เซอร์ไพรส์กันไปหนึ่งรอบหลัง Xiaomi ได้เลือกเปิดตัวมือถือ 4 กล้องรุ่นแรกของค่ายอย่าง Redmi Note 6 Pro ในงาน Mobile Expo เมือสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งนับเป็นการเปิดตัวและวางขายครั้งแรกพร้อมกันเลยในวันเดียว นอกจากหน้าจอใหญ่เต็มตา 6.26 นิ้ว มาพร้อมชิป Snapdragon 636 แล้ว ในรุ่นนี้ยังมีการใช้ระบบ AI มาช่วยในเรื่องของการถ่ายภาพให้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกล้องหลัง กล้องหน้า หรือการถ่ายภาพ Bokeh ก็จะออกมาเป็นธรรมชาติมากขึ้น

แกะกล่อง Redmi Note 6 Pro

กล่องสีส้มของ Xiaomi นั้นคุ้นหน้าคุ้นตากันดีอยู่แล้ว เรียกว่าโดดเด่นไม่เหมือนใคร แถมยังสามารถเช็คชื่อรุ่นได้ง่ายๆ ด้วยตัวหนังสือขนาดใหญ่บนหน้ากล่อง และเมื่อเปิดฝาออกมาก็จะพบกับตัวเครื่อง พร้อมกับสเปคหลักๆ และไฮไลท์ฟีเจอร์ของ Redmi Note 6 Pro อย่างการมาของกล้องคู่หน้าหลัง และพลัง AI

อุปกรณ์ทั้งหมดในกล่องของ Redmi Note 6 Pro ก็มีตัวเครื่อง, สายชาร์จ (ยังเป็น micro USB), เคสซิลิโคน, หม้อแปลงที่จ่ายไฟ 5V 2A เท่านั้น (แต่จริงๆ ตัวเครื่องรองรับ Quick Charge 3.0) ไม่มีหูฟังให้(เหมือนเดิม) ส่วนสีที่วางขายก็เห็นว่ามาครบเลย สีดำ Black สีชมพู Rose Gold และสีฟ้า Blue

 

ตัวเครื่องและการใช้งาน

หน้าจอของ Redmi Note 6 Pro ถูกยืดอัตราส่วนออกไปเป็น 19:9 โดยที่ส่วนบนสุกนั้นจะเป็น notch ที่จะเรียกว่าติ่งหรือรอยบากก็ได้ เอาที่สะดวก ซึ่งขนาดหน้าจอ 6.26 นิ้วนั้นก็ถือว่าใหญ่เต็มตามากๆ ความละเอียด Full HD+ แสดงรายละเอียดได้ดี ความสว่างและสีสันดูดีกว่าตอน Redmi Note 5 อีก

ขนาดตัวเครื่องแม้ว่าจะรวมๆ แล้วใหญ่กว่า Redmi Note 5 แต่พอได้ลองสัมผัส หยิบขึ้นมาถือในมือแล้วกลับรู้สึกว่า Redmi Note 6 Pro มันเข้ามือกว่า ไม่ได้รู้สึกอ้วนๆ หนักๆ และการกระจายน้ำหนักก็ทำได้ดีกว่า ทั้งๆ ที่ทั้ง 2 รุ่นให้แบตเตอรี่มา 4000 มิลลิแอมป์เท่ากัน ส่วนวัสดุนั้นก็เป็นการผสมผสานระหว่างโลหะที่ส่วนของฝาด้านหลัง แต่ก็มีบริเวณหัวกับท้ายที่เป็นพลาสติกเพื่ออำนวยความสะดวกในการรับส่งสัญญาณมือถือหรืออย่าง WiFi ที่รองรับคลื่น 5GHz และ Bluetooth 5.0 ที่รับส่งข้อมูลได้เร็วขึ้น รองรับอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อมากขึ้น

