Redmi Buds 5 Pro หูฟังไร้สาย True Wireless รุ่นใหม่มาแล้ว โดยรอบนี้กลับมาพร้อมดีไซน์ที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมนิดหน่อย กับสเปคที่ได้รับการอัปเกรดใหม่อย่างระบบตัดเสียงรบกวนที่ดีขึ้นจากในรุ่นก่อน แถมยังรองรับ Codec หลากหลาย ทั้ง LDAC และ LDHC 5.0 ที่สามารถฟังไฟล์เสียงคุณภาพ Hi-Res ได้แบบเต็มอิ่ม ในราคา 2,690 บาท และวันนี้เราก็ได้มารีวิวเป็นที่เรียบร้อย

Unbox แกะกล่อง ชมดีไซน์ Redmi Buds 5 Pro

Redmi Buds 5 Pro มาในกล่องสีขาวสุด Simple ที่ภายในบรรจุตัวหูฟัง, จุกหูฟัง 2 คู่ ทั้งขนาดเล็ก และขนาดใหญ่ และมีสายชาร์จ USB-C มาให้ 1 เส้น

ตัวหูฟังที่เราได้มานั้นเป็นสีขาว Moonlight White ที่มากับเคสพื้นผิวเงางามดูมินิมอล เป็นรอยขนแมวง่ายพอสมควร ซึ่งถ้าใครซีเรียสเรื่องนี้ก็ยังมีสีดำ Midnight Black และสีม่วง/เขียว Aurora Purple ที่เป็นพื้นผิวแบบด้านให้เลือกซื้อกันด้วย

ภาพรวมเคสรุ่นนี้ยังคงคล้ายกับในรุ่นเดิม แต่จะมีการเปลี่ยนดีไซน์ไฟ LED แสดงสถานะหน้าเคสให้เป็นแบบยาว โดยปุ่ม Pair จะถูกที่ด้านล่างข้าง ๆ USB-C เหมือนเดิม (ซึ่งแอบกดยากพอสมควร) ด้านหลังมีโลโก้ Redmi สลักไว้สวย ๆ

ในรุ่นนี้ยังคงทำฟีลลิ่งการเปิดฝามาได้ดีเหมือนเดิม แม่เหล็กฝาดูดติดแน่นไม่หลุดออกมาง่าย ๆ ส่วนตัวหูฟังในรอบนี้ยังคงมาในดีไซน์จุก In-Ear คล้ายเดิมเช่นกัน แต่จะเปลี่ยนตรงก้านด้านตัวหูฟังนิดหน่อย โดยได้ใช้วัสดุลวดลายหินอ่อนเพื่อเสริมความสวยงามให้กับตัวหูฟัง และยังรองรับการสัมผัสเพื่อสั่งการ และมีโหมด Ear Detection เพื่อตรวจจับการใส่และถอดหูฟังด้วย

แต่ละข้างของหูฟังจะมากับไมค์ 3 ตัว ทำงานร่วมกับ AI ช่วยตัดเสียงรบกวนสนทนาให้ฝ่ายตรงข้ามได้ยินเราได้ชัดเจนมากขึ้น ตัวหูฟังกระชับกับหู ใส่ได้นาน และน้ำหนักเพียงแค่ 5.1 กรัม เท่านั้น ใส่ได้สบายทั้งวัน อีกทั้งยังรองรับมาตรฐานทนละอองน้ำ IP54 ด้วย

เชื่อมต่อรวดเร็ว Codec สุดจัด รองรับ Fast Pair

Redmi Buds 5 Pro รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.3 รองรับทั้งการเชื่อมต่อแบบ Dual Connection เชื่อมต่อสองเครื่อง สลับใช้งานไปมาได้สะดวก (ต้องเข้าไปเปิดตั้งค่าในแอป Xiaomi Buds ก่อนใช้งาน) แถมยังรองรับทั้ง Google Pair แค่เปิดฝาก็ขึ้นเมนูเชื่อมต่อให้กดปุ่มทันที ทั้งในมือถือ Android และ Windows PC

ส่วน Audio Codec ที่รุ่นนี้รองรับแบบครบ ๆ ทั้ง LDHC 5.0 และ LDAC (Hi-Res Audio Wireless) ทำให้ฟังเพลงแบบลดทอนคุณภาพเสียงน้อยมาก ๆ ด้วย แต่ทั้งนี้อุปกรณ์ที่เราจะเชื่อมต่อต้องรองรับ Codec ดังกล่าว รวมถึงฟังเพลงผ่านไฟล์ หรือแอปสตรีมมิ่งที่รองรับ Bitrate สูง ๆ อย่าง Apple Music หรือ Tidal ด้วยนะ

สัญญาณเสถียรมั้ย?

