หลังจากปล่อยสมาร์ทโฟนรุ่นพี่ในตระกูล VIBE อย่าง Lenovo VIBE Shot ออกมาเอาใจคนรักการถ่ายภาพด้วยฟีเจอร์กล้องหลังไปแบบจัดเต็มไปแล้ว ก็ถึงคราวปล่อยรุ่นน้อง Lenovo VIBE S1 ออกมาทำผลงานเอาใจขาเซลฟี่ด้วยฟีเจอร์สุดล้ำที่ยังไม่มีค่ายไหนให้มาอย่างกล้องหน้าคู่ (Dual Camera) ในราคากลางๆ 10,990 บาท มาดูกันดีกว่าว่าเจ้า Lenovo VIBE S1 มีอะไรน่าสนใจอีกบ้าง 😀

สเปค Lenovo VIBE S1

  • Android OS 5.0 (Lollipop) + VIBE UI
  • หน้าจอ IPS ขนาด 5 นิ้ว ความละเอียด Full HD 1920 x 1080 พิกเซล (~441 ppi)
  • CPU : Mediatek MT6752 Octa-core 1.7 GHz Cortex-A53
  • GPU : Mali-T760MP2
  • RAM 3GB
  • หน่วยความจำภายใน 32GB + รองรับ microSD 128 GB
  • กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล + ระบบโฟกัส PDAF (Phase Detection Auto Focus) + Dual-color LED Flash + BSI Sensor
  • กล้องหน้า Dual Camera 8 ล้านพิกเซล + 2 ล้านพิกเซล
  • แบตเตอรี่ Li-Po 2,500 mAh
  • 2 ซิม (nano-SIM)
  • รองรับ 2G, 3G, 4G ทุกเครือข่าย
  • การเชื่อมต่อ : Wi-Fi 802.11 a/b/g/n, dual-band, WiFi Direct, hotspot, Bluetooth 4.0, A2DP, microUSB 2.0
  • เซนเซอร์ : Acceleration, Gyroscope, Light sensor, Proximity
  • GPS : GPS, A-GPS
  • สัดส่วน : 143.3 x 70.8 x 7.8 มม., 132 กรัม
  • สี: สีขาวไข่มุก, สีน้ำเงินเข้ม, สีทองแชมเปญ

 

วัสดุและการออกแบบ

ตัวเครื่องของ Lenovo VIBE S1 เน้นการออกแบบเรียบง่าย ดูพรีเมี่ยมด้วยวัสดุโลหะและกระจก Corning Gorilla Glass 3 ติดทั้งด้านหน้า ส่วนฝาหลังเป็นกระจกโค้งรับกับฝ่ามือ ขนาดกำลังพอดี แม้ว่าดูสวยแพง พรีเมี่ยม แต่ทว่าติดรอยนิ้วมือและฝุ่นเกาะง่ายมาก มีทางเลือกก็คือใส่เคสใสที่ให้มาในกล่องค่ะ นอกจากจะช่วยไม่ให้เครื่องมีรอยนิ้วมือและฝุ่นเม็ดเล็กติดเต็มไปหมดแล้วยังทำให้จับถนัดและเต็มมือขึ้นด้วย 

ด้านข้างประกอบด้วยปุ่มเพิ่ม – ลดเสียง และปุ่ม Power วัสดุเป็นโลหะโค้งมน รอยต่อกับจอเนียน ไม่คมบาดมือ รวมถึงขนาดขอบบาง 7.8 มม. กำลังพอดี สะดวกต่อการจับถือ

อีกด้านเป็นช่องใส่ซิม โดยรองรับ 2 ซิม (nanoSIM) แบบ Hybrid คือการแชร์ช่อง microSD ซึ่งรองรับสูงสุด 128 GB ร่วมกับช่องซิม 2

ด้านหน้าตัวเครื่องส่วนบนประกอบด้วยเซนเซอร์ + ลำโพง Earpiece + กล้องหน้า Dual Camera 8 MP และ 2MP  

ด้านล่างมีปุ่ม Recent App + ปุ่ม Home และปุ่ม Back 

ด้านบนมีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. และช่อง microphone ตัดเสียงรบกวน

 

