หิ้วจากนอกมาเพื่อรีวิวโดยเฉพาะกับนักฆ่าเรือธง Redmi K20 Pro (หรืออีกชื่อหนึ่ง Mi 9T Pro) ที่ต้องบอกเลยว่าคราวนี้พี่แกไม่ได้มาเล่นๆ ยัดสเปคมาเต็มเหนี่ยวไม่มีกั๊ก จอใหญ่เต็มลูกตาไร้ติ่งรบกวนใจ กล้องหลัง 3 ตัวครบทุกช่วง CPU Snapdragon 855 ลื่นไหลทุกเกมทุกแอพ ในราคาไม่ถึง 15,000 บาท (บ้าไปแล้ว ไม่รู้ว่าขายได้ยังไง) ส่วนผลการรีวิวจะเป็นยังไงนั้นลองเข้าไปดูข้างในกันเลยครับ

สเปค Redmi K20 Pro

  • หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.39 นิ้ว ความละเอียด 2340 x 1080 FHD+ (403 ppi)
  • CPU : Snapdragon 855 Octa Core (7 nm)
  • GPU : Adreno 640
  • RAM :  8 GB
  • ความจุ :  128 GB
  • กล้องหลัง :  เลนส์หลัก 48 MP, f 1.8, 26mm / เลนส์เทเล 8 MP, f 2.4, 53mm 2x optical zoom / เลนส์อัลตร้าไวล์ 13 MP, f/2.4, 12mm (ultrawide)
  • กล้องหน้าป๊อปอัพ : 20 MP f/2.2, 0.8µm
  • ระบบเสียง : ลำโพง 1217SLS, มีรูหูฟัง 3.5 มม., Hi-res Audio, AMP
  • การเชื่อมต่อ : Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band, Wi-Fi Direct, hotspot, BT 5.0, USB-C
  • เซนเซอร์ : Fingerprint (บนหน้าจอ), Accelerometer, Gyro, Proximity, Compass
  • แบตเตอรี่ : 4,000 mAh รองรับชาร์จไว 27W
  • ระบบ : Android 9.0 ครอบด้วย MIUI 10
  • ขนาด : 156.70 x 74.30 x 8.80 มม.
  • น้ำหนัก : 191 กรัม
  • ราคา : หิ้วเองประมาณ 13,000 – 15,000 บาท (เครื่องนอก)

ดีไซน์ตัวเครื่อง

Redmi K20 Pro เครื่องที่ทีมงานได้มารีวิวนั้นเป็นสีแดง ลวดลายฝาหลังจะเป็นเหมือนลายไฟ ออกโทนดำแดง ถือลองจับดูงานประกอบทำได้ดีมาก ผิวไม่ลื่นเท่าไร แต่ก็เป็นรอยนิ้วมือง่ายหน่อยด้วยความมันเงา ปุ่มปลดล็อคเพิ่มเสียงลดเสียงแข็งแรงแน่นไม่มีโยกเยก หน้าจอตัวเครื่องเป็นแบบ Gorilla Glass 5 ขนาด 6.39 นิ้ว ความละเอียด FHD+ สัดส่วน 19.5:9 มีขอบจอบางเฉียบไร้ติ่ง เพราะใช้กล้องหน้าแบบป๊อปอัพ โดยหน้าจอถือเป็นอัตราส่วนที่ 92% เลยทีเดียว และตัวเครื่องเลือกใช้เซนเซอร์สแกนนิ้วมือบนจอรุ่นล่าสุดปลดล็อคเร็วมาก

ด้านบนตัวเครื่องจะมีช่องเสียบหูฟัง กล้องหน้าป๊อปอัพ และไมค์โครโฟน ด้านหลังจะมีกล้อง 3 ตัว และแฟลชไฟสองดวง ด้านขวาตัวเครื่องจะมีปุ่มเพิ่มเสียงลดเสียง กับปุ่มล็อคหน้าจอ ทางด้านซ้ายจะเรียบๆ ไม่มีอะไร ส่วนทางด้านล่างก็มีช่องใส่ซิม รูเสียบสายชาร์จแบบ Type C ไมโครโฟนและรูลำโพง

การใช้งาน

เนื่องจากเครื่องที่ทีมงานได้มารีวิวเป็นเครื่องนอก Rom จีนทำให้หลายๆ อย่างอาจจะใช้งานได้ไม่คล่องตัวนักเพราะไม่มี Google PlayStore งานนี้เลยต้องจับเอา Redmi K20 Pro มาลง Play Store กันก่อน โดยเข้าไปที่ App Store แล้วมันจะมีแอปช่วยติดตั้ง PlayStore มาให้แบบอัตโนมัติ พอลงแล้วก็สามารถใช้ได้เหมือน Android เครื่องอื่นปกติ รองรับการพิมพ์ไทยอ่านไทยได้ปกติ (แต่ไม่มีเมนูไทยนะ) จากการใช้งานพื้นฐานสามารถเปิดหลายแอพพื้นฐาน Facebook, Line, IG, YouTube สลับไปมาได้ลื่นไหลไม่มีอาการสะดุด ค้าง ช้า ให้เห็นเลย

