จนถึงตอนนี้ใน Droidsans ก็มีพูดถึง Mi A1 กันไปมากพอสมควรแล้วนะครับ ทั้งแกะกล่องพรีวิว และสรุปการใช้งานเบื้องต้น แต่ว่าวันนี้เราจะมาเสริมถึงประสบการณ์ใช้งานจริงจากหลายอาทิตย์ที่ผ่านมา รีวิวเสริมข้อมูลบางส่วนที่ยังไม่ได้พูดถึงให้ได้อ่านกันว่า ถ้าเราจะซื้อ Mi A1 ตัวนี้ไปใช้งานเนี่ย มีอะไรน่ารู้ ข้อดีข้อเสียของมันคืออะไรบ้าง สรุปให้ได้ทราบกันครบจบที่เดียวไปเลยนะ


XIAOMI Mi A1 : Android One คืออะไร?

Android One นี่หลายๆคนที่ไม่ได้ตาม Android มาตลอดอาจจะมีข้อสงสัยอยู่ว่ามันคืออะไร และต่างอะไรจาก Android ทั่วไปอย่างไร ซึ่งถ้าจะให้นิยามจากสถานะปัจจุบันของมัน ก็คือการนำเอามือถือรุ่นที่มีวางจำหน่ายในท้องตลาดของแต่ละแบรนด์มาใส่ซอฟท์แวร์ของทาง Google ลงไป ซึ่งมีผลในด้านการอัพเดทที่จะมียาวๆ ทั้งแก้ปัญหาความปลอดภัย ปรับปรุงการใช้งาน หรือเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆมาให้ไม่น้อยกว่า 2ปี และเป็นที่ยอมรับในหมู่ผู้ใช้งานว่าเฟิร์มแวร์จาก Google นี้มีความเสถียรมากกว่าของบางแบรนด์เสียอีก ทำให้เกิดความนิยมในหมู่ผู้ใช้งานแอนดรอยด์ระดับสูงหลายคนที่เลือก Android One มากกว่ารุ่นอื่นเพราะ “เชื่อว่า” ได้เฟิร์มแวร์ที่ดีกว่านั่นเอง

อย่างไรก็ดี ควรรู้เอาไว้ว่า Mi A1 นี้จะไม่ได้รับการอัพเดทเฟิร์มแวร์จากทาง Android โดยตรง แต่จะเป็นทาง Xiaomi เป็นคนปล่อยอัพเดทให้ เพราะต้องมีโมบางส่วนเพิ่มเติมก่อน เช่น กล้องคู่และอินฟราเรดที่มีสเปคเกินแอนดรอยด์ทั่วไปอยู่ ทำให้เราต้องรอสักพักหนึ่งกว่าที่ ซอฟท์แวร์ของมันจะได้อัพเดทเป็นตัวใหม่ล่าสุดนั่นเอง

สเปคเขาว่าดี Mi A1 มีอะไรที่เกินมาตรฐานราคาช่วงนี้บ้าง

  • Android 7.1.2 (รอ Oreo จากทาง Xiaomi ต่อไป)
  • CPU : Snapdragon 625
  • GPU : Adreno 506
  • RAM : 4GB
  • Int.Storage : 64GB
  • กล้องหลัง
    • เลนส์ไวด์ : 12 ล้านพิกเซล, 1.25μm f/2.2, เทียบเท่าเลนส์ 26มม.
    • เลนส์เทเล : 12 ล้านพิกเซล, 1.0μm f/2.6, เทียบเท่าเลนส์ 50มม.
    • รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K และ Slo-mo 120fps@720p
  • กล้องหน้า : 5 ล้านพิกเซล, 1.12μm f/2.0
  • Sensor : Infrared, Ambient light sensor, Gyroscope, Hall sensor, Accelerometer, Fingerprint sensor, Proximity sensor

ประสิทธิภาพของ CPU – GPU ไม่เน้นแรงแต่ประหยัดแบตไม่แพ้ใคร

Snapdragon 625 ไม่ใช่ CPU ตัวที่ใหม่อะไร เห็นใช้กันมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ในรุ่นระดับหมื่นกลางๆ สร้างชื่อเสียงด้านดีในเรื่องการประหยัดพลังงาน โดยเฉพาะในรุ่น moto Z Play ซึ่งทีมงาน droidsans ก็ยกให้เป็นมือถือแบตอึดแห่งปี 2016 เลยทีเดียว ซึ่งเอามาใช้งานใน Mi A1 ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ยังคงความอึดไว้ได้อย่างดี ใช้งานหนักๆได้ทั้งวันรอดแบบไม่น่าห่วงอะไร