พอร์ท micro USB อยู่ที่ด้านล่าง ขนาบข้างซ้ายขวาด้วยไมโครโฟนและลำโพง จากที่ลองฟังแลัวมันก็ดังอยู่นะ แต่เสียงมันจะแบนๆ หน่อยๆ ส่วนเรื่องของการชาร์จแบตนั้น หากใช้หม้อแปลงที่แถมมาในกล่องกับแบตขนาด 4,000 มิลลิแอมป์นั้น หากแบตหมดหรือเหลือประมาณ 10% อาจจะต้องรอกันไป 2- 3 ชั่วโมง กว่าจะเต็ม ถ้าหากมีหม้อแปลง Quick Charge 2.0 หรือ 3.0 อยู่แล้ว ก็น่าจะช่วยให้ชาร์จได้เร็วขึ้นเยอะครับ ถ้าใครสะดวกก็หาซื้อมาติดไว้ก็จะดี

 

ฟีเจอร์และ MIUI

Redmi Note 6 Pro มาพร้อมกับ MIUI 9.6 (รอคิวอัพเป็นเวอร์ชั่น 10) ที่ทำงานอยู่บน Android 8.1 Oreo ฟีเจอร์ต่างๆ ที่เป็นไฮไลท์ของ MIUI นั้นมากันครบ

รวมถึงยังมีพอร์ทอินฟราเรด หรือ IR Blaster สำหรับใช้งานเป็นรีโมทเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ในบ้านได้

หลายๆ คนที่รู้แล้วก็ขอให้ข้ามไป แต่ถ้าใครยังไม่รู้ให้ลองพลิกด้านบนเครื่องของ Redmi หลายๆ รุ่น จะมีการใส่ช่องของ IR Blaster เอาไว้ปล่อยสัญญาณอินฟราเรดออกมาแบบรีโมททั่วๆ ไป ซึ่งเราสามารถใช้สั่งงานแอร์ ทีวี พักลม เครื่องเสียง โดยการเลือกชนิดและรุ่นของอุปกรณ์นั้นๆ

ส่วนใครที่ยังชอบฟังวิทยุ ในเครื่องก็ยังมีให้ใช้งานโดย Redmi Note 6 Pro ยินยอมให้สามารถเปิดแอปวิทยุและรับสัญญาณได้แม้เราไม่ใส่หูฟัง แต่สัญญาณมันก็จะอ่อนๆ หน่อย ถ้าคลื่นไหนไม่แรงจริงๆ ก็จะจับไม่ติด เพราะฉะนั้นก็ใส่หูฟังให้มันช่วยจับสัญญาณก็จะดีกว่า

สำหรับโหมดการใช้งานนั้นก็เลือกได้ตามสะดวก ใครที่ยังชอบใช้แบบปุ่มนำทาง navigation key เหมือนเดิมก็ได้ หรือจะเลือกเปลี่ยนเป็น gesture ปัดขึ้น > กลับหน้าโฮม สะบัดนิ้วซ้ายขวาจากขอบจอ > ปุ่มย้อนกลับ ซึ่งกับหน้าจอ 19:9 ยาวๆ แบบนี้ผมลองแล้วใช้แบบ gesture พอชินมือแล้วจะคล่องกว่ามาก ซึ่งถ้าหากเรามีการปิดรอยบากไปด้วย พื้นที่ด้านบนหน้าจอก็จะถูกถมดำกินเข้ามานิดหน่อย เผือบางคนใช้แล้วอาจจะรู้สึกสบายตากว่าก็ปิดได้นะ

ตัวเครื่องรองรับการใช้งาน 4G ทั้ง 2 ซิม มีระบบ Dual 4G พร้อม VoLTE และ VoWiFi เรียกว่าเปิดมาให้ครบทุกรูปแบบการเชื่อมต่อ ยังสามารถบันทึกเสียงการโทรได้เหมือนเดิม จะเลือกเปิดอัดมันทุกครั้งที่โทรแบบอัตโนมัติเลยก็ได้

ส่วนฟีเจอร์ที่เป็นเอกลักษณ์ของ MIUI ใช้กันได้ทุกรุ่นไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ก็มีมาให้ครบ ซึ่งหลายๆ อันนี่แฟนๆ Mi ชอบและติดใจ

