หลังจากไปบุกตะลุยกลุ่มตลาดกลางด้วย R9s ที่ขายดิบขายดีอยู่สักพัก จนเงียบหายไม่มีรุ่นใหม่ๆ ออกมาสักเท่าไหร่ ล่าสุดตอนนี้ OPPO ก็ได้ปล่อยมือถือในช่วงราคาสุดคุ้มรุ่นใหม่ออกมาแล้วนั่นก็คือ OPPO A71 ซึ่งรอบนี้อัพเกรดสเปคให้ดีขึ้น โดยมาพร้อมกับ RAM 3GB และชิป Octa-core ในขนาดกำลังเหมาะมือ 5.2 นิ้ว แถมนยังมาพร้อมกับ Color OS 3.1 เวอร์ชั่นล่าสุด และ Android Nougat 7.11 ซึ่งรองรับการแบ่งหน้าจอแบบ Split-screen เพื่อใช้งาน 2 แอปได้พร้อมกันแล้วด้วย ลองมาดูรีวิว OPPO A71 ไปพร้อมๆ กันเลย
แกะกล่อง OPPO A71
น้องใหม่ OPPO A71 นั้นยังคงมาพร้อมกับดีไซน์ตัวเครื่องที่เป็นเอกลักษ์ของ OPPO มายาวนานหลายรุ่นในตระกูล A ทั้งความโค้งมน ขนาดที่เบาบาง แต่งานประกอบและวัสดุยังน่าประทับใจในช่วงราคาครึ่งหมื่น และของแถมหรืออุปกรณ์ในกล่องที่ให้มาก็ยังครบครันเหมือนเดิม เรียกว่าเดินออกจากร้านนี่ไม่ต้องซื้ออะไรเพิ่มเติมอิีกแล้ว
อุปกรณ์ทั้งหมดในกล่องก็มีตัวเครื่อง A71 ซึ่งมีวางจำหน่ายด้วยกัน 2 สี ดำและทอง, หม้อแปลง, หูฟัง, สาย micro USB, เคสซิลิโคนกันกระแทก สำหรับตัวเครื่องสีทองนั้นด้านหน้าจะเป็นสีขาว แต่ถ้าสีดำก็จะดำทั้งหน้าและหลัง อ้อ! ส่วนฟิล์มกันรอยก็ไม่ต้องลอกออกนะครับ เค้าติดมาให้แล้ว ใช้ได้เลย บางร้านอาจจะแอบแนะนำให้เปลี่ยนหรือติดเพิ่มอะไรแบบนี้ จริงๆ ยังไม่ต้องก็ได้
หม้อแปลงที่แถมมาจ่ายไฟที่ 5V 1A กับแบตเตอรี่ความจุ 3000 mAh ก็อาจจะใช้เวลาชาร์จนานนิดนึง
หูฟังที่แถมมาเป็นสีขาว มีปุ่มกดเพื่อรับ/วางสาย และสามารถใช้เป็นเสาอากาศในการฟังวิทยุผ่านแอปในตัวเครื่องได้
ตัวเคสซิลิโคนที่แถมมาในกล่อง OPPO A71 นี่เป็นแบบใหม่ครับ เดิมทีจะเป็นซิลิโคนบางๆ ใส่กันริ้วรอยเท่านั้น แต่นี่เรียกว่ามาเป็น Bumper กันกระแทกเลย หนาขึ้น ปกป้องได้มากกว่า
ด้านหลังยังคงใส แต่ด้านข้างที่เป็นสีขาวขุ่นนั้นสัมผัสได้เลยว่ามันพร้อมที่จะรับแรงตกหรือกระแทกทุกประเภท
พอใส่เข้ากับตัวเครื่องแล้ว (อาจจะใส่ยากนิดนึง) แล้วมันฟิตพอดีเป๊ะเลย ปกป้องทั้งด้านข้าง รอบตัวเครื่อง มาจนถึงด้านหน้า
ลองมาดูอีกมุมนึง เอาแค่นี้แหละ เดี๋ยวจะมัวแต่รีวิวเคสซิลิโคน ไม่ได้รีวิวเครื่องกัันซะที > <
ตัวเครื่องและงานประกอบ
OPPO A71 ยังคงใช้พอร์ทเป็น micro USB อยู่ ซึ่งผมเดาว่ามันจะยังอยู่กับเราไปอีกไม่ต่ำกว่า 2-3 ปีครับ กว่าที่ USB Type C จะมาแทนที่ โดยเฉพาะในรุ่นเล็กๆ ส่วนช่องที่เจาะซ้ายขวานั้นคือลำโพงและไมโครโฟนแยกกันคนละฝั่ง