แต่ถ้าเน้นเล่นเกมกราฟิกหนักๆ โหลดไฟล์ไวๆ Mi A1 อาจจะไม่ใช่ตัวที่ตามหาขนาดนั้น เพราะมันจะไม่ได้เร็วปรู๊ดปร๊าด เปิดความละเอียดและเอฟเฟกต์สูงสุดของเกมเล่นได้แบบไม่มีเฟรมเรตตก อาจจะช้าหน่วงกว่าตัวแรงๆสเปคระดับท็อป แต่ถ้าถามว่าเล่นเกมได้รึเปล่า ก็ต้องบอกว่าดีเกินพอแล้วล่ะ

ทดสอบลองเล่นเกม

  •  RoV เล่นได้ลื่นแบบ framerate ไม่มีตกตามการตั้งค่าด้านล่าง แต่ถ้าเปิดสุดมีสะดุ้งบ้างนิดหน่อยบางจังหวะ
    • แสดงผลกลาง : กลาง
    • พาร์ติเคิล : กลาง
    • ภาพ HD : ปิด
    • เค้าโครง : เปิด
    • เฟรมเรตสูง : ไม่มี
  • Pokemon Go : เฟรมเรตจะตกๆหน่อย ตอนปาบอลจะมีเสียวบ้าง แต่ก็ยังเพียงพอเล่นได้ไม่ปาวืดนะ

หน่วยความจำและแรมเพียงพอใช้งานสบายๆ ไม่ต้องคอยโหลดใหม่ตลอดเวลา

แรม 4GB ที่ให้มาบน Mi A1 ทำให้เวลาใช้งานสามารถสลับแอปเปลี่ยนไปมาได้สบายๆ เล่น RoV จบแล้วเปิดค้างเอาไว้ สลับไปไถอ่าน Facebook, เปิด Chrome อ่านเว็บ, หรือแชทคุยผ่าน LINE ก็สลับได้เนียนๆ ไม่ต้องคอยโหลดใหม่ให้เสียเวลา ที่ลองมาเปิดใช้ 6-8 แอปใช้ประจำ วนแล้วก็ยังไม่มีอะไรปิดตัวไปจนต้องโหลดใหม่นะ

  • Facebook
  • Pokemon Go
  • Play Store
  • Google Photos
  • Gmail
  • Chrome
  • FB Messenger

กล้องหน้าหลัง ไม่ได้สวยเลอเพอร์เฟกต์ แต่น่าพอใจสำหรับราคาระดับนี้

ตัวอย่างภาพถ่ายไปดูได้จากตัวอย่างที่เราเคยแปะให้ดูกันไปแล้ว ซึ่งถ้ามองว่าราคามันไม่ถึง 8,000 บาท ก็จัดว่าออกมาสวยไม่น้อยเลยล่ะ ชนกับพวกตัวระดับหมื่นกว่าๆได้ไม่ในระดับนึง ถ้าแสงมีเพียงพอ ถ้าแสงน้อยคุณภาพจะดรอปลงไปมาก และภาพสั่นเบลอง่ายสุดๆ แนะนำให้ถ่าย Burst แล้วเลือกชอตที่ดีที่สุดแทน จะช่วยได้เยอะเลยครับ

ส่วนโหมดต่างๆมีให้เลือกใช้ครบครัน จะตินิดหน่อยสำหรับคนถ่ายรูปจริงจังที่โหมดแมนวลตั้งค่าความไวชัตเตอร์ได้นานสุดเพียง 1/15s เท่านั้น ทำให้ถ่ายภาพกลางคืนได้ไม่จุใจเท่าไหร่นัก

= ตัวอย่างภาพถ่าย Mi A1 =

 

กล้องวิดีโอเรียกว่าไม่ได้เน้นเลย ก็ไม่มีกันสั่นอะไรมาให้ และการซูมถ่ายก็ไม่เนียน ซูมแล้วไม่สลับไปใช้เลนส์ซูมให้ด้วย คือเรียกว่ามีแบบเผื่อใช้จริงๆ

 

เซนเซอร์ให้มาครบครัน แถมเพิ่มอินฟราเรดใช้เป็นรีโมทได้

Mi A1 ดูเหมือนจะเป็น Android One รุ่นเดียวในตอนนี้ที่ใส่ IR Blaster หรือ Infrared มาให้ด้วย ซึ่งเราสามารถติดตั้งแอป Remote Mi ได้จาก Google Play เพื่อใช้มันทำงานเป็นรีโมทอเนกประสงสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านได้