  • Second Space : พื้นที่ทับซ้อน ที่เหมือนการสร้างโปรไฟล์แยกกันเอาไว้ ใช้สลับไปมา
  • App Clone : โคลนแอปแยกร่างออกมา ไม่ว่าจะเป็นแอปโซเชียลหรือเกมก็แยกเป็น 2 แอป 2 ไอดีได้ ในเครื่องเดียว
  • App Lock  : ล็อคการเข้าถึงแอป คือยังเข้าเครื่องได้ แต่ถ้าจะเข้าแอปนี้ต้องใส่รหัสผ่านก่อน
  • Cleaner : เครื่องมือทำความสะอาด ล้างข้อมูลขยะและไฟล์ต่างๆ ได้ ไม่ต้องไปหาติดตั้งเพิ่ม

เลือกตกแต่เครื่องด้วยธีมต่างๆ ได้ หากเบื่อก็มีให้เปลี่ยนกันแบบง่ายๆ ส่วนการแบ่งหน้าจอเปิดใช้งาน 2 แอปแบบ Multi Windows นั้นของ Xiaomi นั้นต้องทำหลายสเตปหน่อย เริ่มจากเปิดหน้าแอปล่าสุดหรือ Overview ซะก่อน จากนั้นก็ต้องเลือกแตะที่มุมซ้ายบนคือการแบ่งหน้าจอเป็น 2 ส่วน แล้วค่อยกลับมาเลือกว่าจะเอาแอปไหนวางไว้ด้านบนและด้านล่าง

 

ประสิทธิภาพและการใช้งาน

Redmi Note 6 Pro นั้นใช้ชิป Snapdragon 636 เป็นชิป 14 นาโนเมตร ใช้ RAM LPDDR4X เมื่อทดสอบออกมาแล้วได้คะแนนน Antutu ไป 118429 คะแนน เรียกว่าตามมาตรฐานของชิปเซ็ตเมื่อเทียบกับรุ่นอื่นๆ ที่ใช้ชิปเดียวกัน คะแนนของ Geekbench ออกมาที่ 1334 / 4903 ส่วนหน่วยความจำภายในที่ใช้ก็เป็นประเภท eMMC อ่านข้อมูลได้ที่ 300MB/s และเขียนอยู่ที่ 220MB/s

เรื่องของเซนเซอร์ต่างๆ ในตัวเครื่องนั้นไม่ต้องกลัวว่าจะขาดหายไปไหน เพราะใส่มาให้ครบหมด ทั้ง Gyroscope สำหรับ AR และ VR ก็ไม่มีปัญหาใดๆ ใช้นำทางได้ไม่หลงทิศ มี Magnetometer ทำหน้าที่แทนเข็มทิศ จับสัญญาณ GPS ได้ดี เร็ว ส่วนเรื่องของ Winvine และการชม Netflix หรือสตรีมมิ่งนั้น ก็ยังเป็น L3 ตามสไตล์  Xiaomi

ส่วนตอนเล่นเกมก็ไม่ได้เจออะไรเป็นพิเศษ ชิป Snapdragon 636 นั้นเอาอยู่ทั้งการเปิดกราฟฟิคของ RoV แบบครบๆ จะไม่มีก็แค่โหมดเฟรมเรตสูง เฉลี่ยๆ ในเกมก็ค่อนข้างจะนิ่งๆ แต่ปัญหาที่เจอกลับไม่เกี่ยวกับเกม แต่เป็นเรื่องของสัญญาณ WiFi ที่อยู่ดีๆ ก็เกิดอาการปิงยาวๆ ตลอดเกมแบบ 400+ คือเป็นทั้งเกม ออกมาปิดแอปก็ไม่หาย สุดท้ายต้องลองรีสตาร์ทเครื่อง อาการก็หายไป กลับมาปกติ แต่อันนี้เพิ่งเจอมาครั้งเดียว ยังไม่เจออีก ก็คิดว่าน่าจะเป็นบั๊กของซอฟต์แวร์หรือตัวควบคุม WiFi ซะมากกว่า ส่วนเกมอย่าง PUBG ก็เล่นได้สบายๆ กินไก่กันสนุกสนาน

 