หากฟังในโหมด Codec มาตรฐานอย่าง AAC Redmi Buds 5 Pro ถือว่าไร้ที่ติ เชื่อมต่อง่าย เชื่อมต่อไว แม้ในที่ที่ผู้คนหนาแน่น เช่นบนสถานีรถไฟฟ้าตอนเช้า ๆ แต่ถ้าเชื่อมต่อผ่าน LDAC เมื่ออยู่ในพื้นที่ที่คนหนาแน่น อาจมีอาการเสียงกระตุกบ้างบางจังหวะ

แอป Xiaomi Buds ตั้งค่าได้หลากหลาย โหมดการใช้งานเพียบ

Redmi Buds 5 Pro รองรับการเชื่อมต่อ ดูปริมาณแบตเตอรี่ของหูฟัง รวมถึงรองรับการควบคุมและตั้งค่าผ่านแอป Xiaomi Buds (โหลดได้ทั้งระบบ Android และ iOS) โดยภายในแอปจะมีให้เลือกตั้งค่าทั้งการเปิดปิดโหมด Transparency และโหมดตัดเสียงรบกวน Noise Cancellation ผ่านหน้าแรกของตัวแอปได้เลย

นอกจากนี้ ตัวแอปยังสามารถเปลี่ยนคำสั่งผ่านการสัมผัสตัวหูฟัง ทั้งข้างซ้ายและข้างขวาได้ตามสะดวก และถ้าหากทำตัวหูฟังหล่นหาย หาไม่เจอ ก็สามารถสั่งให้แอปเปิดเสียงที่ตัวหูฟังเพื่อตามหาได้ง่าย ๆ อีกทั้งยังตั้งค่าให้รับสายอัตโนมัติหากมีคนโทรเข้ามาแล้วเรากำลังใส่หูฟังอยู่ด้วย

ส่วนโหมดเสียงที่มีให้เลือกปรับนั้น จะมีทั้งโหมด Adaptive Sound ที่สามารถปรับระดับเสียงคอนเทนต์ที่ฟังได้อัตโนมัติตามรูปหู และเสียงบรรยากาศรอบ ๆ ด้าน มีโหมด Immersive Sound ช่วยเพิ่มมิติเสียง 360 องศา เหมือนนั่งฟังอยู่ในที่โล่ง ๆ กว้าง ๆ แต่ใช้งานจริงอาจจะทำได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะเสียงจะค่อนข้างก้อง ๆ ฟังในโหมดปกติน่าจะดีกว่า

ระบบเสียงมีอะไรใหม่ เสียงดีรึเปล่า?

Redmi Buds 5 Pro มีการออกแบบไดรเวอร์ใหม่ในรูปแบบ Coaxial Dual Driver ซึ่งภายในจะประกอบไปด้วย ไดรเวอร์เบสเคลือบไทเทเนียมขนาด 11 มม. และเพียโซอิเล็กทริกเซรามิกทวีตเตอร์ขนาด 10 มม. ที่ทางแบรนด์เคลมว่า ช่วยให้เสียงคมชัดกว่าเดิม

ซึ่งจากที่ลองฟังดูแล้ว Redmi Buds 5 Pro ถือว่าเป็นอีก 1 รุ่น เสียงใช้ได้ในราคาไม่เกิน 3,000 บาท โดยเสียงจะมาในโทนกลาง ๆ เบสชัดเป็นลูก ๆ ไม่บวมกลบย่านอื่น ฟัง Live Album ค่อนข้างสนุก เสียงร้องชัด แต่เวทีเสียงไม่ค่อยกว้างสักเท่าไหร่ แต่จริง ๆ ก็ถือว่าดีมาก ๆ แล้วในระดับราคานี้

ส่วนเรื่องการตัดเสียงรบกวน ในรุ่นนี้สามารถปรับผ่านแอปได้ 3 ระดับ ได้แก่ ระดับ Light, Balance และ Deep และมีโหมด Adaptive ที่สามารถตัดเสียงรบกวนตามสภาพแวดล้อมได้อัตโนมัติ โดยทาง Redmi เคลมว่ารุ่นนี้สามารถตัดเสียงรบกวนได้ถึง 52dB/4kHz เลยทีเดียว

