Xiaomi Redmi Note 12 Series ทั้ง 4 รุ่น ได้เดินทางมาถึงเมืองไทยเป็นที่เรียบร้อย ได้ข่าวว่าครั้งนี้จัดสเปคมาให้แบบคุ้ม ๆ ตามสไตล์ Redmi เหมือนเคย เราจะมารีวิวรุ่นเล็กที่มีดีไซน์ และประสิทธิภาพการทำงานได้น่าสนใจไม่แพ้รุ่นพี่กันเลย นั่นคือ Redmi Note 12 4G/ Redmi Note  12 5G มีจอแสดงผลขนาด 6.67 นิ้ว รีเฟรชเรท 120Hz แบตเตอรี่อึด 5000mAh รองรับชาร์จไว 33W ราคาเริ่มต้นเพียง 6,699 บาท และ 8,499 บาท มาดูกันว่าราคาจะคุ้มค่าตัวกันแค่ไหน

REDMI NOTE 12 4G

ดีไซน์โฉบเฉี่ยว ดูทันสมัย 

สัมผัสแรกที่ได้จับตัวเครื่อง มาในโทนสีเข้ม เข้าได้กับทุกสไตล์ และยังมีให้เลือกทั้งสีฟ้า Ice Blue, สีเขียว Mint Green, และสีเทา Onyx Gray โดยตัวที่เรานำมารีวิวเป็นสี Onyx Gray ให้ความรู้สึกดูแพง ดูทันสมัย ด้วยรูปลักษณ์แบบโฉบเฉี่ยว ขอบมีความบาง วัสดุผิวเป็นแบบด้าน พร้อมตัวเครื่องที่มีน้ำหนักกระชับมือ ทำให้พกพาง่าย

ด้านบนตัวเครื่องมีไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน และช่องเชื่อมต่อหูฟัง 3.5 มม. ส่วนด้านล่างมี ไมโครโฟนสนทนา, พอร์ต USB Type-C และลำโพง

และด้านซ้ายตัวเครื่องถาดซิมการ์ดใส่ได้ 2  SIMs, ด้านขวาป็นตำแหน่งปรับระดับเพิ่ม/ ลดเสียง และเปิด/ ปิดเครื่อง

 

หน้าจอ REDMI NOTE 12 มาพร้อมหน้าจอ AMOLED ความละเอียด FHD+ ขนาดใหญ่ 6.67 นิ้ว ช่วงสี DCI-P3 ให้สีสันของภาพได้สดใส คมชัด สามารถรับชมคอนเทนต์ หรือเล่นโซเชียลมีเดียได้อย่างสมูธ ด้วยอัตรารีเฟรชสูงสุดถึง 120Hz แถมยังปรับได้ 3 ระดับ ทั้ง 60Hz/90Hz/120Hz และยังมีโหมดถนอมสายตา SGS กับโหมดอ่านหนังสือมาให้ทุกคนได้ใช้งานกันด้วยค่ะ เรียกว่ามีประโยชน์มาก แถมยังปรับความสว่างได้ 1200 nits ถึง 4096 ระดับ ช่วยให้การหรี่แสงหน้าจอเป็นไปอย่างราบรื่น เมื่อแสงไฟรอบข้างเปลี่ยนแปลงกะทันหัน

ในเรื่องการรับชมความบันเทิง ดูได้ทุกสตรีมมิ่ง ไม่ว่าจะเป็น Netflix , Disney+ Hotstar, HBO GO และ prime video สามารถปรับสูงสุดแบบ Full HD ได้ ส่วนลำโพงของรุ่นนี้ฟังได้ในระดับทั่วไป ไม่ได้มีเสียงโดดเด่นอะไรมาก ให้เสียงในระดับเท่า ๆ กันหมด เสียงที่ออกมาดังชัดเจน

กล้องหน้าปรับบิ้วตี้ได้แบบฟรุ้งฟริ้ง 

ในเรื่องของการถ่ายเซลฟี่ใช้ความละเอียด 13MP ขนาดเซนเซอร์  (f/2.45) ใช้ดีไซน์แบบเจาะรูสำหรับวางกล้องเซลฟี่ จะเห็นว่าเมื่อถ่ายภาพออกมาให้รายละเอียดของผิวได้ดูดีไม่น้อย ผิวหน้าชัดทุกสัดส่วน ทั้งผิว เส้นผม หรือความชัดของกรอบหน้า โดยฟีเจอร์ที่ให้มาในเครื่องเรายังสามารถปรับโหมดบิวตี้ ให้สวยฟรุ้งฟริ้ง ผิวเนียน หน้าใสได้อีกด้วยนะ

