรับตั้งค่าได้ นอกจากนั้นยังมี Eye comfort mode หรือโหมดตัดแสงสีฟ้าเพื่อช่วยให้สามารถใช้งานเป็น E-book สำหรับอ่านนานๆ ได้สบายตามากขึ้น โดยหน้าจะเป็นสีเหลืองนวลๆ โดยเราสามารถปรับระดับความเข้มได้

แถบแจ้งเตือนด้านบนนั้นเมื่อลากลงมาก็จะพบกับ toggle switch ต่างๆ อัดกันอยู่เพียบ ซึ่งถ้าเยอะไปเราก็สามารถย้ายออกไปเก็บหรือว่าจัดเรียงตำแหน่งใหม่ได้ ส่วนการแจ้งเตือนต่างๆ นั้นจะอยู่ด้านล่างของส่วนนี้อีกที

Layout มาตรฐานของ P10 นั้นแบ่งตารางเป็นสัดส่วนอยู่ที่ 4×5 ซึ่งถ้าต้องการจะเปลี่ยนก็เข้าไปปรับได้ที่ setting ของ launcher ซึ่งในนี้ยังสามารถตั้งค่าการแสดงผลข้อความใหม่ที่ยังไม่ได้อ่านของแอพต่างๆ เป็น badge ว่าจะเลือกเปิดหรือปิดในแอพต่างๆ

 

ใน Huawei P10 ยังมีแอพ Phone Manager ที่ช่วยในการตรวจสอบระบบและกำหนดการทำงานเพิ่มเติม ซึ่งแยกเป็นหมวดหมู่ตามนี้

Cleanup ลบ cached หรือข้อมูลเก่าๆ ที่ยังคงค้างในแอพต่างๆ รวมทั้งล้างหน่วยความจำ

Mobil data ช่วยตรวจสอบการใข้งานข้อมูลหรืออินเตอร์เน็ตว่าหมดไปกับอะไรบ้าง แอพไหนใช้เน็ตเยอะ รวมถึงสามารถกำหนดการทำงานและเชื่อมต่อกับ server ของแต่ละแอพได้ด้วย

Block list สามารถกำหนดเบอร์ที่เราต้องการบล็อคหรือทำ black list ได้ โดยสามารถแยกการตั้งค่าของแต่ละซิมได้ หรือจะรวมกันไปเลยก็ได้

ฺBattery เป็นส่วนที่ใช้ตรวจสอบสถานะแบตเตอรี่ รวมถึงดูว่ามีแอพไหนใช้พลังงานเยอะเป็นพิเศษ รวมถึงสามารถกำหนดได้ว่าให้ปิดแอพไหนทันทีหากมีการปิดหน้าจอ นอกจากนั้นก็ยังมีโหมดประหยัดพลังงานแบบปกติ และโหมด Ultra Power Saving ซึ่งสามารถเลือกใช้งานแอพได้สูงสุด 6 แอพ จะเลือกแอพไหนก็ได้

Virus scan ตรวจสอบค้นหาไวรัสในเครื่อง แอพไหนดูแปลกๆ มีการเชื่อมต่อกับ server ไม่ปกติก็จะมีการแจ้งเตือนมาทางนี้

Permission เช็คการขออนุญาตใช้ฟีเจอร์ต่างๆ ในตัวเครื่องของแต่ละแอพ แอพไหนมาขอใช้กล้องถ่ายภาพ การระบุตำแหน่ง รวมถึงส่วนอื่นๆ สามารเลือกเปิดปิดได้ ซึ่งยบางแอพอาจจะขอเกินจำเป็น แต่บางแอพถ้าไปปิดมั่วๆ ก็อาจจะทำให้ใช้งานแอพไม่ได้

App lock ตั้งรหัสผ่านในการเปิดแอพต่างๆ แต่มีข้อควรระวังคือแอพที่ใส่รหัสผ่านแล้วจะไม่ทำการล็อคอีกครั้งกว่าจะกดปุ่มล็อคหน้าจอ

 

ฟีเจอร์ต่างๆ ของ Huawei P1o

Smart Assistance ถูกใส่เข้ามาเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานซึ่งช่วยได้เยอะจริงๆ มีหลายๆ อย่างที่ใช้แล้วติด บางอันอยากให้เครื่องอื่นๆ มีด้วย เพราะสะดวกจริงๆ

Floating dock ปุ่มโฮมลอยกลมๆ แบบ iPhone อันนี้ผมไม่ชอบและไม่เคยเปิดใช้เลย แต่ถ้าใครถนัดก็ตามสะดวก

 

Motion control ใช้เซนเซอร์ตรวจจับการเคลือนไหวของเครือง ไม่ว่าจะเป็นการพลิกเครื่องให้คว่ำลงเพื่อหยุดเสียงเรียกเข้า ยกขึ้นมาที่หูเพื่อรับสายโดยไม่ต้องสไลด์หน้าจอ

