มือถือจอพับขั้นสุด Samsung Galaxy Z Fold5 เปิดตัวไปเรียบร้อย หลาย ๆ คนก็น่าจะอยากรู้กันบ้างล่ะ ว่าคราวนี้มันมีอะไรดีขึ้นมาจากรุ่นก่อน ๆ บ้าง ไม่ว่าจะเป็นบานพับแบบใหม่ที่ทำให้เครื่องบางลง สเปคแรงจัดใช้งานได้ทุกสถานการณ์ กล้องสวยขึ้น รวมถึงโหมดการใช้งานต่าง ๆ ทั้ง Flex Mode, ปากกา S Pen, DeX Mode และอื่น ๆ เราก็เลยมารีวิวให้ดูกันซะหน่อยว่ามือถือรุ่นนี้จะน่าใช้ซักแค่ไหนครับ

ดีไซน์ใหม่ บางลง เบาลง พับสนิทขึ้น

Galaxy Z Fold5 เปลี่ยนมาใช้บานพับแบบ Flex Hinge ทำให้หน้าจอสามารถพับหากันได้แบบแนบสนิทจนไม่มีช่องว่างเหมือนรุ่นที่ผ่านมา และยังทำให้ตัวเครื่องตอนพับจอมีความบางตามไปด้วย

 

ถ้าไปวางเทียบกับรุ่น Galaxy Z Fold4 นี่จะเห็นได้ชัดเลยว่าพับแล้วมันบางลงกว่าเดิมเยอะ

Galaxy Z Fold5 / Galaxy Z Fold4

ไม่ใช่ว่าจะบางลงเฉพาะตอนพับจอเท่านั้นนะ แต่ตอนกางจอออกมาก็ยังบางลงกว่ารุ่นที่แล้วด้วย โดยเหลือแค่ 13.4 มม. เท่านั้น เทียบกับรุ่นก่อน 15.8 มม. ส่วนน้ำหนักก็เบาลงเหลือ 253 กรัม จากรุ่นก่อน 263 กรัม แต่เห็นบางลงเบาลงแบบนี้ ก็ไม่ใช่ว่าจะก๊องแก๊งนะ เพราะเฟรมเครื่องทำจากโลหะ Armor Aluminum ที่มีความทนทานสูง นอกจากนี้ ยังได้รับมาตรฐานทนน้ำ IPX8 อีกด้วย จะน้ำหกใส่ จะฝนตกหนัก ก็ไม่เป็นปัญหา

จอพับ 7.6 นิ้ว รองรับ S Pen (for Fold)

หน้าจอพับขนาด 7.6 นิ้ว ใช้พาเนลแบบ Dynamic AMOLED 2X กางออกมาแล้วใหญ่เต็มตา จะดูหนังดูซีรีส์ก็ชัดแจ๋วเพราะมีความละเอียดสูงถึง 2176 x 1812 และรีเฟรชเรทลื่น ๆ 120Hz แถมยังสว่างกว่าเดิม สูงสุดถึง 1750 nits ใช้งานกลางแจ้งได้สบาย ๆ เลย (แต่ถ้าจอสะท้อนดวงไฟหรือดวงอาทิตย์ จะมองเห็นรอยยับของจอชัดพอสมควร)

จอสู้แสงแดดได้สบาย ๆ ด้วยความสว่าง 1750 nits

แต่ด้วยความที่จอพับมีอัตราส่วนที่เกือบจะเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสอยู่แล้ว ทำให้เวลาดูคลิปหรือดูหนังจะไม่เต็มจอ เหลือส่วนที่เป็นขอบดำเยอะมาก ถ้าจะขยายให้เต็มจอ ด้านข้างก็จะหายไปเยอะเหมือนกัน อันนี้รวมถึงเวลาเล่นเกมด้วยนะ (ส่วนนี้ลงไปอ่านต่อตอนทดสอบเกม)