จะมีทีวี เครื่องเล่น dvd เครื่องเสียง ไปจนถึงแอร์ก็สามารถเลือกตั้งค่าได้หมด มียี่ห้อให้เลือกเยอะแยะมากมาย แยกรีโมทออกมาเป็นห้องๆ ทำ shortcut ก็ได้

 

บางส่วนสเปคโอเคได้มาตรฐาน

  • ขนาดเครื่อง : 155.4 x 75.8 x 7.3 mm, 165g
  • หน้าจอ : 5.5 นิ้ว Full HDS LTPS
  • การเชื่อมต่อ
    • WiFi : 802.11a/b/g/n/ac
    • Bluetooth 4.2
  • GPS / AGPS / GLONASS / Beidou
  • เครือข่าย
    • 4G คลื่นที่ใช้งานได้ 900, 1800, 2100 MHz FDD และรองรับ 2300 MHz TDD (อนาคตดีแทค)

งานประกอบของ Mi A1 จับแล้วมันดีงามเข้ามือมาก วัสดุด้านหลังที่เป็นโลหะเคลือบมาได้ดูแพง และไม่เป็นรอยง่าย เช่นเดียวกันกับหน้าจอ ที่รอยขนแมวขึ้นยากกว่าหลายๆตัวที่เคยใช้มา แต่ท้ายที่สุดแล้ว ถ้าต้องการให้สภาพสวยสดไปเรื่อยๆ ก็คงแนะนำให้ติดฟิล์มใส่เคสกันอยู่ดีนะครับ

หน้าจอใช้งานทั่วไปถือถือว่าคมชัดดี แต่สีสันจะมีความเพี้ยนสีซีดๆหน่อย ทำให้ภาพที่ถ่ายมาเมื่อเอาลงคอมที่หน้าจอดีกว่า จะทำให้ภาพดูสวยขึ้นระดับนึงเลยล่ะ และพบปัญหาเรื่องการปรับแสงหน้าจอ ที่หลายๆครั้งจะปรับได้ไม่ตรงตามสภาพแสงสักเท่าไหร่นัก จนทำให้ผมต้องปิดตัว Auto และเลือกปรับเองอยู่หลายครั้งครับ

ส่วนอื่นๆก็ใช้งานดีไม่มีปัญหาทั้งการจับ WiFi และ GPS จับแน่นดี แต่เรื่อง 4G จะมีปัญหานิดหน่อยที่เหมือนจะจับได้สัญญาณอ่อนกว่าเครื่องอื่น แต่ยังไม่ถึงกับเจอปัญหาที่เครื่องอื่นจับได้ แต่ Mi A1 ไม่สามารถจับได้นะ

• มี VoLTE แต่ยังไม่รองรับในไทย โทรเข้าออกเสียต้องรอ 3-5 วิ กว่าตื้ดแรกจะมา

• ไม่มี VoWiFi ไปต่างประเทศ ใช้รับสายแบบไม่เสียโรมมิ่งไม่ได้

สเปคบางอย่างที่ Mi A1 น่าใส่เพิ่มเข้ามาหน่อย

  • แบตเตอรี่ : 3000 mAh รองรับชาร์จไฟ 5V2A (ไม่มี QuickCharge)
  • เครือข่าย
    • รองรับ 2 ซิมแบบ Hybrid (SIM + SIM/microSD)
    • ซิมสอง standby 3G
    • ไม่รับ CA
  • ไม่มี NFC ใช้แรบบิทซิมไม่ได้

Mi A1 ใช้จนแบตหมด เราจะเสียเวลาชาร์จไฟจนกว่าจะเต็มมากกว่า 2 ชม. จากปกติที่ใช้กันราวๆ ชม.ครึ่งเท่านั้น เรียกว่ากินเวลามากพอสมควรเลย ปัญหาก็มาจากที่เค้าไม่ได้ใส่ตัว QC มาให้ด้วยนั่นเอง แต่ยังดีว่าแบตค่อนข้างอึด ใช้งานได้ยาวนานอยู่ และ Standby ไม่ค่อยกินแบตเท่าไหร่ ได้อานิสงค์จากทั้งตัวชิปเซท Snapdragon 625 ดังที่กล่าวเอาไว้ข้างต้น และ Doze ระบบประหยัดแบตของ Android เอง ที่เครื่องวางไว้นิ่งๆจะไม่มีการแจ้งเตือนหรือรับสัญญาณอะไร ต้องยกเครื่องขึ้นมาใช้งานก่อนถึงจะเริ่มรับข้อมูลต่อเครือข่ายอีกรอบ ซึ่งก็อาจจะทำให้เราได้รับข้อความช้ากว่าปกติ ในกรณีที่วางเครื่องทิ้งเอาไว้เป็นเวลานานๆได้นะครับ