Knuckle gestures ส่วนนี้แหละเป็นฟีเจอร์ที่ติดมากๆ คือการใช้ข้อนิ้วในการสั่งงาน ไม่ว่าจะเป็นการจับภาพหน้าจอหลากหลายรูปแบบด้วยการใช้ข้อนิ้วเคาะหรืออัดวิดีโอหน้าจอ ซึ่งรูปแบบการสังงานก็มีทั้งการเคาะเพื่อจับภาพหน้าจอ / ลากข้อนิ้วเพื่อจับภาพหน้าจอแบบตัดปะ / เคาะพร้อมกัน 2 นิ้วเพื่อบันทึกวิดีโอหน้าจอ

 

App Twin เป็นฟีเจอร์ที่ใช้สำหรับโคลนแอพหรือสร้างแอพเพิ่มขึ้นมาอีกอันหนึ่งเพื่อใช้งานพร้อมกันในเครื่องเดียว ซึ่งเหมือนจะดี แต่ยังไม่ค่อยดี เพราะจนถึงตอนนี้มันยังสามารถจะโคลนแอพได้แค่ 2 แอพเท่านั้นคือ Whatsapp และ Facebook

PricvateSpace ฟีเจอร์สร้างโปรไฟล์ส่วนตัวที่ทำให้คุณสามารถใช้งานมือถือเครื่องเดียวให้เหมือนเป็นมือถือ 2 เครื่องได้ มีการทำงานแยกจากโปรไฟล์หลักโดยสิ้นเชิง โดยเราสามารถทำการ sign in และลงแอพได้เองทั้งหมดเหมือนเป็นมือถือใหม่อีกเครื่องนึงเลย วิธีการสลับโปรไฟล์ก็ง่ายมาก แค่ใช่นิ้วปลดล็อคที่แตกต่างกัน หรือใช้คนละรหัสผ่านก็สลับเข้าโปรไฟล์ทั่วไปกับโปรไฟล์ส่วนตัวได้ทันที โดยสามารถเปิดใช้งานได้ใน Advanced settings > Users

 

ประสิทธิภาพของ Huawei P10

ความแรงของชิปไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไปตั้งแต่การมาของ Kirin 960 ที่เริ่มลงตัวทั้งในส่วนของ CPU และ GPU จนสามารถทำคะแนนได้เทียบเคียงกับ Snapdragon 820 / 821 ที่ระดับ 140,00 คะแนนจาก Antutu

 

ส่วนการเรนเดอร์ภาพในเกมที่เคยมีปัญหาเมื่อตอน Kirin 960 ออกมากับ Mate 9 ใหม่ๆ ตอนนี้ก็แก้ปัญหาไปหมดแล้วและ Huawei P10 ก็ไม่พบปัญหาเรื่องนี้ตั้งแต่ตอนได้เครื่องมาทดสอบครับ

 

ระบบ GPS และการนำทาง

ถามกันเข้ามาเยอะมากเกี่ยวกับการใช้งาน GPS ของ Huawei P10 จากตอนที่ได้ทดลองเปรียบเทียบกับ P9 ตอนนี้ไปทดสอบมาให้แล้วครับว่าระบบ GPS นั้นดึดว่าตอน P9 เยอะ เรียกว่าตอน Mate 9 ก็ได้เห็นความแม่นยำที่เป็นการพัฒนาขึ้นมาแล้วรอบนึงซึ่ง P10 ก็มีความเร็วในการจับสัญญาณใกล้เคียงกัน สามารถนำทางในรถได้ไม่เจอปัญหาอะไรนะครับ

ซึ่งรถผมก็คันเดิมฟิล์มบางๆ ที่ใช้วิ่งทดสอบกล้องติดหน้ารถนั่นแหละ ซึ่งอันนี้ก็ไม่แน่ใจว่าถ้าไปเจอฟิล์มปรอทอาจจะมีการ block สัญญาณ ความแม่นยำจะลดลงไปหรือเปล่าอันนี้ผมเองก็ตอบไม่ได้ แต่จากที่ทดลองเองมันโอเคเลย

 

อายุแบตเตอรี่

ผ่านมือมาครบจาก P9 ที่พอค่ำๆ เริ่มเจอขีดแดง มาถึง Mate 9 ที่วันนึงไม่ใช่ปัญหา จนถึง Huawei P10 ที่แบตความจุ 3200 มิลลิแอมป์ ซึ่งก็หวังว่ามันจะทำได้ดีกว่า P9 และจากที่ทดสอบมาก็ถือว่าดีขึ้นครับ สามารถใช้งานแบบปกติ คุยบ้าง เน็ตเรื่อยๆ เล่นโซเชียลไปตามปกติ ตกหัวค่ำมาแบตยังไม่แดง และจากที่ลองใช้งานมาหลายวันก็ยังไม่เจอวันไหนที่แบตหมดก่อนถึงบ้าน ส่วนหน้าจอหรือ screen on time นั้นได้ราวๆ 4+ ชั่วโมง

 