เหลือขอบบน-ล่างอย่างเยอะ…

พอขยายเต็มจอ ด้านข้างก็หาย

ส่วนจอด้านนอกมีความแข็งแกร่งทนทานต่อการขีดข่วนมากขึ้น เพราะครอบด้วยกระจกพันธุ์อึดอย่าง Gorilla Glass Victus 2 เพิ่มความอุ่นใจเวลาใช้งาน หรือเก็บใส่กระเป๋า

จอนอกอึดถึก

สลับจอเล็กไปจอใหญ่ได้ ไม่ติดขัด

ด้วยความที่ Galaxy Z Fold5 มี 2 หน้าจอ แต่การสลับใช้งานต่าง ๆ ไม่ได้ทำให้เกิดการติดขัดเลย สมมติเรานั่งดู YouTube ด้วยจอด้านหน้าอยู่ แล้วเกิดอยากดูจอใหญ่ขึ้นมา ก็แค่กางจอออกมา คลิป YouTube ที่เรากำลังดูอยู่ก็จะเล่นต่อบนหน้าจอใหญ่ให้เลย ไม่ต้องมากดเปิดแอปหาแอปอีกรอบ

แต่ถ้าจะกลับไปดูจอเล็กเหมือนเดิม ต้องกดเปิดแอปใหม่นะ เพราะระบบจะคิดว่าการพับจอคือเราต้องการปิดจอเครื่องนั่นเองครับ

เล่นวิดีโอตอนพับจอ แล้วกางจอออก ก็เล่นต่อให้ทันทีไม่ต้องกดเปิดแอปใหม่

UI ใช้งานง่ายทั้งจอเล็ก-จอใหญ่

หน้าจอของ Galaxy Z Fold5 มีอัตราส่วนที่แปลกกว่ามือถือทั่วไป โดยจอด้านหน้าขนาด 6.2 นิ้ว มีอัตราส่วนแบบ 23.1:9 และจอพับด้านในขนาด 7.6 นิ้ว มีอัตราส่วน 21.5:18 แต่การใช้งานรวม ๆ ไม่ได้มีอะไรผิดเพี้ยนไปจากมือถือรุ่นอื่น ๆ เลย

 

แต่หากใช้งานแนวนอนตอนพับจอ เวลาพิมพ์จะมองยากหน่อย เพราะแค่คีย์บอร์ดก็กินไปเกิน 50% ของหน้าจอแล้ว อย่างเวลาพิมพ์ค้นหาในแอป YouTube ก็จะมองไม่เห็นผลการค้นหาด้านล่างเลย จนกว่าจะหดคีย์บอร์ดลงไปก่อน

ถ้าใช้แนวนอนตอนพับจอ  UI จะแปลก ๆ หน่อย

คีย์บอร์ดกินพื้นที่ไปเกินครึ่งแล้ว

ส่วนหน้าจอพับที่แม้จะมีขนาดใหญ่ แต่ก็สามารถเลือกปรับคีย์บอร์ดได้ทั้งแบบปกติและแบบแยกซ้าย-ขวา เพื่อให้พิมพ์ได้ง่าย ไม่ต้องเหยียดนิ้วมาก ซึ่งคีย์บอร์ดแบบแยกนี้มีให้ใช้ทั้ง Samsung Keyboard และ Gboard เลยนะ ใครถนัดอันไหนก็เลือกเอา

Multi-tasking สุดสะดวก

จอใหญ่ทั้งทีจะใช้งานทีละแอปก็ยังไง ๆ อยู่…ก็เปิดแอปพร้อมกันไปเลยทีเดียว 3 แอป แถมบางแอปยังทำงานร่วมกันได้แบบเนียน ๆ อย่างเช่น เปิดแอปแชท อีเมล พร้อมแอป Gallery ก็สามารถลากไฟล์ภาพจาก Gallery ไปส่งในห้องแชทได้ทันที หรือจะลากภาพไปใส่ในเมลด้วยก็ยังได้ ไม่ต้องกด Insert เอง

เอานิ้วจิ้มภาพจาก Chrome ลากมาแปะที่แอป Samsung Notes ได้เลย

แถมเรายังสามารถจัดวางแอปทั้ง 3 ได้ตามสะดวกอีกด้วย ว่าอยากให้แอปไหนอยู่บนอยู่ล่างหรือซ้ายขวา หรือจะเลือกปรับขนาดหน้าต่างของแต่ละแอปก็ทำได้เหมือนกัน