สองซิมที่ให้มาต้องเลือกกันนิดนึงว่าจะใช้เป็นซิมสองหรือ microSD ซึ่งส่วนตัวไม่ค่อยชอบแบบนี้เท่าไหร่ เพราะทำให้เราต้องเลือกใช้แค่อย่างใดอย่างหนึ่งแทนที่จะได้ใช้ทั้งหมดไปเลย และเหมือนว่าจะมีการถอดฟีเจอร์ Carrier Aggregation ออกไปด้วย เพราะตัวชิปเซทเองจริงๆมันรองรับ แต่น่าจะถอดออกไปเพื่อลดต้นทุนนั่นเอง

และสุดท้ายคือ NFC อันนี้หลายๆคนอาจจะไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่นักแต่ถ้ามีให้ครบๆไปก็อาจจะดีกว่า ยิ่งสำหรับคนที่ใช้งาน BTS และใช้งาน Rabbit SIM คงจะเซ็งไม่น้อยเลยทีเดียวครับ

 

ปัญหาที่พบบน Mi A1

ปัญหาการค้างจอดำ ปลดล็อคเครื่องแล้วจอไม่ติด ลักษณะเหมือนยังใช้งานทั่วไปได้อยู่ แต่จอไม่ทำงาน ต้องปล่อยทิ้งเอาไว้สักพัก 3-5 นาที แล้วกดปลดล็อคใหม่อีกครั้งจึงจะใช้งานได้ตามปกติ เดาสาเหตุจากอาการเหมือนกับมันประมวลผลอะไรค้างอยู่แล้วจนเปิดจอไม่ได้ เพราะเคยเจอปัญหาคล้ายๆแบบนี้ตอนที่จอติดเหมือนกัน คือหน้าจอเอ๋อแบบค้างไปเลยจนต้องปล่อยทิ้งเอาไว้แป๊บนึงกว่ามันจะกลับมากดได้ ถ้าแจ๊คพอตเจอตอนที่กำลังอยากจะรีบใช้งานนี่ถึงกับต้องกดปุ่ม Power ค้างเอาไว้เพื่อให้มัน Restart เครื่องกันเลยทีเดียว และจะหงุดหงิดไม่น้อยครับ

หวังว่าอัพเดทต่อๆไป หรืออัพเดทขึ้น Android 8.0 Oreo จะแก้ปัญหานี้ได้เรียบร้อยแล้วนะครับ

 

สรุป Mi A1 ดีงามน่าใช้ คุ้มค่าแก่การซื้อมาใช้งาน

ยังคงสรุปเช่นเดิมที่เขียนเอาไว้ว่า Xiaomi Mi A1 เป็นตัวที่น่าซื้อมาใช้งานมากๆ แม้ว่าอาจจะมีขาดๆบางอย่างไปอยู่บ้าง แต่ด้วยราคาในระดับนี้ ได้ซอฟท์แวร์จาก Google ฮาร์ดแวร์จาก Xiaomi มันดูลงตัวดีจริงๆครับ ได้ใช้งานแล้วไม่น่าจะมีผิดหวังอะไร.

ไม่แนะนำสำหรับใคร

ถ้าคิดว่าจะเอา Xiaomi Mi A1 มาใช้แทนตัวระดับท็อป หวังว่าทุกอย่างจะเพอร์เฟกต์ มันก็ไม่ได้สุดขนาดนั้นนะ กล้องยังไม่ถึงกับดีมาก โหลดเกมต่างๆยังไม่ได้เร็วปรื้ดปร๊าดเท่าไหร่ หน้าจอก็ยังไม่ดีมาก แต่ภาพรวมมันดีกว่ามือถือตัวท็อปเมื่อ 2-3 ปีที่แล้วแค่นั้นแหละ

จนถึงตอนนี้เพื่อนๆหลายคนน่าจะได้ซื้อมาใช้เองกันแล้ว ยังไงมาแชร์ความคิดเห็นกันเพิ่มเติมได้นะครับ ว่าใช้งานแล้วชอบไม่ชอบอย่างไรครับ 🙂 ส่วนตัวอย่างภาพถ่ายเพิ่มเติมสามารถไปดูได้ที่ จับเทียบภาพต่อภาพ Mi A1 vs Huawei P10 Plus