ลำโพง

ด้านท้ายตัวเครื่องประกอบด้วยลำโพง ช่อง mic และ ช่อง microUSB 2.0

คุณภาพเสียงลำโพงของ Lenovo VIBE S1 นั้นถือว่าพึงพอใจใช้ได้สำหรับมือรุ่นกลางๆ แต่ที่ชอบคือเสียงดังสะใจมาก เปิดแค่ประมาณ 60-70 % ก็ค่อนข้างดังแล้ว ส่วนเสียงเวลารับสายโทรศัพท์ก็ถือว่าดังในระดับปกติทั่วไป เปิดความดังระดับ 60-70 % คุยได้ยินชัดเจนดีค่ะ

 

หน้าจอ

สำหรับหน้าจอของ Lenovo VIBE S1 เป็น IPS ขนาด 5 นิ้ว มาพร้อมกับความละเอียด Full HD 1920 x 1080 พิกเซลความคมชัดอยู่ในระดับค่อนข้างพอใช้ได้ และสีจะติดอมฟ้านิดหน่อย

ระหว่างถ่ายภาพเครื่องตอนปิดหน้าจอ โฟกัสค่อนข้างยากเนื่องจากกระจกสะท้อน

ในส่วนการใช้งาน Lenovo VIBE S1 เนื่องจากตัวเครื่องเป็นกระจกมันแว๊บซึ่งทำให้ติดรอยนิ้วมือและฝุ่นง่ายแล้ว นอกจากนี้ก็ส่งผลกับเรื่องการสะท้อน ซึ่งทำให้เวลาใช้งานกลางแจ้งนั้นต้องดันความสว่างขึ้นสูงจนเกือบสุด แต่ก็ยังมิวายสะท้อนหน่อยๆ อยู่ดี

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหากใครคิดว่าจอติดฟ้าหรือความสว่างของเจ้า Lenovo VIBE S1 นั้นไม่เพียงพอก็สามารถเข้ามาปรับเพิ่มเติมได้ที่ Setting -> Display -> Display Color Balance เลือก Custom ซึ่งจะสามารถปรับ Tone และ Saturation ได้ค่ะ และตอนลอง Super Bright Mode แล้วคือสว่างขึ้นจากโหมดปกติที่ใช้ (Dafault Mode) ไม่มากเท่าไหร่ ส่วนตัวโอเคกับโหมดปกติเลยไม่ได้ปรับอะไรเพิ่มค่ะ 

 

ระบบปฏิบัติการ Android OS 5.0 (Lollipop) + VIBE UI

Lenovo VIBE S1 นั้นใช้ระบบปฏิบัติการ Android 5.0 (Lollipop) ครอบด้วย VIBE UI ซึ่งเป็น Custom UI ของ Lenovo เอง โดยเรื่องของการใช้งาน การออกแบบ และ Effect เวลาเปิด – ปิดแอปพลิเคชั่นก็ไม่ได้มีอะไรหวือหวาเน้นความเรียบง่าย และในส่วนของเมนูการปรับแต่งหน้าตาของ VIBE UI และ Widget ต่างๆ ก็ยังใช้รูปแบบเดิม 

 

ประสิทธิภาพการใช้งาน

ผลการทดสอบ Benchmark จาก Antutu และ Geekbench 3

 

ผลการทดสอบ 3D Mark

หน่วยประมวลผลของ Lenovo VIBE S1 ใช้ Mediatek MT6752 Octa-core 1.7 GHz Cortex-A53 ซึ่งประสิทธิภาพการใช้งานก็ลื่นไหลใช้ได้ แต่มีแอบหน่วงและกระตุกบ้างเล็กน้อย ตอนเล่นเกม Minion Paradise ช่วงที่ตัวเกมเปิดเอฟเฟคเยอะ แล้วก็มีอาการค้างตอนจะกดรับสายเข้า 2 – 3 ครั้ง หนักสุดคือกดรับสายไม่ได้เลยครั้งนึง ส่วนเรื่องความร้อนก็มีบ้างเวลาเล่นหรือใช้กล้องนานๆ ส่วนการใช้งานอื่นๆ ทั่วไปอย่างดูวิดีโอ ฟังเพลง เล่น Facebook และ Twitter ก็ไม่พบอาการผิดปกติค่ะ 