 

พลิกแพลงการใช้งานด้วย Flex Mode 

แน่นอนว่ายังมากับฟีเจอร์ Flex Mode ให้ใช้กันเหมือนเคย ซึ่งโหมดนี้จะเป็นการใช้งานเวลากางจอเอาไว้ครึ่งนึงคล้าย ๆ โน้ตบุ๊ค หากว่าแอปไหนรองรับ Flex Mode พอเปิดขึ้นมาหน้าจอฝั่งบนจะเป็นการแสดงผลปกติ ส่วนหน้าจอฝั่งล่างจะเป็นหน้าจอสำหรับควบคุมแอปนั้น ๆ อย่างเช่น แอป YouTube หน้าจอด้านล่างจะเป็นพาเนลสำหรับบังคับวิดีโอ, ปรับระดับเสียง, ความสว่างหน้าจอ แถมยังเปิดเป็น Touchpad ให้ใช้นิ้วลากเคอร์เซอร์ได้อีกต่างหาก

เปิด Touchpad ลากเคอร์เซอร์ได้

อีกแอปที่รองรับฟีเจอร์นี้ ก็คือ Camera ที่เวลาพับจอลงครึ่งนึงพวกปุ่มต่าง ๆ ก็จะลงไปอยู่แถบล่าง จอภาพไปอยู่ฝั่งด้านบน เอาไว้ใช้แทนขาตั้งกล้องในกรณีที่เราต้องการวางกล้องให้นิ่ง ๆ นั่นเอง

ถ่ายนิ่ง ๆ แบบไม่ต้องมีขาตั้ง

Dex Mode ต่อจอใช้เป็น PC

มากับ DeX Mode เช่นเดียวกับมือถือ / แท็บเล็ตซีรีส์เรือธงรุ่นอื่น ๆ ของ Samsung สามารถต่อออกมอนิเตอร์หรือสมาร์ททีวีได้ทั้งแบบไร้สายและเสียบสาย (USB-C > HDMI) โดยโหมดนี้เราต่อเมาส์+คีย์บอร์ดเพื่อใช้งานได้คล้าย ๆ กับคอมพิวเตอร์เลย อย่างเช่น เปิดหลาย ๆ แอปบนหน้าจอเดียว (ถ้าอยากรู้ว่า DeX ทำอะไรได้แค่ไหน ก็ไปดูจากบล็อกด้านล่างได้เลย)

จะต่อแบบไร้สายหรือใช้ USB Hub ก็ได้

The New S Pen for Fold เล็กลง เก็บสะดวกขึ้น

ที่เปิดตัวมาพร้อม ๆ กับ Galaxy Z Fold5 ก็คือปากกา S Pen Fold Edition รุ่นใหม่ ที่มีขนาดเล็กลงพอ ๆ กับ S Pen ที่ใช้กับ Galaxy S23 Ultra แต่จะยาวกว่านิดนึงและมีหัวปากกาที่โค้งมนกว่า เนื่องจากหน้าจอพับไม่ได้แข็งแรงเหมือนมือถือทั่วไป

S Pen Fold Edition รุ่นใหม่ (บน) / S Pen ของ Galaxy S23 Ultra (ล่าง)

แต่เนื่องจาก Galaxy Z Fold5 ไม่มีช่องเก็บปากกาในตัวนะครับ หากไม่ได้ซื้อเคส S Pen Samsung Galaxy Z Fold5 Slim S Pen Case ก็จะไม่มีที่เก็บ ต้องหาที่พกแยกเอาเองนะ

S Pen ซื้อแยกแล้วจะมาแบบนี้

ด้วยความที่มันเล็กลงกว่าปากกา S Pen Fold Edition เดิม บางคนก็อาจจะไม่ถนัดนัก หากต้องใช้จดหรือวาดเป็นเวลานาน ๆ เพราะค่อนข้างจะเมื่อยมืออยู่เหมือนกัน