ส่วนปุ่มนำทาง navigation bar ด้านล่างนั้นไม่มีแสง แต่เป็นเส้นสีเงินพอเลื่อมๆ สะท้อนแสงเบาๆ
ถาดซิมและ microSD อยู่ที่ด้านขวาค่อนไปทางด้านบน ส่วนถัดลงมาเป็นปุ่มเปิด/ปิด หรืิอปุ่มพาวเวอร์นั่นเอง
เมื่อจิ้มถาดซิมออกมาแล้วตัวถาดเป็นแบบ triple slot คือสามารถใส่ได้ 2 ซิม (nano sim x 2) พร้อมกับ microSD อีก 1 แผ่น (เค้าเรียกเป็นแผ่นหรือเปล่าหว่า)
ส่วนด้านซ้ายเป็นปุ่มปรับเสียง vol up + vol down ซึ่งใน Android Nougat ถ้าหากจะจับหน้าจอก็สามารถกดปุ่มลดเสียง + เปิดเครื่องได้เลย หรือไม่ก็ใช้ 3 นิ้วลากลงพร้อมกันบนหน้าจอซึ่งเป็นฟีเจอร์ของ Color OS
กล้อง OPPO A71 มีความละเอียด 13 ล้านพิกเซล มาพร้อมไฟแฟลชอีกหนึ่งดวง สังเกตุดีๆ จะเห็นว่ามีรูเข็มอยู่ตรงนั้น นั่นคือไมค์ตัดเสียงซึ่งมือถือราคาปนะหยัดหลายๆ รุ่นไม่ค่อยมีมาให้ แต่อันนี้ OPPO ใส่มาให้ด้วย
ส่วนกล้องหน้ามีความละเอียด 5 ล้านพิกเซล หลายคนอาจจะแอบสงสัยว่าน้อยไปหรือเปล่าเพราะปกติ OPPO มักจะให้กล้องหน้ามาดุเดือดกว่านี้ แต่จากที่ได้ลองถ่ายดูแล้วแม้พิกเซลจะไม่เยอะ แต่ก็ยังเนียนใสได้อยู่ เพราะ software กล้อง Beautify ยังสามารถทำงานได้ดี (ไว้ลองไปดูตัวอย่างภาพด้านล่าง) และที่เห็นสัญลักษณ์ VoLTE บนหน้าจอนั่นหมายความว่า OPPO A71 รองรับการใช้งานเสียงผ่านระบบ 4G LTE ด้วยนั่นเอง เพราะฉะนั้นก็ไม่ต้องตัดสัญญาณสลับไปมาระหว่าง 4G/3G เวลาใช้งาน
Software และการใช้งาน กับ Color OS 3 .1
OPPO A71 นี่ถือเป็นรุ่นแรกที่ droidsans ได้ทดลองใช้งาน Color OS 3.1 ที่มาบน Android 7.1 Nougat โดยการใช้งานทั่วไปนั้นยังมาในแบบที่แฟนๆ OPPO คุ้นเคย ทั้งในส่วนของแอปต่างๆ การปัดเลื่อนหน้าจอนั้นลื่นไหล เรื่องการออกแบบความเนียนอันนี้ผ่าน แต่อย่างนึงที่หลายๆ คนอาจจะต้องปรับตัวคือแผงควบคุมที่มี toggle switch เปิดปิดฟังก์ชั่นต่างๆ นั้น นั้นถูกย้ายลงมาด้านล่าง! T T
บอกตรงๆ แอบเสียความรู้สึกเล็กๆ ว่าทำไมต้องไปทำแบบ iPhone ด้วย ซึ่งกว่าผมจะชินก็ใช้เวลาไปหลายวันเลย เพราะไม่ถนัดกับการปัดขึ้นมาจากด้านล่าง เผลอเมื่อไหร่ก็สไลด์จากด้านบนลงมาตลอดซึ่งก็พบแต่แถบแจ้งเตือน T T
อีกหนึ่งฟีเจอร์ใหม่ที่มาพร้อมกับ Color Os 3.1 นั่นก็คือการแบ่งหน้าจอเปิด 2 แอปไปพร้อมกัน ซึ่งอันนี้เรียกว่า split screen ตอนแรกผมก็หาวิธีเปิดตั้งนาน กดปุ่ม recent app ค้างเท่าไหร่ก็ไม่มา