กล้องถ่ายภาพ

Redmi Note 6 Pro นั้นมีกล้องหลังคู่ และกล้องหน้าคู่เสริมพลัง AI โดยจะขอเริ่มจากส่วนของกล้องหลังที่มีเซนเซอร์ 12MP f/1.9 + 5MP ที่ใช้ในการจับความลึก ทำภาพ Portrait หรือหน้าชัดหลังเบลอซะก่อน

AI ของกล้องหลังนั้นสามารถจับฉากในการถ่ายภาพต่างๆ ได้มากถึง 27 หมวด และสามารถแยกย่อยการตั้งค่าออกไปได้อีกถึง 206 รูปแบบ ซึ่งในตอนที่เราทดสอบนั้นมี Mi Max 3 อยู่ในมือลองถ่ายๆ เทียบกันไปก็เห็นได้ค่อนข้างชัดว่าพอ AI ของ Redmi Note 6 Pro มันทำงานหรือตรวจจับฉากได้เมื่อไหร่ การปรับสีและแสงต่างๆ บนหน้าจอก็จะเปลี่ยนไปทันที อย่างภาพต้นไม้ อาหาร ที่มีการเติมสีเข้าไปจะเห็นได้ชัดมาก

นอกจากนั้นกล้องหลังก็ยังรองรับ AI Beautify 4.0 แบบกล้องหน้า โหมดการถ่ายภาพ Portrait นั้น ยังสามารถปรับแต่งด้วย Dynamic Bokeh ที่ทำการเบลอฉากหลังเป็นภาพเคลื่อนไหวหรือลูกเล่นต่างๆ ได้อีก 6 แบบ ซึ่งในเครื่องที่ทดสอบนั้นยังไม่มีมาให้ (รวมถึงเครื่องที่วางขายในตอนนี้ด้วย) ต้องรออัพเดท OTA ตามออกมาอีกที อันนี้ก็เป็นภาพตัวอย่างที่อีกไม่นาน เราจะสามารถทำได้ครับ (เหมือนตอน Mi Mix 2s ออกมาแรกๆ ก็ยังไม่มีโหมดนี้มาให้ ต้องรออัพเดทเหมือนกัน)

ตัวอย่างภาพจากกล้องหลัง

สำหรับภาพถ่ายในที่แสงสว่างๆ หรือเพียงพอนั้น กล้องของ Xiaomi เริ่มจะทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆ ในทุกรุ่นเลยก็ว่าได้ รายละเอียด สีสัน ความคมชัดโอเคมาก แต่พอแสงเริ่มลดลง ไม่ว่าจะเป็นภาพในอาคารที่แสงน้อยหน่อย เราก็จะเริ่มเห็นนอยส์บ้าง และถ้าเป็นตอนกลางคืนก็จะมากันเยอะเลย แต่ถ้าเทียบกับมือถือในช่วงราคา 6-7 พันบาทแล้วก็ถือว่าดีกว่าหลายๆ รุ่นอยู่เหมือนกัน

ส่วนภาพเซ็ตนี้รูปแรกจะเห็นโหมดกล้องปกติ รูปถัดมาคือเมื่อ AI เข้ามาทำงาน ก็จะปรับสีท้องฟ้าและฉากให้มันดูฟ้าและเขียวมากขึ้น (แน่นอนว่าเลือกเปิดหรือปิดได้) ส่วนภาพถัดๆ ไปก็เป็นการโชว์ภาพแบบ Portrait ใช้กล้องคู่หลังพร้อม AI ทำการตัดคนออกจากฉากหลัง แม้บริเวณขอบๆ วัตถุในบางจุดจะยังเห็นมีความผิดพลาดอยู่บ้าง แต่ความเป็นธรรมชาติในการเบลอนั้นทำได้เนียนตากว่าเมื่อตอน Redmi Note 5 เยอะเลย

