รอกันนาน คนถามหาเพียบกับ Galaxy S21 FE ที่กว่าจะได้วางขายก็ข้ามปี แต่ก็เรียกว่าเป็นรุ่นรับปีใหม่ที่จัดเต็มสุดๆ ในเรื่องของสเปค การใช้งาน และประสิทธิภาพ คุ้มค่ากับการรอคอยเลยทีเดียว แถม Samsung จัด Android 12 และ One UI 4.0 เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด พร้อมใช้ ไม่ต้องรออัปเดทเลยด้วย

ดีไซน์ Galaxy S21 FE สวยเรียบง่าย

Samsung เลือกใข้ดีไซน์ของ Galaxy S21 เป็นต้นแบบให้กับรุ่น FE ไม่ว่าจะเป็นบอดี้ เฟรมโลหะ แต่จะทีความแตกต่างที่ฝาหลังนั้้นคราวนี้เป็น Glasstiq หรือ Polycarbonate ที่ขัดผิวเรียบด้าน ให้ความรู้สึกนุ่มมือเวลาสัมผัส ส่วนบริเวณกล้องก็เลือกใช้วัสดุแบบเดียวกันครอบทั้งฝาหลัง โทนสีจะมาในแนวพาสเทล อย่างสีเขียว Olive ในรีวิวนี้ แล้วก็สีม่วง Lavender อีก 2 สีที่วางจำหน่ายคือสีขาวและดำ ซึ่งเป็นสีคลาสสิก

ขนาดและน้ำหนักตัวเครื่องเรียกว่าพอเหมาะพอดี เป็นไซส์ที่ไม่เล็กไม่ใหญ่ และที่ชอบมากกว่ารุ่นที่แล้วก็คือเรื่องของเฟรมที่มันไม่เป็นคราบมันหรือหนืดๆ ผิวได้ความเย็นเหมือนโลหะ และความเงาด้านแบบขัดทราย คือคนที่ชอบใช้เครื่องเปล่าไม่ใส่เคสจะได้ฟีลลิ่งในการจับถือดีมากๆ

ตำแหน่งของปุ่มพาวเวอร์และปุ่มปรับเสียงกำลังพอดีกับการใช้งาน ถาดซิมและพอร์ต Type C อยู๋ด้านล่างตัวเครื่องทั้งคู่ ส่วนรูเข็มจิ้มถาดซิมพอมาวางใกล้ช่องไมโครโฟน ผมว่าอาจมีคนเผลอเสียบผิดเสียบถูกกันบ้าง

งานประกอบเนี้ยบไม่เสียชื่อ Galaxy S กระจกหน้าจอนั้นได้ความแข็งแรงของ Gorilla Glass Victus มาการันตีตวามทนทานต่อริ้วรอย  Galaxy S21 FE นั้นมาพร้อมกับหน้าจอแบนที่น่าจะถูกใจหลายๆ คน โดยเฉพาะสายเกม เพราะไม่ต้องระวังอุ้งมือจะไปโดนขอบโค้งๆ ของจอภาพ

จากสเปคบางคนอาจจะสงสัยทำไมจอเล็กกว่า S20 FE แต่พอเอามาเทียบจริงๆ แล้วตัวหน้าจอ Samsung S21 FE กลับดูเหมือนใหญ่กว่า ส่วนนึงก็มาจากขอบจอที่บางลงมากๆ มีพื้นที่ขอบดำโดยรอยน้อยลง ดูเต็มตาและดูสวยขึ้นเยอะ

 