เลยลองไปคุ้ยดูใน setting ส่วนของการตั้งค่าเพิ่มเติม เลยเห็นว่ามันถูกปิดเอาไว้อยู่ ก็เลยงงว่าทำไมไม่เปิดมาให้ใช้งานได้เลยก็ไม่รู้เหมือนกัน
เพราะจากที่ลองดูเปิดแล้วก็ยังใช้งานได้ลื่นอยู่ คือถ้าเปิดมาแล้วกระตุกเออ อั้นนั้นหนะควรปิด แต่นี่ใช้งานได้โอเค ไม่มีปัญหาอะไร ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่เปิดมาแต่แรก > <
ส่วนฟีเจอร์ลัดที่เป็น gesture ขีดเขียนหน้าจอที่หลายคนน่าจะใช้จนติดไปแล้วก็ยังมีให้ใช้ครบ ทั้งการวาด O เพื่อเข้ากล้อง หรือวาดตัว V เพื่อเปิดไฟฉาย (อันนี้ผมใช้บ่อย) แล้วก็ยังมีลาก 3 นิ้วลง เพื่อจับภาพหน้าจอเป็นอีก gesture ที่สะดวกมากๆ ไม่ต้องเอานิ้วไปคลำหาปุ่มกด
อีกฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามาคือโคลนแอป ที่เราสามารถแยกร่างแอปแชทอย่าง Whatsapp และ BBM ออกมาเป็นแอปแยกอีกหนึ่งอันได้ เรียกว่าใช้งานได้ 2 ไอดี บนเครื่องเดียวนั่นเอง แต่น่าเสียดายที่ยังไม่รองรับแอปยอดนิยมในบ้านเราอย่าง LINE (แต่ไม้ต้องกังวล ลงแอปเสริม Go Multiple ได้)
นอกจากนั้นยังมีตัวช่วยจัดการตัวเครื่อง ทั้งทำความสะอาด, เคลียร์ขยะ, ล้าง RAM, สแกนไวรัส มาในตัว เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นก็อย่าไปลงพวกแอปเสริมหลอกลวงทั้งหลาย ที่บอกว่ลงแล้วแบตอึด ลงแล้วเครื่องเร็วนะครับ เค้ามีมาให้แล้ว
ประสิทธิภาพและการเล่นเกม
OPPO A71 นั้นใช้ชิป MTK6750 ทำคะแนนออกมาได้ราวๆ 42000 ซึ่งพอเอามาลองเล่นเกมอย่าง ROV ก็สามารเล่นได้ แต่ที่น่าแปลกใจคือเปิดกราฟิคจนสุดแล้ว ก็ยังไหว
ปกติชิป MTK6750 ที่เราเคยลองนั้นหากเปิดเต็มที่แบบนี้พร้อมเค้าโครง เฟรมเรทจะร่วงไปต่ำกว่า 20 แต่ A71 ยังพอเล่นได้ และวิ่งได้ 29-30 fps จะมีหล่นมาราวๆ 22fps ตอนบวกกันดุๆ
แต่ถ้าหากอยากได้ประสบการณ์การเล่นที่เนียนๆ หน่อย ก็คงต้องยอมปิดเค้าโครงไปนะครับ แบบนั้นเฟรมเรทจะนิ่งกว่า 29-30 แทบตลอดเกม ตอนบวกกันก็หล่นมาราวๆ 25fps
แต่ที่น่าสนใจคือให้เซนเซอร์มาครบมากๆ มีหมด Gyroscope และ Light sensor นอกจากนั้นยังมีเข็มทิศ Magneto meter มาให้อีก ทำให้การนำทางและ GPS ถือว่าครบกว่าหลายๆ รุ่นในราคาใกล้ๆ กัน
กล้องและตัวอย่างภาพถ่าย
