นับจากสมัยที่ใช้ Moto 360 ซึ่งเป็น Smartwatch ตัวแรกสุดที่ผมเคยใช้จนกระทั่งมันพังไปตามอายุขัยการใช้งาน เมื่อหลายเดือนที่ผ่านมาก็ถึงเวลาที่ผมจะตัดสินใจเลือกซื้อ Smartwatch เรือนใหม่อีกครั้ง ซึ่งจบลงที่ Smartwatch ที่หลายๆคนคุ้นเคยกับชื่อแบรนด์กันเป็นอย่างดี แต่บางคนก็อาจจะแปลกใจว่าแบรนด์นี้ทำ Smartwatch ด้วยหรือ? และนั่นก็คือ Nokia Steel HR นั่นเอง

ซึ่งที่มาของ Smartwatch ในนามของ Nokia ก็ไม่ใช่อะไร เพราะว่าในปีที่แล้ว Nokia ได้เข้าซื้อบริษัทที่ชื่อว่า Withings นั่นเอง [Nokia เปิดตัวอุปกรณ์สำหรับผู้รักสุขภาพ Nokia Health 2 รุ่น พร้อมแอป Health Mate สำหรับใช้งานร่วมกัน] และนั่นก็เป็นจุดที่ทำให้ Nokia มีผลิตภัณฑ์ที่เน้นทางด้านสุขภาพนอกเหนือจาก Smartphone ที่ใครหลายๆคนรู้จักกัน

สำหรับ Nokia Steel HR ที่ผมตัดสินใจซื้อมานั้นจะเป็นรุ่น Heart Rate & Activity Watch ที่สามารถวัดอัตราการเต้นของหัวใจได้ด้วย ส่วนอีกรุ่นจะชื่อว่า Steel ซึ่งเป็นรุ่นที่ที่ถูกกว่าสามารถบันทึกกิจกรรมต่างๆได้เท่านั้น วัดอัตราการเต้นของหัวใจไม่ได้ (แต่ราคาก็จะถูกกว่าด้วย)

รูปร่างหน้าตาของ Nokia Steel HR

 

ตัวกล่องไม่ได้มีอะไรหวือหวามาก เมื่อเปิดกล่องออกมาก็จะพบกับ Nokia Steel HR วางอยู่ข้างในอย่างดี

ขนาดของหน้าปัด Nokia Steel HR จะมีให้เลือกอยู่ 2 ขนาดด้วยกันคือ 36mm กับ 40mm ซึ่งตัวที่ผมสั่งมาจะเป็นขนาด 36mm เพราะขนาด 40mm มีขนาดหน้าปัดพอๆกับ  36mm แต่ว่ามีขอบหนากว่าหน่อย (ไม่ชอบนาฬิกาขอบหนา) และสำหรับตัวเรือนกับสายนาฬิกานั้นมีให้เลือกหลากหลายสี ซึ่งผมก็เลือกหน้าปัดสีขาวและสายนาฬิกาสีดำธรรมดา เพราะอยากได้ความเรียบง่าย ถ้าอยากจะเปลี่ยนสายก็ค่อยไปหาร้านนาฬิกาเปลี่ยนทีหลังก็ได้

ที่ผมชอบ Nokia Steel HR ก็เพราะว่ามันเป็น Smartwatch ที่มีหน้าปัดเป็นเข็มเหมือนนาฬิกาปกติทั่วๆไป ไม่ได้เหมือนกับ Smartwatch หลายๆเจ้าที่ใช้หน้าจอแสดงผลเป็นเข็มนาฬิกา

และถึงแม้ว่าจะดูผิวเผินเหมือนนาฬิกาทั่วๆไป แต่ตัวมันก็ยังมีหน้าจอแสดงผล OLED ขาวดำเป็นหน้าปัดวงกลมซ้อนอยู่ข้างในอีกชั้นนึง เพื่อแสดงข้อมูลต่างๆที่เป็นส่วนของ Smartwatch (เช่น วันที่, อัตราการเต้นของหัวใจ, จำนวนก้าวเดิน หรือแบตเตอรี เป็นต้น) ซึ่งข้อมูลตรงนี้เราสามารถกดดูได้เพียงแค่กดที่เม็ดมะยมเพื่อเปลี่ยนไปดูข้อมูลในแต่ละส่วน และสามารถตั้งได้ว่าจะให้แสดงข้อมูลอะไรบ้างผ่านแอพบนมือถือ