เคสที่ให้มาในกล่องคุณภาพถือว่าดีกว่าที่คิด เป็นแบบกึ่งๆ Hard Case โดยคลุมด้านข้างของตัวเครื่องทั้งหมด (ปุ่มกดด้วย) เหลือพื้นที่ด้านบนกับด้านล่างไว้ ผิวสัมผัสค่อนข้างลื่นไปนิด เวลาถือจับอาจจะตกหล่นได้ง่าย แนะนำว่าควรหาเคสที่ทำมาคลุมบอดี้ทั้งหมดมาใช้จะดีกว่า ถ้าตกแบบหัวหรือท้ายลงมีเสียวแน่นอนครับ

การดูหนังฟังเพลงตัว Redmi K20 Pro ที่ตัวเครื่องมาพร้อมกับระบบเสียงแบบ Hi-Res  ลำโพง 1217SLS  ที่ใช้ในรุ่นพี่ Xiaomi Mi 9 เพื่อเพิ่มความหนักแน่นของเบสให้มากขึ้น หน้าจอสีสันคมชัด แต่อาจจะติดที่ไม่สามารถดู Netflix HD ได้ เพราะ ตัวเครื่องเป็น DRM Widevine L3 ตามสไตล์เครื่องจีน

การนำทางเมื่อเอาไปใช้งานข้างนอกใช้งานในที่แดดจ้า ก็สามารถทำได้สบายๆ ความสว่างของหน้าจอก็ถือว่าดี มองเห็นชัดโดยไม่ต้องเพ่ง เอาไปติดรถ ติดมอไซค์เปิด GPS ได้ โดยตัวเครื่องให้ GPS มาเป็นแบบ Dual แม่นยำใช้งานได้จริง

ตัวเครื่องสามารถตั้งโหมดได้ว่าจะเอาปุ่มนำทางหรือ Navigation Bar ไว้ (สลับปุ่ม Back และ Recent App ได้) หรือจะใช้ Fullscreen mode แบบ Gesurte ใช้นิ้วปัดๆ ไถๆ แล้วแต่ความถนัด

กล้องถ่ายภาพ

ยุคของกล้อง Xiaomi ถ่ายรูปไม่สวยนั้นผ่านไปแล้ว เพราะตั้งแต่ Mi 8, Mi Mix 2s เราได้เห็นการพัฒนาในเรื่องกล้องมาโดยตลอด แน่นอนว่า Redmi K20 Pro ก็ถ่ายได้ดีขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของกล้องหลักเลนส์ ที่ให้ภาพถ่ายที่ได้ค่อนข้างสมจริงออก แต่โทนสีอาจจะอ่อนหน่อยๆ แบบธรรมชาติ โดยมีโหมดลูกเล่นต่างๆ มากมายไม่ว่าจะเป็น HDR, Portrait, AI, ถ่ายภาพ 48M ล้าน, Night Mode, Panorama เยอะจนเล่นกันไม่หมดเลยทีเดียว

วิดีโอกล้องหลังตัวเครื่องสามารถถ่ายได้สูงสุด 4K 60FPS แถมมี Image Stabilization มาให้ด้วย แต่จากที่ลองดูแล้วระบบกันสั่นยังใช้ไม่ได้กับ 4K 60FPS ต้องเลือก 30fps ยังได้อยู่ หากอยากจะถ่าย 60fps แนะนำถ่ายแค่ Full HD พอถ้าไม่ได้มีไม้กันสั่น ส่วนกล้องหน้าถ่ายได้สูงสุด Full HD 30FPS

ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหลัง

ดูรูปไฟล์ขนาดเต็มได้ >>ที่นี่<<

เปรียบเทียบ Night Mode กับปิด Night Mode (ซ้ายเปิด – ขวาปิด)

เปรียบเทียบภาพเลนส์แต่ละช่วง (เรียง Wide – Normal – Tele)

ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหน้า

กล้องหน้าตัวเครื่องจะเป็นแบบกล้องป๊อปอัพพร้อมมีไฟสีแดงเวลาสลับกล้อง ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล f/2.2

(เรียง ใช้ Auto ธรรมดา, Portrait ปรับ F ซ้ายสุด, Portrait ปรับ F ตรงกลาง, Portrait ปรับ F ขวาสุด)

ทดสอบประสิทธิภาพ

Redmi K20 Pro มาพร้อมกับชิปเซ็ต Snapdragon 855 ระดับท็อป พร้อม Ram 8 GB ใช้งานลื่นไหลทุกแอพ ตั้งแต่ใช้งานมายังไม่เจอค้างหรืออาการกระตุกให้กวนใจ และเรื่องของการทัชก็สามารถทำได้ติดมือไม่มีติดขัด ผลการทดสอบด้วย AnTuTu ได้คะแนนอยู่ที่ 369,848 คะแนน, ผลทดสอบ 3D Mark แบบ Slingshot Extreme OpenGL ได้ไป 5,060 คะแนน ส่วน Vulkan ได้ 4,232 คะแนน และ AndroBench ที่ใช้ความจุเป็น UFS 2.1 มีความเร็วในการอ่าน 857.75 MB/s และการเขียน 192.6 MB/s