กล้อง OPPO A71 กับความละเอียด 13 ล้านพิกเซลนั้นก็ถือว่าถ่ายภาพได้ดีครับ แต่จะให้ไปเทียบกับรุ่นแพงๆ อย่าง R9s อันนี้ก็คงคนละชั้นกันเกินไป เพราะไหนจะเรื่องของขุดเลนส์และเซนเซอร์ที่ใช้นั้นต่างกััน แต่ภาพที่ได้ออกมานั้นก็ถือว่าใช้งานได้ แชร์ดี สีสันอาจจะไม่ได้สดมาก ส่วนเรื่องรายละเอียดในที่แสงจัดๆ ดีๆ นี่ก็พอเก็บได้บ้าง แต่ถ้าแสงน้อยก็เริ่มมีนอยส์ให้เห็นพอควร
UI โหมดกล้องยังเหมือนเดิม มีฟีเจอร์ให้ครบเหมือนรุ่นพี่ๆ ทั้งโหมดย่นเวลา การถ่ายวิดีโอ โหมดบิวตี้ พาโนรามา และมีโหมดโปรมาด้วย
โหมด HDR นั้นสามารถเปิดแบบ Auto ได้ซึ่งภาพ HDR ของ OPPO A71 นั้นผมถือว่าค่อนข้างโอเคกว่าหลายรุ่นในช่วงราคา 5,000-6,000 บาท คือมันปรับแสงขึ้นมาได้เนียนกว่า ขอบของส่วนที่ปรับไม่กินกันเป็นปื้น
ส่วนปุ่ม 1x ที่กดแล้วกลายเป็นซูม 2x อันนี้เป็น digital zoom นะครับ แค่มีปุ่มให้กดง่ายขึ้น เอานิ้วถ่างเอาก็ได้ผลเหมือนกัน
ตัวอย่างภาพถ่าย OPPO A71 (คลิกดูภาพใหญ่ได้)
ตัวอย่างภาพ Selfie กล้องหน้า A71 (คลิกดูภาพใหญ่ได้)
สรุปการใช้งาน OPPO A71
หลังจากที่ได้ลองใช้แบบเต็มๆ มา 2-3 วัน เรื่องของแบตเตอรี่นั้นหายห่วง ความจุ 3000 มิลลิแอมป์กับหน้าจอ HD นั้นถือยาวๆ ทั้งวันได้สบายๆ เสียงสนทนาดี มีไมค์ตัดเสียงปลายสายก็ไม่ค่อยบ่น ringtone ก็ดังได้ยินชัดเจน เรียกว่าตอบโจทย์คนใช้โทร ส่วนด้านการทำงานของตัวเครื่องนั้น UI ปรับแต่งมาได้ลื่นไหล แบ่งหน้าจอได้เนียนๆ ยังไม่เจออาการค้างหรือกระตุกให้เห็น แต่ตอนเปิดแอปหรือเกมหนักๆ ครั้งแรกก็จะช้าหน่อย รวมถึงเวลาสลับแอปทำงานก็อาจจะมีช่วงนิ่งไปแว้บๆ เพราะ CPU นั้นไม่ได้แรงมาก แต่รวมๆ แล้วสเปคกับราคาถือว่า OPPO A71 นั้นก็น่าคบหาอยู่เหมือนกัน และจุดแข็งกล้องหน้าเซลฟี่ยังไว้ใจได้ครับ
สเปค OPPO A71
- Color OS 3.1 (บน Android 7.1 Nougat)
- หน้าจอ 5.2 นิ้ว TFT ความละเอียด HD
- ROM 16GB
- RAM 3GB
- กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล
- กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล
- แบตเตอรี่ 3,000 มิลลิแอมป์
- ราคาเปิดตัว 5,990 บาท
- สีที่จำหน่าย ดำ ทอง
โปรโมชั่น AIS Hot Deal
ราคาตั้งของ OPPO A71 นั้นอยู่ที่ 5,990 บาทซึ่งถือว่าโอเคมากแล้ว แต่ช่วงนี้ AIS Hot Deal มีโปรส่วนลดเหลือเพียง 3,990 บาท โดยมีค่าบริการล่วงหน้า 1,000 บาทและมีแพ็กเกจเริ่มต้น 499 บาท ไม่ว่าจะเปิดเบอร์ใหม่ ย้ายค่ายเบอร์เดิม เปลี่ยนจากเติมเงินเป็นรายเดือน หรือลูกค้ารายเดือนเดิมก็สามารถรับดีลพิเศษนี้ได้ด้วยครับ
เป็นอีก1ตัวเลือกครับ
ย้ายแอพไป sd memory ไม่ได้