Nokia 5 มือถือคนกลางระหว่างพี่น้อง 3,5,6 ที่เชื่อว่าหลายๆ คนกำลังรอกันอยู่ เพราะด้วยสเปคกับราคาแล้วดูน่าจะคุ้มที่สุดใน 3 รุ่นที่เปิดตัวในไทย โดย Nokia 5 นั้นมาพร้อมขนาดหน้าจอกำลังดี 5.2 นิ้วถือว่าไม่เล็กไม่ใหญ่ กับชิป Snapdragon ในช่วงราคาไม่ถึง 7,000 บาท

กล่องของ Nokia 5 นั้นหน้าตาและขนาดเท่ากับ Nokia 3 เป๊ะ แตกต่างที่ลวดลายและชื่อรุ่นที่ระบุด้านหลังเท่านั้น เพราะฉะนั้นตอนไปซื้อก็ต้องสังเกตุดีๆ

สเปค Nokia 5

  • หน้าจอกระจก 2.5D ขนาด 5.2 นิ้ว ความละเอียด HD
  • CPU : Snapdragon 430
  • RAM : 2GB
  • ความจุ : 16GB (เหลือให้ใช้งานจริงราว 10 GB)
  • มีช่อง micro SD เพิ่มหน่วยความจำได้
  • กล้องหลัง : 13MP
  • กล้องหน้า : 8MP
  • แบตเตอรี่ : 3000 mAh
  • รองรับการใช้งาน 2 ซิม (4G+3G/3G+2G)
  • ระบบ Android 7.1.1 Nougat
  • มีสีขาว, ดำ, น้ำเงิน, ทองแดง
  • ราคาเปิดตัว 6,490 บาท

อุปกรณ์ที่แถมมาให้ในกล่องนั้นเหมือนกับ Nokia 3 เลย ทั้งหูฟังสมอลทอล์ค สาย microUSB มีแตกต่างที่หม้อแปลงเรื่องการจ่ายไฟนิดหน่อยเท่านั้น

ดีไซน์จะคล้ายกันกับ Nokia 3 หน่อยๆ แต่วัสดุอัพเกรดขึ้นไปอีกขึ้นกับโลหะทั้งฝาหลังแบบ Unibody งานประกอบถือว่าสอบผ่าน แต่เครื่องที่ผมได้มาเจอ defect นิดหน่อยตรงขอบกล้อง ยังไงใครจะไปซื้อลองเช็คดีๆ ครับ

 

กล้องหน้ามีออโต้โฟกัส ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล

ด้านล่างมีสแกนลายนิ้วมืแบบสัมผัส รุ่นนี้ปุ่ม Back และ ปุ่ม Overview (recent app) มีไฟเรืองแสงแล้ว ( Nokia 3 ไม่มี)  ส่วนท้ายเป็นไมโครโฟน ช่อง micro USB และช่องลำโพง เสียงดังตามสไตล์ Nokia

 

ถาดซิมมี 2 ช่องอยู่ด้านซ้าย แยกเป็นถาดซิมหนึ่งช่อง ใส่ nano ได้ 2 ซิม ส่วนด้านล่างเป็นถาด micro SD แยกกัน ก็จะสามารถใช้ได้ทั้งซิมและไมโครเอสดี

ช่องหูฟัง 3.5 อยู่ด้านบนและทางขวาเป็นปุ่มโฮมและปุ่มปรับเสียง

ไมโครโฟนตัวที่ 2 สำหรับตัดเสียงอยู่ด้านหลัง ถัดลงมาเป็นกล้องความละเอียด 13 ล้านพิกเซลและไฟ LED แฟลช 2 สี อันนี้นอกจากขอบกล้องที่มีรอยแล้วยังงงว่าทำไมระหว่างเลนส์กับไฟ LED ถึงแยกพลาสติกเป็น 2 ชิ้่น

ร้านที่ไปซื้อมาเค้าแถมเคสใสมาให้ด้วย ลองใส่แล้วก็โอเค แต่มาตกม้าตายตอนถ่ายรูปกลางคืน เพราะแฟลชมันไปกระทบเคสจนภาพพังไปเลย