ทดสอบเล่นเกม ROV ปรับสุดเปิด High FPS ได้ FPS เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 60-61 FPS ตลอด นิ่งแทบไม่มีตกเลย ส่วนการทัชก็ลื่นไหลไม่มีเพี้ยนหรือลั่น

ส่วนเกม PUBG ค่า default ที่เกมตั้งให้ตอนเล่นครั้งแรกก็เป็นแบบ High Setting พร้อมกับปรับในเกมเป็น HDR และ Ultra ก็สามารถทำได้ลื่นไหล ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด

**ความร้อนตัวเครื่องเมื่อเล่นไปนานๆ ก็ถือว่าร้อนแต่ไม่มากเท่าไร ไม่ได้ร้อนจนรู้สึกว่ามันเป็นปัญหา

แบตเตอรี่

ตัวเครื่อง Redmi K20 Pro แบตเตอรี่ 4,000 mAh ถือว่าให้มาเยอะพอสมควร ซึ่งจากการใช้งานตลอดทั้งวันจากแบตเต็ม 100% เอามาปล่อย Hotspot, เล่นเกม ROV + PUBG, ดู YouTube และเปิด GPS เอาไปนำทาง บอกเลยว่าสามารถใช้งานได้อย่างสบายๆ เหลือๆ เพียงพอต่อการใช้งานหนึ่งวันแบบเต็มที่ แถมยังรอดไปวันที่ 2 มีแบตเหลือราว 30% ส่วนของอะแดปเตอร์ตัวเครื่องให้มาเป็นแบบ 18W กับสายชาร์จ Type C สีขาวปกติ จาก 0% ถึง 100% ใช้เวลาชาร์จประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาทีครับ

สรุป

จากการใช้งาน Redmi K20 Pro มาตลอด 1 สัปดาห์ส่วนตัวประทับใจมาก เรียกได้ว่า ณ เวลานี้น่าจะเป็นมือถือที่ใช้สเปค Snapdragon 855 ที่ถูกที่สุดในตลาดแล้ว ซึ่งมีราคาแค่หมื่นต้นๆ เท่านั้น ถ้าเป็นอินเตอร์แบรนด์สองสามหมื่นอัพ การใช้งานโดยรวมเล่นอะไรก็ลื่น ไม่มีค้างหรือสะดุด จนไม่รู้จะติอะไร แบตก็ถึกไว้ใจได้ หลักๆ ที่จะพอติได้คงเป็นเรื่องรอมที่เป็นภาษาจีน เมนูมีแค่ภาษาอังกฤษไม่มีภาษาไทย ซึ่งถ้าใครเป็นสายโมเอาไปลงรอม EU ได้น่าจะใช้งานได้ดีขึ้น

ดูรวมๆ แล้ว Redmi K20 Pro เหมาะกับคนที่อยากได้โทรศัพท์มือถือสเปคแรงระดับท็อปในราคาถูกที่สุด ที่สามารถทำได้ทุกอย่าง แต่อาจจะไม่ได้โดดเด่นเท่ารุ่นท็อปแบรนด์อื่น แต่ที่ตัวเครื่องให้มาก็ดีไม่น้อยแล้ว ซึ่งถ้าใครอยากได้ที่สเปคใกล้เคียงกันสายแรงคุ้มๆ ไม่อยากได้เครื่องหิ้วหรือรอมจีน ในไทยตอนนี้ก็จะมี Xiaomi Mi 9 ที่ใช้สเปค Snapdragon 855 เหมือนกัน ราคาก็ใกล้เคียงกัน โดยจะอยู่ที่ 16,999 บาท หรือในร้านค้าออนไลน์บางร้านหรือติดโปรบางเจ้าก็มีราคาไม่ถึง 15,000 บาทด้วยซ้ำ ซึ่งใจจริงแล้วทีมงานก็อยากแนะนำเครื่องศูนย์มากกว่า เพราะมีประกันและความมั่นใจในของมากกว่านั่นเองครับ

ข้อดี

  • สเปคแรงในราคาถูกที่สุดที่ได้ทั้ง Snapdragon 855 + Rom 128 GB + Ram 8 GB ในราคาแค่ หมื่นกลางๆ
  • ได้กล้อง 3 ตัว ความละเอียดสูงสุด 48 ล้านพิกเซล
  • กล้องหน้าป๊อปอัพ ได้จอเต็มฟูลสกรีนดิสเพลย์
  • ตัวเครื่องรองรับระบบเสียง Hi-res Audio และมีรูฟัง 3.5 มม
  • แบตเตอรี่อีดใช้ได้ ให้มา 4,000 mAh
  • ตัวเครื่องรองรับการชาร์จไวสูงสุด 27w (ในกล่องให้มา 18w)

ข้อพิจารณา

  • รอมจีน ไม่มีเมนูภาษาไทย และต้องลง PlayStore เอง
  • หาซื้อยาก ไม่มีประกันศูนย์ไทย ต้องซื้อเครื่องนอกเท่านั้น
  • ไม่รองรับการดู Netflix HD เพราะเป็นเครื่องจีน DRM Widevine L3