เล่นเกมสบาย จัดเต็มได้ด้วยชิปเรือธง

สีสันหน้าจอสวยงามตามสไตล์ Samsung แถมรอบนี้ได้พาเนลระดับ AMOLED 2X มาใช้งานเลยด้วย อัตรารีเฟรชเรทสูงสุด 120Hz ลื่นๆ ยิ่งมาบน Android 12 กับ One UI 4.0 ยิ่งเนียนตาเลย จากหลายๆ คนที่เจอปัญหาระบบสัมผัสหน้าจอ ของ S20 FE ไป ที่แก้ทัชกันหลายรอบ คราวนี้ Samsung ไม่ยอมให้เกิดปัญหาซ้ำซ้อนแล้ว ฮ่าๆ (คือถ้ายังจะมีอีก งานนี้คงโดนล้อกันไปยาวๆ แน่ๆ กับซีรี่ส์นี้)

Play video

เล่น ROV ต่อเนื่อง 4 เกมติด มีอัดหน้าจอไปบางช่วง เฟรมเรตอยู่ราวๆ 59-61 อุณหภูมิเครื่องไม่รู้สึกว่าร้อน มีอุ่นบางๆ  และทัชยังดีอยู่ แม้อุณหภูมิจะสูงขึ้น แม้แต่เกมโหดๆ อย่าง Genshin Impact ก็ไม่ใช่ปัญหา ส่วนของอุณหภูมิเครื่องอาจจะเพิ่มขึ้นมากกว่านิดหน่อย แต่เรื่องของทัชสกรีนก็ยังดีอยู่ จากในคลิปด้านบนที่เราได้ทดสอบเรื่องของการเล่นเกมบน Samsung Galaxy S21 FE ด้วย สามารถไปชมกันได้ ว่าหากเทียบกับรุ่นที่แล้วนั้นแตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน

มีหลายคอมเม้นท์ที่พูดถึงเรื่องการวัดอุณหภูมิ ว่าทำไม CPU กับ แบตเตอรี่ถึงไม่เท่ากัน นั่นเพราะภายในตัวเครื่องมันมีแหล่งกำเนิดความร้อนเยอะแยะมากมายครับ ทั้งชิป , RAM , กล้อง, เสาสัญญาณ, แบตเตอรี่ และยังมีอีกหลายจุด ซึ่งแต่ละจุดก็จะมีเซนเซอร์ตรวจสอบอุณหภูมิของตัวเองอยู่ด้วย

ส่วนการวัดด้วยเครื่องยิงเลเซอร์นั้น จะวัดอุณหภูมิที่พื้นผิวเป็นหลัก คือยิงจอก็วัดจอ ยิงหลังเครื่องก็วัดฝาหลัง ยิงข้างๆ ก็วัดที่ตัวเฟรม ไม่ใช่การวัดอุณหภูมิภายใน แตกต่างจากพวก Thermal Gun ที่เห็นเป็นสีแดงๆ ส้มๆ แบบนั้นคือจะวัดอุณหภูมิภายในตัวเครื่องไปด้วย

 

กล้องครบ กลางวันสวย กลางคืนสว่าง

กล้อง Samsung Galaxy S21 FE นั้นได้ฟีเจอร์และฟังก์ชั่นมาครบๆ เท่ากับรุ่นหลัก รวมถึงเรื่องของเซนเซอร์ที่มีให้เลือกใช้ครบทุกระยะ

มุมกว้าง Ultrawide 12MP , ระยะ Wide มาตรฐาน 12MP รวมถึง Telephoto 8MP ที่ระยะซูม Optical 3x

ภาพถ่ายที่ได้จากทั้ง 3 กล้องแม้จะเป็นเซนเซอร์คนละตัวกัน แต่ความคงเส้นคงวาของสีสัน อุณหภูมิแสงนั้นดี เรียกว่าปรับจูนมาเรียบร้อย ส่วนระยะซูมไกลสุดนั้นจะอยู่ที่ 30 เท่า ซึ่งจะเป็น Digital Zoom หลังจากระยะ 3x ไปนะครับ

กล้องทุกตัวยังรองรับการถ่ายในทุกสภาพแสง เพราะทาง Samsung ใส่ฟีเจอร์ Night Mode มาให้กับกล้องทั้ง 4 ตัว (รวมกล้องหน้าด้วย)