Galaxy Z Fold รุ่นที่รองรับปากกาต้องใช้ S Pen Fold Edition เท่านั้นนะครับ เนื่องจาก S Pen ปกติไม่ได้ออกแบบมาให้ใช้กับหน้าจอแบบพับ นอกจากนี้ ระบบยังตรวจจับได้ด้วย หากใช้ S Pen ทั่วไปจะขึ้นข้อความแจ้งเตือน และทำให้ใช้ไม่ได้ด้วยนะ

ลองเอา S Pen ธรรมดามาจ่อเฉย ๆ ยังไม่ได้แตะจอ แจ้งเตือนก็เด้งเลย

สเปคแรง เล่นได้ทุกเกม ทั้งจอเล็กจอใหญ่

สเปค SAMSUNG GALAXY Z FOLD5

  • จอด้านใน : Dynamic AMOLED 2X ขนาด 7.6 นิ้ว ความละเอียด 2176 x 1812 รีเฟรชเรท 120Hz รองรับ S Pen for Fold
  • จอด้านนอก : Dynamic AMOLED 2X ขนาด 6.2 นิ้ว, ความละเอียด 2316 x 904 รีเฟรชเรท 120Hz ครอบด้วย Gorilla Glass Victus 2
  • CPU : Snapdragon 8 Gen 2 for Galaxy
  • RAM : 12GB
  • ความจุ : 256GB / 512GB / 1TB
  • กล้องหลัง 3 ตัว
    – กล้องหลัก 50MP (f/1.8) ระบบกันสั่น OIS ออโต้โฟกัส Dual Pixel
    – กล้องอัลตร้าไวด์ 12MP (f/2.2)
    – กล้องเทเลโฟโต้ 10MP (f/2.4) ระบบกันสั่น OIS ซูม Optical 3x / Digital 30x
  • กล้องเซลฟี่ด้านนอก : 10MP (f/2.2)
  • กล้องเซลฟี่ด้านใน (ใต้จอ) : 4MP (f/1.8)
  • การเชื่อมต่อ : 5G, WiFi 6e
  • เซนเซอร์ : สแกนลายนิ้วมือ (ด้านข้าง), สแกนใบหน้า
  • มาตรฐานทนน้ำ IPX8
  • แบตเตอรี่ : 4,400mAh ชาร์จแบบสายไวสูงสุด 25W ชาร์จแบบไร้สาย 15W
  • ระบบ Android 13 ครอบด้วย One UI

เรื่องสเปคนี่ไม่ต้องพูดถึง เพราะแรงจัดตามสไตล์มือถือเรือธงทั้ง Snapdragon 8 Gen 2 for Galaxy และ RAM 12GB ทำให้รับมือเกมกราฟิกจัด ๆ อย่าง Genshin Impact หรือ ROV ปรับกราฟิกสูงสุดได้แบบไม่มีอิดออดเลย

แต่!…จุดอ่อนของการเล่นเกมประเภท ROV หรือ PUBG ก็คือ หน้าจอพับมีอัตราส่วน 21.5:18 คือเกือบ ๆ จะเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสอยู่แล้ว ทำให้มุมมองแคบกว่ามือถือทั่วไปแบบเห็นได้ชัดเลย นั่นหมายความว่าศัตรูที่ใช้มือถือทั่วไปจะเห็นเราก่อนที่เราจะเห็นศัตรูนั่นเอง ลองเอาภาพของเกม ROV ตอนกางจอ กับตอนพับจอมาเทียบกันก็จะออกมาแบบนี้

เล่นตอนกางจอมุมมองแคบ

เล่นตอนพับจอแล้วมุมกว้างมากกก

กล้องสวยทุกสถานการณ์

สเปคกล้องของ Galaxy Z Fold5 จะยกมาจาก Galaxy Z Fold4 เลย ประกอบด้วยกล้องหลัก 50MP มีกันสั่น OIS + กล้อง Ultrawide 12MP + กล้อง Telephoto 10MP มีกันสั่น OIS ซูม optical 3x และซูม digital ได้สูงสุดถึง 30x ซึ่งแม้ว่าจะสเปคเหมือนเดิม แต่ได้รับการปรับปรุงซอฟต์แวร์ให้มีคุณภาพกล้องออกมาเทียบเคียงกับ Galaxy S23 / S23+ เลย