โหมด PORTRAIT

โหมด Portrait ใน Redmi Note 12 สามารถปรับค่า f/stop คล้ายกล้องโปรได้ ถ้าเราอยากจะละลายฉากหลัง หรือเบลอหน้า หลัง ทางตัวแอปกล้องก็มีการตัดขอบให้เราได้ดูเนียนตาระดับนึงเลย

 

กล้องหลัก 50MP ถ่ายภาพได้ชัดทุกรายละเอียด

Redmi Note 12 มาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัว ประกอบด้วยกล้องหลัก 50MP (f/1.8) + กล้อง Ultrawide 8MP (f/2.2) + กล้อง Macro 2MP  (f/2.4) โดยให้เลนส์กล้องที่มีความกว้างเป็นพิเศษ ทำให้การถ่ายภาพเก็บได้ทุกรายละเอียด ทั้งภาพวิวทิวทัศน์ อาหาร สัตว์ และสิ่งของ ทั้งกลางวันกลางคืน แม้ในสภาพแวดล้อมที่มีย้อนแสง และแสงน้อย ก็ยังคมชัดในระดับที่น่าพอใจ เรียกว่าจะออกไปถ่ายรูปเล่นก็ทำได้สบาย

 

 

หรือจะปรับฟิลเตอร์ของโทนภาพให้ตรงใจก็ทำได้ง่าย ๆ 

อีกทั้งยังมี โหมดกลางคืน ช่วยให้เราถ่ายภาพได้ครบถ้วน แม้ในพื้นที่แสงน้อยมาก ๆ ก็ยังจัดการโทนภาพ ทั้งถนน รถ แสงไฟในช่วงค่ำคืนให้เราได้

การถ่ายวิดีโอ

รองรับการถ่ายสองความละเอียด สามารถปรับได้ทั้ง 720p 30fps กับ 1080P 30fps ทั้งกล้องหน้ากล้องหลัง สำหรับการถ่ายวิดีโอจะไม่มีระบบกันสั่นมาให้ เราจะมาทดลองเดินขณะถ่ายวิดีโอให้ดูกัน

Play video

Play video

 

สเปค REDMI NOTE 12 4G

  • หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2,400 × 1,080) รีเฟรชเรท 120Hz
  • CPU : Snapdragon 685
  • RAM (LPDDR4x) : 6GB
  • ความจุ (UFS 2.2) : 128GB รองรับ microSD (Hybrid)
  • กล้องหลัง 3 ตัว
    – กล้องหลัก 50MP
    – กล้อง Ultrawide 8MP
    – กล้อง Macro 2MP
  • กล้องหน้า : 13MP
  • การเชื่อมต่อ : 4G, WiFi 802.11a/b/g/n/ac, BT 5.0
  • เซนเซอร์ : Fingerprint (ข้างเครื่อง), Proximity Sensor, Ambient Light Sensor, Accelerometer, Electronic compass, IR Blaster, gyroscope
  • รูหูฟัง 3.5 มม.
  • มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น : IP53
  • แบตเตอรี่ : 5000 mAh รองรับชาร์จไว 33W
  • ระบบ Android 13 ครอบด้วย MIUI 14

 

Redmi Note  12 5G 

ดีไซน์หรูหรา จัดจ้าน มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง

สัมผัสแรกที่ได้จับตัวเครื่องจะรู้สึกแต่งต่างจากรุ่นด้านบน เพราะตัวเครื่องมีน้ำหนักที่กระชับมือค่อนข้างมาก แถมเวลาจับยังให้ความราบเรียบสบายมือ และยังมีให้เลือกทั้งสีฟ้า Ice Blue, สีเขียว Forest Green, และสีเทา Onyx Gray โดยตัวที่เรานำมารีวิวเป็นสี Forest Green เขียวจัดจ้าน ให้ความรู้สึกดูแพง ดูพรีเมียม แถมวัสดุผิวเป็นแบบเคลือบด้าน เวลาที่กระทบกับแสงให้ความสวยงาม แถมกรอบบาง มีน้ำหนักเบา พกพาไปไหนก็สะดวก

ด้านบนตัวเครื่องมีไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน และช่องเชื่อมต่อหูฟัง 3.5 มม. ส่วนด้านล่างมี ไมโครโฟนสนทนา, พอร์ต USB Type-C และลำโพง