 

การใช้งานในชีวิตประจำวัน

ความรู้สึกส่วนตัวหลังจากที่ได้ใช้งาน Lenovo VIBE S1 นั้นให้ความรู็สึกในการใช้งานทั่วๆ ไปไม่ค่อยต่างกับตอนที่ใช้ชีวิตกับ Lenovo VIBE Shot เท่าไหร่ อาจจะเพราะว่าช่วงเวลาที่ใช้ทั้ง 2 รุ่นนี้นั้นไม่ห่างกันมากนัก แม้ว่าตัวเลขและสเปคของทั้งสองรุ่นจะต่างกัน ยังไงเราลองมาดูฟีเจอร์การใช้งานทั่วๆ ไปของ Lenovo VIBE S1 กันก่อนดีกว่า ~ 

Knock to Light: เป็นฟีเจอร์ที่ชอบและรู้สึกสะดวกมาก เพียงแค่เคาะ 2 ทีหน้าจอก็ Active โดยไม่ต้องกดปุ่ม Power ประทับใจตรงที่ Lenovo VIBE S1 ปลุกง่ายกว่าสมาร์ทโฟนรุ่นพี่ที่ปลุกไม่ค่อนตื่น นี่เลยใช้จนชินเผลอไปเคาะกับรุ่นที่ไม่มีด้วย  

 

Smart Scene: เป็นฟีเจอร์ช่วยให้เราสามารถเซ็ตค่าการแจ้งเตือนต่างๆ ให้เป็นไปตามช่วงเวลาของชีวิตประจำวันอย่างอัตโนมัติ เช่น Sleep ตั้งค่าไว้ให้งดการแจ้งเตือนโดยการสวิทช์ให้เป็น Airplane Mode ตอน 4 ทุ่ม – 6 โมงเช้า เมื่อถึงเวลาปุ๊บเครื่องก็ปรับเป็น Sleep Mode ช่วยเราพักผ่อนได้โดยที่ไม่ต้องมีเสียงโทรศัพท์รบกวนค่ะ 

Wide Touch: ปุ่มทางลัดเข้าถึงแอปพลิเคชั่นต่างๆ บนหน้าจอที่รวมฟีเจอร์ที่ใช้บ่อยๆ ไว้ ซึ่งเราสามารถตั้งค่าและจัดวางแอปหรือฟีเจอร์ ปรับขนาด และความเข้มจางของปุ่มได้ นอกจากนี้ยังสามารถใช้แทนปุ่ม Home ได้ เมื่อกด 2 ครั้ง หรือกด 1 ครั้งเพื่อเปิด Touch Panel และกดค้างเพื่อซ่อนปุ่ม หรือเรียกกลับมาได้โดยกดที่แถบแจ้งเตือน Notifiction ค่ะ ซึ่งลองใช้ของ Lenovo VIBE S1 แล้วมีความรู้สึกว่าไม่ค่อยหน่วงเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ค่อยได้ใช้อยู่ดี ._.^

ภาพจากการถ่าย Quick Snap

Quick Snap: เป็นฟีเจอร์แอบถ่าย เอ้ย ฟีเจอร์ที่ช่วยให้สามารถถ่ายภาพได้อย่างรวดเร็วโดยการกดปุ่ม Volume up หรือ Down สองครั้งติดๆ กล้องก็จะทำการ Snap ภาพตรงหน้าเก็บไว้ให้เรียบร้อย แต่เนื่องจาก Lenovo VIBE S1 ไม่มี OIS ต้องมือนิ่งๆ และกะจังหวะดีๆ นิดนึงนะคะ ไม่อย่างนั้นภาพก็จะสั่นไหวหรือเบลอได้

เกม: สำหรับเกม 3D กราฟิกหนักไม่มากก็น่าจะพอสู้ไหวอยู่ แต่ภาพก็จะเป็นอย่างที่เห็นนี่แหละค่ะ เพื่อลดความกระตุกจึงต้องมีการปิดเอฟฟคบางอย่างไปบ้าง ซึ่งเกมที่นำมาทดลองกับ Lenovo VIBE S1 เครื่องนี้ก็คือ Minion Paradise ซึ่งมีกระตุกบ้างตอนช่วงแรกที่ตัวมินเนี่ยนเยอะๆ และก็ตอนเล่นมินิเกมในภาพข้างบน นอกนั้นก็ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ

วิดีโอ: สำหรับภาพของ Lenovo VIBE S1 อย่างที่บอกไปในตอนแรกว่าจอแอบอมฟ้านิดนึง ทำให้ภาพแต้วใน MV ซึ่งเป็นโทนอบอุ่นดูจืดและอมสีฟ้าหน่อยๆ ส่วนความคมชัดสำหรับจอ Full HD ขนาด 5 นิ้วถือว่าใช้ได้เลยค่ะ แต่แอบรู้สึกว่าภาพใน Lenovo VIBE Shot ดูสีสดและคมกว่านิดหน่อย

การใช้งานทั่วไป: ด้วยขนาดของหน้าจอที่กำลังดี และชอบที่ความสว่างของเครื่องนี้ไม่พุ่งมาก ทำให้เวลานั่งอ่านบทความในเว็บแล้วสบายตาดี แต่พอออกกลางแจ้งนี่หน้าจอสะท้อนหนักมาก ติดอยู่เรื่องเดียวจริงๆ ._.^ 

แบตเตอรี่: แม้ว่า Lenovo VIBE S1 จะให้ความจุแบตเตอรี่มา 2,500 mAh ซึ่งถือว่ากลางๆ ไม่เยอะมาก แต่ก็สามารถใช้งานทั่วๆ ไปได้เต็มวันค่ะ แต่อันนี้ก็ต้องแล้วไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนด้วยนะคะ ถ้าชอบเล่นเกมหนักๆ หรือว่าเน้นถ่ายรูปเยอะๆ ก็กินแบตฯ พอสมควรค่ะ 

 

กล้องหน้า

ในที่สุดก็มาถึงส่วนที่เป็นไฮไลท์ของ Lenovo VIBE S1 ซึ่งก็คือกล้องหน้าที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี Dual Camera ซึ่งความพิเศษคือเป็นรุ่นแรกที่นำเทคโนโลยีนี้มาใช้กับกล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และ 2 ล้านพิกเซล ทำให้ได้ภาพเซลฟี่ที่สามารถปรับระยะชัดลึก – ชัดตื้นได้ เพื่อให้เห็นภาพมาขึ้น เรามาดูตัวอย่างคร่าวๆ ของความสามารถในการปรับแต่ง และลูกเล่นต่างๆ กล้องหน้าคู่ของ Lenovo VIBE S1 กันค่ะ

เมื่อปรับเป็นกล้องหน้าแล้ว หากต้องการใช้งาน Dual Camera ต้องกดปุ่มวงแหวน 2 วงด้านบนก่อนนะคะ จากนั้นก็สามารถกดถ่ายได้เหมือนปกติเลยค่ะ แต่หากไม่ต้องการใช้ก็กดที่เดิมก็จะกลับมาสู่โหมด Single Camera ค่ะ

เมื่อถ่ายภาพด้วยกล้องหน้าคู่เสร็จแล้ว กดพรีวิวรูปถึงจะขึ้นเมนูหน้าตาแบบนี้ซึ่งให้เลือก 2 คำสั่ง ได้แก่ Blur กับ Cut out ถ้าเป็นการเซลฟี่โหมดปกติจะไม่มีขึ้นมาให้นะคะ 😀

Blur: เป็นฟีเจอร์ที่ปรับให้รูปของเรามีระยะชัดตื้น – ชัดลึก หรือ Depth of Field ซึ่งมีแยกย่อยไปอีก 3 ฟีเจอร์ ได้แก่

  • Simple คือ การเบลอแบบธรรมดาเห็นข้างหลังเป็นโบเก้ สามารถเลือกระยะได้ว่าจะให้หน้าเบลอ – หลังชัด หรือ หน้าชัด – หลังเบลอ 
  • Spiral คือ การเบลอแบบที่ฉากด้านหลังจะหมุนเป็นวงกลม ลูกเล่นนี้ถ้าเอาไปใช้ถ่ายเล่นกับพวกไฟสีๆ จะได้รูปที่เก๋ไก๋ไปอีกแบบค่ะ
  • Fast คือ การเบลอแบบฉากด้านหลังเป็นเส้นๆ เหมือนมีวัตถุเคลื่อนผ่านเราอย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกันลองเอาไปถ่ายเล่นกับไฟกลางคืนจะสวยเลย แต่รุ่นนี้ไม่มี OIS ถ่ายในที่แสงน้อยภาพจะไหวนิดนึงค่ะ