ส่วนการชาร์จแบตนั้น บอกเลยว่า SuperCharge อัดแบตได้ไวสุดๆ แถมเครื่องไม่ร้อนระหว่างชาร์จด้วย เรียกว่าเสียบไปครึ่งชั่วโมงได้แบตเกิน 50% แต่ต้องใช้กับหม้อแปลงและสายในกล่องนะครับ และมันคนละระบบกับ QuickCharge หรือระบบชาร์จเร็วอื่นๆ ไม่สามารถใช้ร่วมกันได้

 

กล้องถ่ายภาพ

ไฮไลท์ของ Huawei P10 แน่นอนว่าคือเรื่องของกล้องถ่ายภาพซึ่งน่าจะได้เห็นกันไปแล้วทั้งการเปรียบเทียบกับ P9 และ เปรียบเทียบกับ Mate 9 ซึ่งถ้าใครได้ดูก็จะเห็นว่ากล้องของ P10 นั้นสว่างและสีสันดีกว่าของ P9 อย่างเห็นได้ชัดคือเปลี่ยนได้เปลี่ยนเถอะ แต่ตอนที่เทียบกับ Mate 9 นั้นจะมีความแตกต่างในเรื่องของความสว่างและสีสันนิดหน่อย เรียกวาสูสีคู่คี่ บางคนชอบสีที่สดของ P10 แต่บางคนชอบภาพ Mate 9 ที่สว่างและดูธรรมชาติกว่า

ก็ขอมีรีวิวเพิ่มเติมในบางส่วน นั่นก็คือเรื่องของ Portrait Style ที่มาพร้อมกับโหมดหน้าชัดหลังเบลอแบบเน้นภาพ Portrait โดยเฉพาะ ซึ่งก็ต้องบอกว่าในส่วนของกล้องหลังนั้นทำได้ดีและค่อนข้างเป๊ะ ละลายหลังได้ ตัดขอบได้แม่นยำในระดับนึงจากการวัดความลึกด้วยกล้องคู่

แต่พอมาเป็นกล้องหน้านี่ ยังค่อนข้างจะมีปัญหาในการตัดขอบและดึงเอาตัวเราให้ละลายจากฉากหลัง หลายๆ ครั้งที่ลองคือผมมักจะโดนจับไปละลายจนกลายเป็นสายไหมฟูๆ ฟุ้งๆ เบลอๆ ไปด้วย อาจจะต้องมีการแก้ไขในเรื่องของ software เพิ่มเติม

  

อันนี้รวมถึงการตรวจจับหน้าคนในภาพ แลัวทำการปรับเฟรมหรือกรอบภาพให้เหมาะกับการเซลฟี่ด้วย เท่าที่ลองในหลายๆ ครั้งมันก็ปรับให้ แต่เราไม่รู้ว่ามันจะปรับให้ตอนไหนเมื่อไหร่

ตัวอย่างภาพถ่าย Huawei P10 (คลิกดูภาพใหญ่ได้)

 

บทสรุป

Huawei P10 ถือเป็นการยกเครื่อง P9 ที่เคยโด่งดังให้มีความสมบูรณ์และประสิทธิภาพที่สูงขึ้น เรียกว่าลงตัวกับสเปคระดับเรือธงของ Mate 9 ในขนาดที่พกพาสะดวกมากขึ้นนั่นเอง เรื่องของวัสดุและงานประกอบนั้นยังคงคุณภาพของตระกูล P series ทั้งโลหะที่ให้ความรู้สึกดีตอนใช้งาน จับเข้ามือ ถือสะดวก ความลื่นไหลในการใช้งานที่ลื่นไหลขึ้นกว่า P9 หน้าจอสีสันสวยงามกว่า และกล้องที่พัฒนาได้ภาพที่สวยและคมชัดขึ้นกว่าเดิม

ข้อดี

  • วัสดุตัวเครื่องและงานประกอบดี
  • ขนาดและน้ำหนักกำลังเหมาะ สำหรับคนที่มองหามือถือเครื่องไม่ใหญ่มาก
  • กล้องคู่หลังดีขึ้น ภาพชัด สีสด ไม่สั่นง่าย
  • เสน่ห์ของภาพ Monochrome
  • Knuckle Gesture ใช้แล้วติดใจ
  • PrivateSpace เหมือนมีมือถือ 2 เครื่องในเครื่องเดียว

ข้อที่ควรปรับปรุง

  • ระบบ Portrait Style ของกล้องหน้ายังไม่สมบูรณฺ์
  • การถ่ายภาพโหมด Auto ในเวลากลางคืนน่าจะทำได้ดีกว่านี้
  • หน้าจอภายใต้ฟิล์มที่แปะมานั้นเหมือนไม่มีการเคลือบสาร เป็นรอยนิ้วมือง่ายมาก

Huawei P10 กับราคา 17,900 บาท นั้นนับว่าเป็นรุ่นที่น่าสนใจสุดๆ ในช่วงนี้ ราคาถือว่ากำลังน่าคบหา เทียบกับ P9 ราคาใหม่นั้นผมบอกได้เลยว่าเพิ่มเงินเอา P10 ดีกว่า แต่ถ้าใครใช้ Mate 9 อยู่แล้วบอกตามตรงว่ายังไม่ต้องเปลี่ยนก็ได้ครับ