ส่วนกล้องหน้าความละเอียด 20MP (f/2.0) ที่มีขนาดของพิกเซลใหญ่ถึง 1.8 ไมครอนนั้นช่วยเก็บแสงและรายละเอียดได้ดีขึ้น ทำงานร่วมกับกล้องช่วยเบลอ 2MP ผสานกับ Beautify 4.0 ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ลบรอยสิงตีนกาและสิ่งต่างๆ ออกไปได้ (เลือกปรับเองได้ด้วย) ภาพเซลฟี่ก็ออกมาเนียนได้ เบลอหลังสบายๆ ตัดขอบวัตถุได้โอเค ละลายหลังได้สวยๆ (ถ้า Dynamic Bokeh มาก็น่าจะสนุกเพิ่มได้อีก) และยังมาพร้อมระบบ AI แบบ Realtime คือเห็นได้ก่อนถ่ายว่าฉากหลังเบลอแล้วจะออกมาเป็นอย่างไร

ตัวอย่างภาพจากกล้องหน้า

งานนี้พอได้ลองแล้วถือว่าพอใจกับกล้องของ Redmi Note 6 Pro มากๆ มันดูดีขึ้นกว่าเดิมทั้งหน้าและหลังเลย แม้จะยังมีเรื่องกวนใจเวลาถ่ายในที่แสงน้อยนิดหน่อย แต่รวมๆ แล้ว ถือว่าน่าพอใจมากๆ กับมือถือราคา ไม่ถึง 7,000 บาท

สรุปผลการใช้งาน

Redmi Note 6 Pro ถือเป็นอีกรุ่นที่ Xiaomi จัดของดีราคาไม่แพงมาให้อีกแล้วครับท่าน เรียกว่าได้ใช้งานแล้วก็ค่อนข้างชอบ ถือแล้วสบายมือกว่าตอน Redmi Note 5 หน้าจอสวยกว่า สว่างขึ้น กล้องก็ดีกว่าอีกต่างหาก หากกางราคาออกมาแล้วเทียบกับรุ่นอื่นๆ ที่สเปคใกล้ๆ กันอาจจะต้องจ่ายแพงกว่านี้อีก 2-3 พัน แต่จะมีติดขัดใจนิดๆ หน่อยๆ คือติ่งหรือรอยบากบนหน้าจอที่บางคนอาจจะไม่ชอบ (ส่วนผมเริ่มชินและชาแล้ว เพราะผ่านมือมาหลายเครื่อง) แต่ที่ผมไม่ชอบคือทำไมเวลาปิดติ่งแล้ว แถบดำด้านบนมันกินพื้นที่ลงมาเลยขอบติ่งอีกแล้ว เหมือนตอน Mi 8 เลย (ล่าสุด Mi 8 เพิ่งอัพ MIUI 10 ไป แถบปิดติ่งมันก็ยังเลยขอบรอยบากมาอยู่ดี > <) ถ้าหักลบข้อดีกับข้อเสียเรื่องบั๊กเล็กๆ น้อยๆ (ที่เห็นกันได้เป็นปกติใน MIUI ซึ่งก็มีการออกอัพเดทมาแก้ค่อนข้างเร็ว)  จัดให้เป็นมือถือ 4 กล้องในช่วงราคา 6-7 พันบาท ที่คุ้มจริงจัง ทั้งเรื่องของประสิทธิภาพและราคาเลยทีเดียว

สเปค Redmi Note 6 Pro

  • หน้าจอขนาด 6.26 นิ้ว ความละเอียด FHD+ อัตราส่วน 19:9
  • CPU : Snapdragon 636
  • GPU : Adreno 509
  • RAM : 4GB
  • ความจุ : 64GB รองรับ MicroSD Card ถึง 256GB
  • กล้องหลังคู่ : 12MP + 5MP แฟลช Dual-LED
  • กล้องหน้า : 20MP + 2MP + LED Selfie
  • วิทยุ FM
  • IR Blaster
  • สแกนลายนิ้วมือด้านหลัง
  • ระบบปลดล็อคด้วยใบหน้า
  • เซ็นเซอร์ :  accelerometer, gyro, proximity, compass
  • การเชื่อมต่อ :  Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, Wi-Fi Direct, hotspot, BT 5.0, MicroUSB 2.0
  • แบตเตอรี่ : 4,000 mAh (รองรับ Quick Charge 3.0)
  • ระบบ Android 8.1 ครอบด้วย MIUI 9.6
  • สีที่วางจำหน่าย : ดำ ฟ้า ชมพู
  • ราคาเปิดตัว 6,990 บาท