 

UI และการใช้งาน

ตามที่ทาง HMD ผู้ผลิต Nokia ได้ประกาศว่าจะทำ Android ที่เน้นความร่วมมือกับ Google มากที่สุด ทำให้ ROM นั้นมาแทบจะ pure android เลยตั้งแต่ launcher หรือหน้าโฮม ไม่มีการติดตั้งแอปใดๆ จากผู้ผลิตแอปรายอื่นๆ หรือ bloatware ให้กวนใจ

ทำให้ฟีเจอร์หลักๆ ของ Nokia ก็จะอิงตาม Android ซะเป็นส่วนใหญ่ เช่น Multi Windows

การเปิดเรียกใช้งานกล้องถ่ายภาพแบบรวดเร็ว ด้วยการกดปุ่ม power 2 ครั้ง

การจับภาพหน้าจอด้วยปุ่ม power + vol down นอกจากนั้นก็ไม่มีอะไรอีกแล้ว นอกจากความลื่นไหลในสไตล์ pure android จบหมดเท่านี้เลย

อ้อ เหมือนจะมี motion gesture เข่นการคว่ำเครื่องเพื่อไม่รับสาย หรือการยกเครื่องขึ้นมาเพื่อตัดเสียงเรียกเข้า ซึ่งฟีเจอร์พวกนี้ถือว่าใช้งานได้ดีเพราะในเครื่อง Nokia 5 นั้นถือว่าใส่เซนเซอร์ในการตรวจจับการเคลื่่อนไหวต่างๆ มาครบและมากกว่ามือถือรุ่นอื่นๆ ในช่วงราคาใกล้กันมากทีเดียว

 

Performance : ประสิทธิภาพ การเล่นเกม

เอ่ยถึงรายละเอียดเซนเซอร์ในตัวเครื่องไปแล้วงั้นก็มาต่อที่สเปคกับประสิทธิภาพเลยดีกว่า Nokia 5 ใช้ชิป Snapdragon 430 ซึ่งถือว่าเป็นรุ่นเล็กสุดจาก Qualcomm มาพร้อมกับ GPU Adreno 505 ผล Antutu ที่ได้มาคือราวๆ 45000 คะแนน

ส่วนคะแนนของ Androbench ความเร็วในการเขียนอ่านหน่วยความจำก็ตามนี้ครับ ใช้ eMMC

เรื่องการใช้งานและโหลดเกมนั้นเทียบกับรุ่นน้องอย่าง Nokia 3 แล้ว Nokia 5 ทำได้ดีกว่าพอสมควรไม่ว่าจะเป็นความเร็วในการโหลดแอปหรือความลื่นไหล รวมถึงระบบ multi touch ก็สมบูรณ์กว่า

การเล่นเกมอย่าง ROV หรือเกมอื่นๆ ไม่ได้ติดปัญหาตรงไหน ถ้าเปิดกา่รตั้งค่ามาตรฐานสามารถเล่นได้ที่ค่าเฉลี่ย 28-30FPS ครับ แต่ถ้าปรับพวกกราฟิคจนสุดตอนเข้าไปบวกกันนี้อาจลดมาถึง 20FPS ได้

 

GPS และระบบนำทาง

Nokia 5 จัดเต็มเรื่องเซนเซอร์มากเช่นเดียวกับ Nokia 3 ซึ่งนั่นก็รวมถึงความสามารถของ GPS ด้วย สามารถมองเห็นดาวเทียมได้ระดับ 30 ดวง และจับมาใช้งานได้ 20 ดวง โดยมีความแรงสัญญาณในระดับพอใช้ เรียกว่าจับสัญญาณเทียบมือถือราคาหลักหมื่นต้นๆ ได้ อันนี้ถือว่าผ่าน

  