และเมื่อลองใช้จริงแล้ว Redmi Buds 5 Pro ถือว่าตัดเสียงรบกวนได้ดี แทบไม่ได้ยินเสียงพูดคุยต่าง ๆ รอบตัว แต่อาจจะเก็บพวกเสียงย่านแหลม ๆ เช่น เสียงพิมพ์คีย์บอร์ด หรือเสียงท่อมอเตอร์ไซค์ได้ไม่ละเอียดนัก

ไมโครโฟนชัดมั้ย?

สำหรับใครที่ซื้อไปวิดีโอคอล หรือเน้นใช้โทรศัพท์เป็นหลัก Redmi Buds 5 Pro มาพร้อมกับไมโครโฟน และไมโครโฟนตัดเสียงข้างละ 3 ตัว พร้อมระบบ AI ที่ถือว่าให้เสียงที่คมชัด ดีเยี่ยมในที่ ๆ มีเสียงรบกวนต่ำ

แต่ในที่ที่มีเสียงดัง ๆ เช่น ข้างถนนที่รถวิ่งสวนไปมา จากที่ได้ทดสอบพบว่ายังพอได้ยินเสียงพูดคุย ฟังพอรู้เรื่อง แต่เสียงจะมีความเบาลงไประดับหนึ่ง และเสียงจะดูสังเคราะห์มากกว่าปกติ เพราะมีการใช้ AI เข้ามาช่วยในการตัดรบกวน โดยสามารถฟังเสียงทดสอบไมโครโฟนได้ในคลิปที่แนบไว้

แบตเตอรี่อยู่ได้นาน

Redmi Buds 5 Pro มากับแบตเตอรี่ขนาด 480 mAh ที่กล่องชาร์จ และที่หูฟังข้างละ 54 mAh โดยทางแบรนด์เคลมว่าใช้งานหูฟังได้นานสูงสุด 10 ชั่วโมง และ 38 ชั่วโมง เมื่อใช้ร่วมกับเคสชาร์จ รองรับการชาร์จผ่าน USB-C ชาร์จเพียง 5 นาที ใช้ได้นาน 2 ชั่วโมงเลย

แต่อย่างไรก็ตาม ตัวเลขที่ Redmi เคลมมาเป็นตัวเลขที่ทดสอบการเชื่อมต่อผ่าน Codec AAC เปิดเสียงไว้ที่ 50% และปิดโหมด ANC รวมถึง Transparency ซึ่งการใช้งานจริงหากเชื่อมต่อ LDAC พร้อมเปิด ANC อายุการใช้งานน่าจะลดหลั่นกันไปพอสมควร

สรุปการใช้งาน Redmi Buds 5 Pro

Redmi Buds 5 Pro ถือเป็นอีกหูฟัง True Wireless อีก 1 รุ่น ที่ราคาคุ้มค่ามาก ๆ กับสเปคที่ได้ ทั้งในเรื่องการตัดเสียงรบกวน และไมโครโฟนสนทนาที่ทำได้ค่อนข้างดี และเสียงที่มาในโทนกลาง เบสชัดเป็นลูกฟังสนุกทุกแนว รองรับ LDAC แถมตัวหูฟังยังทนน้ำทนฝุ่น IP54 ในราคาที่ถือว่าใช้ได้เลย

แต่สิ่งที่รู้สึกว่าแอบขัดใจอยู่นิดหน่อย คือเรื่องของตำแหน่งปุ่ม Pair ที่แอบกดลำบากนิดหน่อย รวมถึงสัญญาณเมื่อเชื่อมต่อผ่าน LDAC แล้วอาจจะมีกระตุกบ้างในพื้นที่ที่มีคนหนาแน่น ซึ่งอาจจะทำให้ขัดจังหวะในขณะฟังได้นั่นเอง

ราคา และการวางจำหน่าย

Redmi Buds 5 Pro วางจำหน่ายแล้ว โดยมีให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีขาว Moonlight White, สีดำ Midnight Black และสีม่วง/เขียว Aurora Purple ในราคา 2,690 บาท เท่านั้น ใครสนใจสามารถไปหาซื้อกันได้นะ