  

Cut out: อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่จะทำการตัดวัตถุด้านหน้า อย่างที่รู้กันคือเทคโนโลยี Dual Camera นั้นจะเป็นการถ่ายภาพด้วยกล้องทั้งสองตัวแล้วนำมาซ้อนทับกัน ดังนั้นระบบจึงสามารถแยกเลเยอร์และทำการ Dicut ภาพคนด้านหน้าออกมาให้เราได้ค่อนข้างเนียน และหากไม่พอใจก็สามารถเลือก Manual Cut นั่งตัดนั่งถูภาพส่วนที่ต้องการเองได้ หลังจากนั้นก็จะประมวลผลวัตถุที่เราเลือกตัดให้อยู่มาอยู่ในเฟรมที่ด้านหลังว่างเปล่า เพื่อที่เราจะนำภาพนี้ไปตัดต่อตกแต่งได้ตามเมนูด้านล่างค่ะ

ภาพตัวอย่างการตกแต่งด้วยลูกเล่น Style, Smart Swap และ Background

  • Stlye: จะมีรูปภาพ Background แบบต่างๆ ในเครื่องให้เราเลือกเอาภาพที่ผ่าน Dicut แล้วไปใส่เล่นได้ค่ะ
  • Smart Swap: ฟีเจอร์นี้จะเป็นการนำภาพที่เรา Dicut แล้วไปตัดต่อกับภาพเพื่อนที่ถ่ายด้วยกล้อง Dual Camera เหมือนกันค่ะ
  • Background: ส่วนฟีเจอร์นี้จะเป็นคล้ายกับอันแรกคือการนำภาพที่ผ่านการ Dicut ของเราไปตัดต่อรวมกับภาพฉากหลังต่างที่มีให้ในเครื่อง เชน ฉากสถานที่ท่องเที่ยว (Scenery), ปก Magazine, รูปสัตว์ (Animal) และภาพ Cartoon ค่ะ
  • Custom: เป็นการนำภาพ Dicut ไปใส่กับภาพถ่านทั่วไปที่มีอยู่ในเครื่องค่ะ 

นอกจากนี้ Lenovo VIBE S1 ก็ยังมีฟีเจอร์เอาใจเซลฟี่เด่นๆ ที่เคยมีในรุ่นก่อนๆ อย่าง 

  • Snap Mode: ที่มีให้เลือกวิธีการถ่ายภาพทั้งแบบ Hand Sign ชูสองนิ้วแล้วรอให้ตรวจจับภาพ แตะที่หน้าจอเพื่อถ่าย และโหมดตั้งเวลาถ่าย
  • Beauty Mode: ที่ปรับได้ 7 ระดับ เน้นเกลี่ยหน้าเนียนกริ๊บ และดึงหน้าให้ดูวีเชปหน่อยๆ ปรับระดับสูงสุดนี่นึกว่าหน้าตุ๊กตา (._.^) 
  • Fill Light: ช่วยในการถ่ายภาพในที่แสงน้อย โดยใช้ความสว่างหน้าจอที่วาบขึ้นมาแทนแฟลช โดยมีให้เลือกสองสี ได้แก่ สีชมพู และสีเนื้อ แต่สำหรับ Lenovo VIBE S1 มองไม่ค่อยออกเท่าไหร่ว่ามีการใช้แสงหน้าจอช่วย รู้สึกว่าของ VIBE Shot จะเห็นชัดกว่าในระยะการถือที่ใกล้เคียงกัน

 

ภาพตัวอย่างจากกล้องหน้า

ภาพ Selfie แบบปิด Beauty Mode

Beauty Mode ระดับ 1 – 7

ภาพธรรมดาในที่แสงน้อย / Fill Light (สีชมพู) / Fill Light (สีเนื้อ)