เสน่ห์อย่างหนึ่งของเจ้า Nokia Steel HR ที่ Smartwatch หลายๆตัวไม่มีและผมสัมผัสได้ชัดเจนก็คือเสียงเฟืองตอนที่เข็มนาฬิกาขยับ เพราะตัวมันขับเคลื่อนเข็มนาฬิกาด้วยเฟือง แต่ว่าทำงานแบบ Smartwatch นะ ไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยเฟืองทั้งหมด แต่การขยับของเข็มก็จะถูกสั่งงานจากวงจรอิเล็กทรอนิกส์อีกทีหนึ่ง ซึ่งในตอนที่ผมเดินทางระหว่างประเทศ เมื่อมือถือของผมอัพเดทเวลาให้เป็นของประเทศนั้นๆ ตอนที่แอพ Sync ข้อมูลกับนาฬิกา ก็จะสั่งให้เวลาบนนาฬิกาอัพเดทตามด้วย แล้วคุณก็จะเห็นเข็มนาฬิกาหมุนโดยอัตโนมัติเพื่อปรับเวลาตามท้องถิ่นนั้นๆ (อันนี้ความชอบส่วนตัวจริงๆ)

และนอกจากตัวเรือนนาฬิกาแล้ว ยังมีแท่นชาร์จและคู่มือการใช้งานให้มาด้วย

ซึ่งการชาร์จของ Nokia Steel HR นั้นจะเป็นการชาร์จผ่านขั้วชาร์จที่อยู่บนแท่นชาร์จ ไม่ได้ชาร์จไร้สายนะ ซึ่งการชาร์จครั้งนึงก็จะใช้เวลาไม่นานประมาณ​ 1 ชั่วโมงกว่าๆ

 

ข้อมูลเบื้องต้น

  • เซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจแบบอินฟราเรด
  • สั่นเพื่อแจ้งเตือนต่างๆ
  • Accelerometer 3 แกน
  • เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth Low Energy
  • กันน้ำลึก 50M (5 ATM)

 

เชื่อมต่อกับมือถือด้วย Nokia Health Mate

Nokia Steel HR เชื่อมต่อกับมือถือผ่าน Bluetooth Low Energy เหมือนกับ Wearable Device ทั่วๆไป โดยเชื่อมต่อผ่านแอพที่ชื่อว่า Health Mate ที่รองรับทั้ง Android และ iOS

โดยตัวแอพ Health Mate จะมีหน้าตาที่ค่อนข้างเรียบๆคลีนๆ ข้อมูลต่างๆถูกนำมาแสดงอย่างสวยงาม มีหน้า Timeline เพื่อสรุปข้อมูลทั้งหมดในแต่ละวัน หน้า Dashboard เพื่อตั้งค่าให้กับ Nokia Steel HR ว่าจะให้แสดงข้อมูลอะไรได้บ้าง เพราะบางอย่างต้องทำงานร่วมกับอุปกรณ์ตัวอื่นๆของ Nokia ด้วย ถ้าเราไม่มีอุปกรณ์พวกนั้น ข้อมูลบางอย่างที่แสดงอยู่ก็จะไม่มีความหมายอะไร และข้อมูลส่งเสริมการดูแลสุขภาพที่จะช่วยแนะนำการดูแลสุขภาพตามขั้นตอนต่างๆให้กับผู้ใช้

ถ้าอยากจะดูว่าวันนึงเราเดินมากน้อยแค่ไหน ก็สามารถดูข้อมูลในแต่ละวัน แต่ละสัปดาห์ หรือแต่ละเดือนก็ได้ และสามารถตั้ง Goal ได้ด้วยว่าวันนึงอยากจะให้เดินอย่างน้อยกี่ก้าว ซึ่งตัวนาฬิกาจะแจ้งเตือนให้เมื่อจำนวนก้าวเดินถึง Goal ที่กำหนดไว้

 