 

ถ่ายวิดีโอ 4K 60fps มีกันสั่น Super Steady

การถ่ายวิดีโอด้วย Galaxy Z Fold5 ถือว่านิ่งและเนียนมาก ๆ เลย ด้วยระบบกันสั่นทั้ง OIS และ EIS ทำให้การเดินถ่ายธรรมดา ๆ แบบไม่ต้องเปิดโหมด Super steady ก็เนียนมากแล้ว แต่ถ้าเปิด Super Steady ก็จะยิ่งเนียนมากขึ้นไปอีก จนแม้แต่วิ่งถ่ายยังนิ่งมาก ๆ เลย (Super Steady ถ่ายได้สูงสุดที่ 4K 60fps)

Play video

Play video

ถ่ายวิดีโอ 8K ได้

Galaxy Z Fold5 ถ่ายวิดีโอได้ความละเอียดสูงสุด 8K 30fps และยังใช้ระบบกันสั่นได้อยู่ด้วย ภาพที่ออกมาก็เลยค่อนข้างนิ่งใช้ได้เลยล่ะ (อัปโหลดไฟล์ 8K ใส่ YouTube ยังไม่ได้)

Play video

กล้องหน้าฝังใต้จอ

กล้องเซลฟี่ของ Galaxy Z Fold5 มีทั้งหมด 2 ตัว แต่จะแบ่งไว้ตรงจอด้านนอก 1 ตัว ความละเอียด 10MP และกล้องเซลฟี่ด้านใน 4MP ที่ฝังเอาไว้ใต้จอเลย ซึ่งกล้องตัวนี้จะให้ภาพไม่คมเท่ากับกล้องเซลฟี่จอนอกนะครับ เพราะยังเป็นข้อจำกัดของเทคโนโลยีนี้อยู่

กล้องเซลฟี่สามารถเลือกได้ 2 มุมมอง คือมุมปกติ และมุม Ultrawide สำหรับถ่ายเป็นหมู่คณะ จะได้เก็บภาพแบบครบ ๆ นั่นเองครับ

กล้องเซลฟี่จอด้านนอก 10MP

กล้องเซลฟี่ใต้จอภาพจะไม่คมเท่า และดูมืดกว่า

พลิกแพลงการใช้กล้องได้หลายแบบ

ด้วยความที่หน้าจอของ Galaxy Z Fold5 พับไปมาได้ ทำให้สามารถพลิกแพลงการใช้งานได้หลากหลายกว่า ไม่ว่าจะใช้กล้องหลังถ่ายเซลฟี่แล้วใช้จอหน้าเล็งมุม หรือจะกางจอออกแล้วถ่ายรูปปกติ แต่เปิดจอหน้าให้นางแบบเห็นด้วย จะได้มองเห็นตัวเองตอนโพสต์ท่า

ถ้ากล้องเซลฟี่ยังสวยไม่พอก็ใช้กล้องหลังได้

ถ้ากลัวนางแบบไม่ถูกใจมุมกล้อง ก็ให้ดูเองได้

แบตเตอรี่อึดถึก

Galaxy Z Fold5 ให้แบตเตอรี่มา 4400 mAh แม้จะไม่ได้เหยียบ 5000 mAh เหมือนมือถือรุ่นอื่น ๆ ในตลาด แต่การใช้งานทั่วไปเรียกว่าอยู่ได้ทั้งวันสบาย ๆ เพราะเวลาใช้งานจริงคงไม่ได้กางจอใหญ่ตลอดเวลาอยู่แล้ว ถ้าใช้จอนอกซะส่วนใหญ่ แล้วใช้จอใหญ่สลับ ๆ บ้าง ก็ไม่ต้องห่วงเลยว่าจะแบตเตอรี่หมดระหว่างวัน