 

กล้องหลัง

กล้องหลังของ Lenovo VIBE S1 ให้ความละเอียดมา 13 ล้านพิกเซล มาพร้อมกับระบบโฟกัส PDAF (Phase Detection Auto Focus), BSI Sensor และ Dual-color LED Flash ซึ่งถือว่าความสามารถพอๆ กับสมาร์ทโฟนรุ่นกลางทั่วๆ ไป ไม่โดดเด่น

นอกจากนี้ Lenovo VIBE S1 ก็ให้ความสามารถในการปรับ ISO (100 – 1600) และ White Balance ซึ่งเวลาจะใช้งานส่วนตัวคิดว่าการนำมาใส่รวมใน Setting แล้วไม่ค่อยสะดวกเวลาจะปรับเท่าไหร่ ส่วนอื่นๆ ก็มีไกด์ไลน์ กริด และตัววัดสมดุล ทั้งลูกเล่นที่ให้มาก็มีไม่มาก็มีไม่มากเท่าไหร่ มีหลักๆ แค่ HDR และ Panorama 

การใช้งานโดยรวมคุณภาพของภาพจากกล้องหลัง Lenovo VIBE S1 ที่ออกมาก็กลางๆ พอใช้ได้ โดยส่วนตัวก็ไม่ได้ประทับใจเป็นพิเศษ มีติดอีกเรื่องคือการถ่ายภาพในที่แสงน้อยค่อนข้างจะลำบาก เนื่องจากไม่มี OIS จึงทำให้ภาพสั่นไหวง่าย และโฟกัสค่อนข้างช้า ภาพที่ออกมา Noise ก็ค่อนข้างเยอะ แต่ถ้าเป็นในที่สว่างหน่อยก็พอได้อยู่ (._.^)

 

ภาพตัวอย่างจากกล้องหลัง

Regular / HDR

ไม่เปิดแฟลช / เปิด Dual-LED Flash

สภาพแสงน้อย

Portrait

Food 

LandScape

พระอาทิตย์ตก

Panorama

 

รวมภาพแบบเต็มความละเอียด 😀

 

ข้อดี

  • การใช้งานทั่วไปค่อนข้างดี ทัชสกรีนลื่นไหล มีแอบหน่วงและกระตุกบ้าง แต่ก็นิดหน่อย
  • แบตเตอรี่ชาร์ตเร็วและสามารถใช้งานเต็มวัน
  • ลำโพงเสียงดังสะใจมาก

ปัญหาที่พบ

  • หน้าจอสะท้อน และกระจกติดรอยนิ้วมือกับฝุ่นง่าย
  • ค้างตอนรับสายเข้า 2 – 3 ครั้ง (ทิ้งระยะห่างกันประมาณ 1 – 2 วัน) 
  • การถ่ายภาพในที่แสงน้อยสั่นไหวง่าย และภาพที่ออมาก็ดึงรายละเอียดจน Noise เยอะไปนิดนึง

 

สรุป

หลังจากที่ได้ใช้งานเจ้า Lenovo VIBE S1 มาสักพักใหญ่ๆ ก็ต้องบอกตามตรงว่ายังไม่ฟินเท่ากับตัวพี่อย่าง VIBE Shot ซึ่งอยู่ในช่วงไลน์สมาร์ทโฟนรุ่นกลางและราคาใกล้เคียงกัน มันจึงเกิดการเปรียบเทียบในความรู้สึกเวลาใช้งานอยู่หน่อยๆ ส่วนตัวชอบ VIBE Shot มากกว่า เพราะฟีเจอร์ค่อนข้างครบกว่า แต่ VIBE S1 ก็มีกล้องเซลฟี่ที่ลูกเล่นเพียบเป็นจุดเด่นที่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตามตัวนี้การใช้งานทั่วไปแอบทำคะแนนได้มากกว่านะคะ เพราะว่าลื่นไหลและพบปัญหากระตุกและหน่วงน้อยกว่า ยังไงหากใครพบปัญหาในการใช้งาน หรืออยากจะแชร์ข้อมูลของเจ้า Lenovo VIBE S1 ร่วมกันก็สามารถคอมเมนท์พูดคุยกันได้เลยค่ะ