แต่จากที่ลองมา เราไม่จะเป็นต้องเปิด Night Mode ทุกครั้งเวลาถ่ายภาพในที่แสงน้อยก็ได้ เพราะระบบ AI ใน Scene Optimizer มันจะตรวจจับอัตโนมัติอยู่แล้ว เรียกว่าเวลารีบๆ หรือโมเม้นต์ด่วนๆ หยิบขึ้นมาถ่ายก็ยังได้ภาพสว่างสวยงาม

ความแตกต่างหลักๆ ที่เห็นระหว่าง Auto กับโหมด Night นั้น ถ้าเป็นกล้องหลักคือน้อยมากๆ ถ้าบริเวณนั้นยังพอมีแสง เพราะรูรับแสงกว้างอยู่แล้ว และได้ AI มาเสริม แต่สำหรับเลนส์ Tele กับ Ultrawide ที่ค่ารูรับแสงแคบกว่านั้น การเปิด Night Mode จะเก็บเอาดีเทลหรือรายละเอียดกลับมาได้อีกเพียบ ทั้งในส่วนสว่าง และส่วนที่มืดด้วย

ตัวอย่างภาพถ่ายจาก Galaxy S21 FE

สีสันและคอนทราสต์ของภาพจากกล้อง Samsung นั้นมีจุดเด่นในเรื่องของความสดในสีสันและรายละเอียดอยู่แล้ว ไม่ว่าจะสภาพแสงไหนๆ ถ่ายแบบ outdoor  / indoor ก็เอาอยู่

โดยรวมๆ ภาพจากกล้องหลักนั้นทำได้ดีทุกสภาพแสงเลย ส่วนกล้อง Ultrawide นั้นคุณภาพจะด้อยลงมาหน่อยในช่วงแสงน้อย พอแก้ไขได้ด้วยการเปิด Night Mode ส่วนกล้องซูม Telephoto นั้นทำได้ดีถ้าแสงพอและอยู่ในระยะซูม 3x – 5x แต่หากดันไปนอกระยะคือเกิน 10 เท่า เหมือน software ของ Samsung จะเร่ง sharpness เยอะไปนิด

กล้องวิดีโอฟีเจอร์ลูกเล่นเพียบ

การถ่ายวิดีโอที่สามารถสลับไปมาได้ทุกกล้อง รวมถึงกล้องหน้าในการอัดคลิปครั้งเดียวนั้น ตอนนี้ก็ยังดูเหมือนว่า Samsung ยังคงกินนิ่มในเรื่องนี้อยู่ คือสลับไปมาได้เร็ว หรือจะเปิดกล้องคู่ถ่ายพร้อมกันไปเลยก็ได้

อีกอย่างนึงคือเรื่องของการบันทึกเสียงระหว่างถ่ายวิดีโอ ที่หากปล่อยอัดปกติก็จะเก็บ ambient sound เข้ามา หากเราพูดไปด้วย เสียงรอบๆ ก็จะโดนลดทอนความดังลงไป เรียกว่าอยู่ข้างถนนเสียงเราก็ยังคงชัดเจนในคลิป ลองดูตัวอย่างจากในคลิปรีวิวได้เลยครับ

Play video

นอกจากนั้นเรายังสามารถใช้ไมค์ของหูฟัง Bluetooth อย่างพวก Galaxy Buds ในการบันทึกวิดีโอได้ด้วย เผื่อใครต้องการเสียงที่เงียบขึ้น โดยเข้าไปเลือกในการตั้งค่าของโหมด Pro Video

 