และข้อมูลอัตราการเต้นของหัวใจก็จะมีการบันทึกเป็นระยะๆตลอดเวลาที่ใส่นาฬิกาไว้ รวมไปถึงตอนนอนเช่นกัน (ใส่ตอนนอนด้วย) และในตัวแอพก็จะมีการแสดงกราฟของอัตราการเต้นของหัวใจและระยะเวลาการนอน และบอกให้ด้วยว่าเรานอนหลับลึกแค่ไหน มีช่วงไหนบ้างที่สะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก

และเวลาที่ Nokia Steel HR สามารถตรวจจับได้ว่าเรากำลังทำกิจกรรมอะไรบางอย่างอยู่ในช่วงเวลาใดๆก็ตาม จะมีการแนะนำให้เราใส่ข้อมูลด้วย เพื่อที่จะได้นำไปเป็นแสดงข้อมูลให้เราดูในภายหลัง หรือจะกรอกข้อมูลเองแบบ Manual ก็ได้

และการตั้งค่าต่างๆบนนาฬิกาก็จะทำผ่านแอพ Heath Mate เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดว่าจะให้หน้าจอแสดงข้อมูลอะไรได้บ้าง ตั้งนาฬิกาปลุก หรือกำหนดว่าจะให้แสดงการแจ้งเตือนจากแอพต่างๆก็ได้ (ฟีเจอร์นี้เพิ่งมาได้ไม่นานนี้เอง)

 

ใช้งานได้นานเป็นเดือน

ด้วยความที่ Nokia Steel HR นั้นเป็นนาฬิกาที่มีหน้าปัดเหมือนนาฬิกาทั่วๆไป และมีหน้าจอแสดงผลแค่ขาวดำและมีขนาดเล็ก จึงทำให้ Nokia Steel HR เป็น Smartwatch ที่สามารถใช้งานได้นานมากกกกกกตัวหนึ่ง (เมื่อเทียบกับพวก Android Wear หรือ Apple Watch)

ถ้าเป็นการใช้งานทั่วๆไปจะสามารถอยู่ได้เกือบ 1 เดือนเลยทีเดียว และมีโหมดประหยัดพลังงาน (Power Reserve Mode) ที่จะทำให้ใช้งานได้นานเข้าไปอีก เพราะจะแสดงแค่เวลาและคอย Track Activity เท่านั้น

หรือถ้าทำงานอยู่ในโหมดออกกำลังกาย (Workout Mode) ก็ยังยู่ในนานถึง 5 วันเลยแน่ะ ดังนั้นแทบไม่ต้องกลัวว่าแบตจะหมดซะก่อน เพราะมีเวลาอีกตั้งหลายวันเพื่อชาร์จเจ้านาฬิกาตัวนี้ ไม่เหมือนกับ Smartwatch ที่ใช้งานได้แค่ 2-3 วัน ที่ต้องหาที่ชาร์จภายในไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่แบตจะหมด และแนะนอนว่าการกินแบตที่ต่ำขนาดนี้ก็ย่อมส่งผลถึงอายุขัยของแบตเตอรีด้วยเช่นกัน (Smartwatch ที่อยู่ได้แค่ไม่กี่วันก็จะต้องชาร์จบ่อยๆ และเมื่อชาร์จบ่อยๆก็ทำให้แบตเสื่อมไวขึ้นนั่นเอง)

การอัพเดทเฟิร์มแวร์จะต้องทำผ่านแอพบนมือถือเท่านั้น

 

สรุป

Nokia Steel HR นั้นเหมาะกับใครก็ตามที่อยากจะได้ Smartwatch ซักเรือนไว้ใส่ประจำวัน แต่ไม่อยากจะต้องมานั่งชาร์จบ่อยๆ และหน้าปัดนาฬิกาแบบคลาสสิคที่ดูมืเสน่ห์ เสียงเฟืองขยับที่ไพเราะ แต่ยังคงมีฟีเจอร์ครอบคลุมมากพอที่ Smartwatch ซักตัวควรจะทำได้

ดังนั้นถ้าอยากได้ Smartwatch ที่ดูไม่หวือหวาแต่มีความฉลาดมากกว่านาฬิกาทั่วๆไปที่มีอายุการใช้งานนานๆ บอกเลยว่าต้องลองสัมผัส Nokia Steel HR ดูครับ อาจจะตอบโจทย์คุณก็ได้ ใครจะรู้  😎