และด้านซ้ายตัวเครื่องถาดซิมการ์ดใส่ได้ 2  SIMs, ด้านขวาเป็นตำแหน่งปรับระดับเพิ่ม/ ลดเสียง และเปิด/ ปิดเครื่อง

หน้าจอ REDMI NOTE 12 5G 

มาพร้อมหน้าจอ AMOLED ความละเอียด FHD+ ขนาดใหญ่ 6.67 นิ้ว ช่วงสี DCI-P3 ให้สีสันของภาพได้สดใส เที่ยงตรง สามารถรับชมคอนเทนต์ หรือเล่นโซเชียลมีเดียได้อย่างสมูธด้วยอัตรารีเฟรชสูงสุดถึง 120Hz แถมยังปรับได้สามระดับ ทั้ง 60Hz/90Hz/120Hz และยังมีโหมดถนอมสายตา SGS กับโหมดอ่านหนังสือมาให้ทุกคนได้ใช้งานกัน และปรับความสว่างได้ 1200 nits ถึง 4096 ระดับ ช่วยให้การหรี่แสงหน้าจอเป็นไปอย่างราบรื่น เมื่อแสงไฟรอบข้างเปลี่ยนแปลงกะทันหัน เหมือนกับรุ่นด้านบน

ในเรื่องการรับชมความบันเทิง ดูได้ทุกสตรีมมิ่ง ไม่ว่าจะเป็น Netflix , Disney+ Hotstar, HBO GO และ prime video ยังสามารถปรับเป็น Full HD ได้เหมือน Redmi Note 12

กล้องหน้าปรับผิวได้เนียนขั้นสุด 

ในเรื่องของการถ่ายเซลฟี่ใช้ความละเอียด 13MP ขนาดเซนเซอร์  (f/2.45) ใช้ดีไซน์แบบเจาะรูสำหรับวางกล้องเซลฟี่ จะเห็นว่าเมื่อถ่ายภาพออกมาให้รายละเอียดของใบหน้าได้ครบองค์ประกอบ โดยฟีเจอร์ที่ให้มาในเครื่องเรายังสามารถปรับโหมดบิวตี้ให้ผิวเนียนได้ขั้นสุด ลดได้ทั้งใต้ตา รอยสิว หรือจะปรับฟิลเตอร์ของโทนภาพก็ทำได้

 

โหมด PORTRAIT

โหมด Portrait ใน Redmi Note 12 5G ไม่สามารถปรับค่า f/stop ได้ แต่ถ้าเราเลือกโฟกัสไปที่ตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่ง ตัวกล้องจะประมวลให้เพื่อการทำการละลายฉากหลัง เรียกว่าใช้งานได้ในระดับทั่วไป

กล้องหลัก 48MP ถ่ายภาพได้ไม่น้อยหน้ารุ่นพี่ 

Redmi Note 12 5G มาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัว ประกอบด้วยกล้องหลัก 48MP (f/1.8) + กล้อง Ultrawide 8MP (f/2.2) + กล้อง Macro 2MP  (f/2.4) โดยให้เลนส์กล้องที่มีความกว้างเป็นพิเศษ ทำให้การถ่ายภาพเก็บได้ทุกรายละเอียด ทั้งกลางวันกลางคืน แม้ในสภาพแวดล้อมที่มีการย้อนแสง และแสงน้อย ก็ยังเห็นทุกอย่าง ถึงแม้ว่าภาพที่ออกมาจะมีนอยซ์ปะปนอยู่บ้าง แต่การถ่ายภาพก็ยังคงความเป็นธรรมชาติ ให้ค่าสีได้เที่ยงตรง

 

และรุ่นนี้ก็ยังปรับฟิลเตอร์ของโทนภาพ ที่เราชอบได้ตามต้องการ

ภายในกล้องมี โหมดกลางคืน ช่วยให้เราถ่ายภาพในพื้นที่แสงน้อยได้ดีกว่าโหมดปกติทั่วไป  ทั้งถนน รถ แสงไฟ หรือห้างสรรพสินค้ายามค่ำคืน

การถ่ายวิดีโอ

รองรับการถ่ายสองความละเอียด สามารถปรับได้ทั้ง 720p 30fps กับ 1080P 30fps ทั้งกล้องหน้ากล้องหลัง สำหรับการถ่ายวิดีโอจะไม่มีระบบกันสั่นมาให้ เราจะมาทดลองเดินขณะถ่ายวิดีโอให้ดูกัน

Play video

Play video

 