ทำงานได้รอบด้าน Multitask และ Samsung DeX

Samsung S21 FE กับโหมด DeX นั้นใครที่ไม่ได้ใช้ก็อาจจะรู้สึกเฉยๆ แต่สำหรับคนที่ได้ลองจนติดแล้ว มันก็กลายเป็นของที่ขาดไม่ได้ไปเลย คือมีบางคนที่ถามเลยว่ารุ่นไหนรองรับ DeX บ้าง เพราะมันไม่ได้แค่ช่วยทดแทนการใช้งานธรรมดา แต่กับปัจจุบันที่บางทีทุกสิ่งอย่างมันอยู่บนมือถือ การจะดึงภาพดึงไฟล์ออกมาเปิดบนจอใหญ่ มี UI แบบ คอมพ์ให้ใช้มันก็สะดวกดี

ส่วนการเชื่อมต่อ Link to Windows ที่เชื่อมต่อสมาร์ทโฟนเข้ากับ Windows PC นั้นก็เป็นอีกทางเลือกนึงที่ Samsung และ Microsoft ร่วมกันพัฒนาขึ้นมา และเราก็สามารถเรียกดูข้อมูลต่างๆ หรือเปิดหน้าจอมือถือบน PC ได้ โดยที่ไม่ต้องละมือหรือสายตาจากคอมพ์เราเลย

 

สเปค SAMSUNG GALAXY S21 FE

  • หน้าจอ Dynamic AMOLED 2X ขนาด 6.4 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ รีเฟรชเรท 120Hz ค่า Touch Sampling Rate 240Hz
  • ชิปเซ็ต Exynos 2100
  • RAM 8GB
  • ความจุ 128GB / 256GB
  • กล้องหลัง 3 ตัว
    • Wide: 12MP, f/1.8, Dual Pixel AF, OIS
    • Ultra-Wide: 12MP, f/2.2, มุมกว้าง 123 องศา
    • Telephoto: 8MP, f/2.4,
  • กล้องหน้าความละเอียด 32MP, f/2.2 มุมกว้าง 81 องศา
  • เครือข่าย: 2G GSM,3G WCDMA,4G LTE FDD,4G LTE TDD,4G 4×4 MIMO band,5G Sub6 FDD,5G Sub6 TDD, 5G 4×4 MIMO band
  • เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอแบบ Optical
  • มาตรฐานทนน้ำทนฝุ่น IP68
  • แบตเตอรี่ 4500 mAh รองรับชาร์จไวแบบมีสาย 25W และไร้สาย 15W
  • น้ำหนัก 177 กรัม
  • ระบบปฏิบัติการ Android 12

Samsung S21 FE คุ้มค่ากับการรอคอยไหม

บอกตามตรงว่า Galaxy S21 FE นั้นวางขายช้าไปหน่อย ส่วนนึงก็น่าจะเป็นเพราะปัญหาชิปเซ็ตขาดตลาดนั่นแหละ ไม่งั้นมันคงมาสานต่อจังหวะและเวลาของรุ่นก่อนหน้าได้เหมาะพอดี (แต่บางคนก็บอกว่าจังหวะดี เพราะได้ Android 12 มาเลย) เพราะสเปคที่จัดมาให้นั้นครบจริงๆ และราคาที่เปิดมาถือว่าดีงาม ไหนจะเรื่องของฟีเจอร์ต่างๆ ทั้งเรื่องของการใช้งานที่ใส่มาครบๆ เรียกว่า Samsung เป็นค่ายที่ดึงเอาความสามารถของตัวเครื่องออกมาใช้ได้ครบทุกเม็ด อย่างการใช้งาน Multitasking หรือ DeX Mode ที่เอาส่วนของ Hardware ที่แรงเหลือๆ มาทำอะไรได้มากกว่าแค่บนสมาร์ทโฟนนั่นเอง

แน่นอนว่าราคากับค่าตัวนั้นถือว่าคุ้ม รวมถึงเก็บปัญหาและอาการจากรุ่นก่อนหน้ามาได้ครบ สอบผ่านเป็นน้องเล็กของตระกูล S ได้อย่างเต็มภาคภูมิครับ