นอกจากนั้นยังมี Magneto Meter ซึ่งเป็นเซนเซอร์แม่เหล็กใช้งานได้แบบเดียวกับเข็มทิศนั่นแหละ อันนีัช่วยตอนใช้เป็น GPS เปิด Google Maps ได้ทิศทางทื่แม่นยำขึ้น

 

แบตเตอรี่ อายุการใช้งาน

Nokia 5 มาพร้อมแบตเตอรี่ 3000 mAh จากการใช้งานทั่วไป เสียบพร้อมกัน 2 ซิมนั้น 1 วันไม่ใช่ปัญหาครับ เฉลี่ยแล้วถ้าไม่ได้เล่นเกมเยอะๆ (เอาจริงๆ สเปคมันก็เล่นเกมหนักๆ แค่พอไหว)  แค่โซเชียลอย่างเดียวลากไปได้ถึงค่ำๆ

  

 

ส่วนของ screen on time หรือเวลาการใช้งานหน้าจออยู่ที่ราวๆ 5 ชั่วโมงครับ

 

กล้องถ่ายภาพ

กล้องของ Nokia 5 ถือว่าดีกว่า Nokia 3 อยู่พอสมควรทั้งในเรื่องของสีสันและความคมของภาพ เพราะกดูแล้วน่าจะใช้ชุดเซนเซอร์และเลนส์ที่ดีขึ้นกว่าเดิมพอสมควรครับ แต่โหมดกล้อง การตั้งค่า รวมถึงลูกเล่นยังดูไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่

โหมดที่มีเพิ่มขึ้นมาจาก Nokia 3 คือ Auto HDR ที่ช่วยให้ภาพมีสีสันและความสว่างดีขึ้น แต่จากที่สังเกตุไม่ว่าจะถ่ายรูปไหนๆ ก็จะมีการประมวลผลตลอด เหมือนมันมองว่าทุกรูปต้องปรับสีและแสงใหม่หมด

 

ตัวอย่างภาพจากกล้องหลัง Nokia 5 (คลิกดูภาพใหญ่ได้)

 

กล้องหน้า Nokia 5 ความละเอียด 8 ล้านพิกเซลมาพร้อมระบบ auto focus เรียกว่ามีให้ทั้ง 3 รุ่นเลย

 มีโหมดบิวตี้ที่เรียกว่าทัชอัพให้เลือกปรับได้หลายระดับเหมือนกัน อ้อ! แล้วก็มีระบบ Watermark ให้เราเลือกใส่ข้อความลงไปในภาพเองได้ด้วยครับ อยากจะพิมพ์อะไรก็ได้เลย

 

ตัวอย่างภาพจากกล้องหน้า Nokia 5

สรุป

ใครสนใจอยากจะลองกลับมาหา Nokia กันในช่วงนี้ผมว่า Nokia 5 เป็นรุ่นที่สเปค วัสดุ ราคา ลงตัวที่สุดใน 3 รุ่นแล้วครับ อย่าง Nokia 3 นั้นสเปคอ่อนไปหน่อย มีปัญหาเรื่อง multi touch บริเวณขอบจอ แล้วก็กล้องหลัง Nokia 5 ดีกว่าเยอะเลย ส่วน Nokia 6 ด้วยสเปคแล้วไม่ได้หนี Nokia 5 เพราะใช้ชิป Snapdragon 430 ตัวเดียวกัน ผมมองว่า 6 นั้นราคาสูงไปนิด

ส่วนคู่แข่งในตลาดตอนนี้ก็คงเป็นกลุ่มมือถือ Housebrand อย่าง dtac phone X3 รวมถึง Wiko หลายรุ่นที่ทำราคาตลาดล่างออกมาได้น่าสนใจ แต่ Nokia เองก็มีจุดแข็งในเรื่องของตัวแบรนด์กับการันตีอัพเดทเป็น Android O แต่โดยรวมยังอ่อนในเรื่องของฟีเจอร์เสริมที่จะมาสร้างความแตกต่างของ Nokia ให้ฉีกออกมาจากมือถือ Android รุ่นอื่นๆ ในตลาดเหมือนกัน