สเปค REDMI NOTE 12 5G

  • หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2,400 × 1,080) รีเฟรชเรท 120Hz
  • CPU : Snapdragon 4 Gen 1
  • RAM (LPDDR4x) : 6GB / 8GB
  • ความจุ (UFS 2.2) : 128GB / 256GB รองรับ microSD (Hybrid)
  • กล้องหลัง 3 ตัว– กล้องหลัก 48MP– กล้อง Ultrawide 8MP– กล้อง Macro 2MP
  • กล้องหน้า : 13MP
  • การเชื่อมต่อ : 5G, WiFi 802.11a/b/g/n/ac, BT 5.1
  • เซนเซอร์ : Fingerprint (ข้างเครื่อง), Proximity Sensor, Ambient Light Sensor, Accelerometer, Electronic compass, IR Blaster, gyroscope
  • รูหูฟัง 3.5 มม.
  • มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น : IP53
  • แบตเตอรี่ : 5000 mAh รองรับชาร์จไว 33W
  • ระบบ Android 13 ครอบด้วย MIUI 14

แบตเตอรี่อึด + การชาร์จ

แบตเตอรี่ของทั้งคู่ให้มาเท่ากันที่ 5000 mAh ในการใช้งานทั่วไป ต้องบอกว่าใช้งานได้เหลือเฟือ ไม่ว่าจะเล่นเกมตอนพักเที่ยง หรือดูวิดีโอ, รับชมคอนเทนต์ระหว่างวัน, ถ่ายภาพ, ถ่ายวิดีโอ, เล่นโซเชียล, ตอบแชทยาวๆ และเอาออกไปทำกิจกรรมข้างนอก ก็ใช้ได้จนหมดวัน ไม่ต้องกังวลใจเรื่องแบต  ยิ่งถ้าไม่ได้ใช้เล่นเกมเยอะ ก็อาจมีแบตได้ถึงสองวันเลย

เอามาทดสอบแบบเปิดหน้าจอไว้ตลอด ดูนารูโตะบน Netflix  2 – 3 ชม. พักไปเล่น Rov สัก 5 รอบ รวมถึงดูคอนเทนต์อื่น ๆ  หลังจากใช้งาน ต้ังแต่ เวลา 13.10 น. – 22.37 น. เป็นเวลา 9 ชั่วโมง พบว่าแบตเตอรี่เหลืออยู่ที่ราว ๆ 20%

 

ที่สำคัญยังมีการรองรับระบบชาร์จเร็ว 33W ทำให้เราเอนจอยกับสมาร์ทโฟนได้แบบไม่หลุดมูด แค่ชาร์จไม่นานแบตก็เขียวดั่งใจ ไม่จำเป็นต้องรอเป็นชั่วโมง ๆ อีกแล้ว

การใช้งานทั่วไป 

สำหรับการใช้งานทั่วไป ทั้ง Redmi Note 12 / Redmi Note 12 5G เราว่าถ้าใครเป็นสายอ่านการ์ตูน หรือ E-Book น่าจะปลาบปลื้มเป็นพิเศษ เพราะไม่รู้สึกปวดตาเลยค่ะ รวมไปถึงการไถฟีดอ่านข่าว เล่นโซเชียล เล่นเกม นั่งฟังเพลง ดูซีรีส์ ช้อปออนไลน์ก็ทำได้แทบครบ ทั้ง YouTube, Shopee, TikTok, Spotify, Facebook, twitter หรือแอปอื่น ๆ ที่ต้องการ เรียกว่าไม่มีปัญหา ยิ่งถ้าเอาออกไปทำกิจกรรมข้างนอกก็ไม่มีติดขัดใช้งานได้พอดิบพอดี และสเปคในระดับนี้ก็ทำได้น่าพอใจแล้ว

 

เล่นเกมได้น่าประทับใจ ไม่มีติดขัด

จากการทดสอบประสิทธิภาพของ Redmi Note 12 ในการใช้งาน พบว่าการเล่นเกม Rov ปรับสูงได้สบาย ไม่มีการกระตุกขณะเล่น แต่ถ้าปรับ Fps สูง เครื่องจะค่อนข้างร้อนถ้าเล่นติดกันนาน แนะนำให้ปรับปานกลางดีกว่า

ส่วนเกมที่ใช้การประมวผลสูง อย่าง Ragnarok Origin Global ไม่สามารถเล่นหรือปรับรายละเอียดให้สูงได้ แต่ถ้าเล่นเกมแล้วควรเปิดโหมด default

จากการทดสอบประสิทธิภาพของ Redmi Note 12 5G ในการใช้งาน พบว่าการเล่นเกม Rov สามารถปรับสูงได้เช่นกัน แถมตอนเล่นไม่มีอาการหน่วง เราเลยหยิบอีกเกมที่อลังการงานสร้างมาให้ชมกัน เพราะผู้พัฒนาเดียวกับ Genshin impact นั่นคือ honkai star rail

สำหรับเกมที่มีกราฟิกสูงมากจะเล่นไม่ได้ เพราะภาพมีอาการกระตุกไม่ค่อยลื่นไหลค่ะ แต่ถ้าปรับเป็นระดับกลางจะเล่นได้หายห่วง แต่ขอบอกว่าให้เล่นไปพักไปด้วยนะคะ ถ้าเล่นนานติดกันเครื่องจะค่อนข้างร้อน

สรุป

ถ้าคนไหนกำลังมองหามือถือ 4G / 5G ในราคาไม่แรง ทางเราขอแนะนำสองรุ่นนี้ให้เก็บไว้เป็นตัวเลือกได้เลยค่ะ เพราะสเปคที่ให้มากับราคา บอกเลยว่าคุ้มค่าการใช้งานได้เพียงพอแล้ว ให้มาครบทุกอย่าง สำหรับคนที่ต้องการมือถือจอสดใส เล่นลื่น ถ่ายภาพได้สวย + ถ่ายวิดีโอ และตัวเครื่องดีไซน์แบบพรีเมียมทันสมัยหันมาทาง Redmi Note 12 ได้ทันที 

ส่วนคนที่ต้องการมือถือ 5G แบบแรงๆ เล่นอะไรก็ไหลลื่น ถ่ายภาพได้ดี เล่นเกมได้ ดูหนังแล้วให้เสียงได้แน่นกว่า แถมตัวเครื่องดีไซน์แบบจัดจ้าน ไม่เหมือนใคร ก็มาที่ Redmi Note 12 5G ได้ทันที โดยแบตเตอรี่ทั้งสองรุ่นให้มาอึดเท่ากัน แถมรองรับชาร์จไว 33W ด้วย

จุดเด่น

  • หน้าจอ AMOLED ขนาดใหญ่ สีสวยสู้แดด
  • รีเฟรชเรทสูง 120Hz
  • สเปคเล่นเกมในปัจจุบันได้หมด (ขึ้นกับการตั้งค่า)
  • แบตเตอรี่อึด 5000 mAh ใช้ได้ข้ามวัน
  • ราคาไม่แรง
  • มีรูหูฟัง 3.5 มม.
  • สเปคเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป
  • กล้องหลังถ่ายภาพรวม ๆ ดูดีไม่น้อย
  • ระบบชาร์จไว 33W
  • รับชมรายการสตรีมมิ่งอย่าง Netflix หรืออื่น ๆ สามารถรองรับภาพแบบ Full HD
  • ดีไซน์สวย ดูแพง น่าหยิบใช้ แถมน้ำหนักเบา
  • จอถนอมสายตา
  • แถมหัวชาร์จ และสายให้ในกล่อง

จุดสังเกต

  • กล้องเซลฟี่ลูกเล่นน้อย
  • สเปคเหมาะสำหรับเล่นเกมทั่วไป เล่นเกมกราฟิกหนักไม่ค่อยไหว
  • เวลาจับเป็นรอยนิ้วมือง่าย (แต่ยังไงก็ใส่เคสอยู่แล้ว)
  • ใช้งานติดต่อกันแล้วเครื่องค่อนข้างร้อน
  • ลำโพงเสียงธรรมดาไปหน่อย

ราคาและการวางจำหน่าย

Redmi Note 12 4G จะเริ่มจำหน่ายอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน 2566 มาพร้อมตัวเครื่องให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีเทา Onyx Gray, สีเขียว Mint Green และสีฟ้า Ice Blue โดยจะวางจำหน่ายด้วยกัน 1 รุ่นความจุ

  • 6GB + 128G ราคา 6,699 บาท

Redmi Note 12 5G จะเริ่มจำหน่ายอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน 2566 มาพร้อมตัวเครื่องให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีเทา Onyx Gray, สีเขียว Mint Green และสีฟ้า Ice Blue โดยจะวางจำหน่ายด้วยกัน 2 รุ่นความจุ

  • 6GB + 128G ราคา 8,499 บาท
  • 8GB + 256G ราคา 9,999 บาท