ลองทดสอบแบบหนักหน่วงด้วยการเปิด YouTube ความละเอียด FHD บนหน้าจอใหญ่ เชื่อมต่อกับ WiFi ความสว่างหน้าจอ 60% และลำโพง 40% (ลำโพงเสียงดังมาก ไม่ต้องเร่ง Volume เยอะ) ซูมภาพให้เต็มจอ เปิดทิ้งไว้ 8 ชม. ยังเหลือแบตเตอรี่อีกตั้ง 45% เลยนะ

ส่วนระบบชาร์จไวต้องบอกว่าสู้ค่ายอื่นไม่ได้จริง ๆ เพราะยังคงรองรับแค่ 25W เท่านั้น ชาร์จแบตเตอรี่จาก 5% จนเต็ม 100% ใช้เวลาประมาณ 2 ชม.

 

สรุป

ข้อดี

  • บานพับแบบใหม่ทำให้เครื่องพับสนิทขึ้น ก็เลยดูบางลงกว่ารุ่นก่อน ๆ
  • งานประกอบ+วัสดุพรีเมี่ยมสมราคา
  • สเปคแรงหายห่วง
  • จอพับความละเอียดสูง รีเฟรชเรทไหลลื่น สีสวยสด สว่างสู้แดด
  • รองรับ S Pen (Fold Edition) ใช้จดใช้วาดได้ดี
  • กล้องสวยระดับเรือธง
  • ถ่ายวิดีโอได้สูงสุดระดับ 8K
  • กันสั่นนิ่งมาก
  • กล้องพลิกแพลงการถ่ายได้หลายแบบ
  • Multi Tasking สะดวก เปิด 3 แอป บนจอเดียว
  • มี DeX Mode ใช้ประโยชน์ได้จริง
  • กันน้ำ IPX8 อุ่นใจไม่กลัวฝน
  • ลำโพงเสียงดัง และเสียงดี
  • แบตเตอรี่ใช้งานได้ทั้งวัน ไม่ต้องกลัวหมดกลางคัน

ข้อสังเกต

  • เครื่องหนัก (253 กรัม) ใส่กระเป๋ากางเกงแล้วแกว่งมาก
  • จอหน้ายังไม่เป็น FHD+
  • จอพับยังมีรอยยับที่เห็นได้ชัดอยู่
  • อัตราส่วนของจอพับ ไม่เหมาะกับการเล่นเกมบางประเภท
  • ดูหนังดูคลิปแล้วเหลือขอบบน-ล่างเยอะมาก
  • กล้องเซลฟี่ใต้จอยังไม่ค่อยดี (ภาพไม่คม+ค่อนข้างมืด)
  • ยังได้แค่มาตรฐานทนน้ำ แต่ไม่ทนฝุ่น
  • ระบบชาร์จไวยังได้แค่ 25W
  • S Pen Fold Edition ต้องซื้อแยก
  • ไม่มีช่องเก็บ S Pen ในตัว

Galaxy Z Fold5 เรียกว่าเป็นมือถือจอพับไฮเอนด์ที่มากับสเปค + ฟีเจอร์ครบครันสุด ๆ แล้ว ไม่ว่าจะความแรงที่รองรับการใช้งานในปัจจุบันได้ทุกรูปแบบ, กล้องถ่ายสวยทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ, หน้าจอพับใหญ่เต็มตาสีสันสวยสด, รองรับปากกาไว้จดได้สะดวก ๆ หรือจะวาดรูปเล่นก็ได้, ความสามารถในด้าน Multi Tasking ที่สะดวกมากขึ้นในการเปิดแอปได้พร้อมกันถึง 3 แอปบนจอเดียว

มือถือจอพับแบบนี้อาจจะไม่เหมาะกับบางคน ด้วยข้อจำกัดเรื่องน้ำหนักที่ค่อนข้างมาก จนคิดว่าไม่ถนัดเท่าไหร่หากต้องพกไว้ในกระเป๋ากางเกง, คนชอบเล่นเกมอย่าง PUBG ROV หรือ Wild Rift ก็อาจจะไม่ถูกใจกับอัตราส่วนหน้าจอที่ทำให้มุมมองด้านข้างหายไปเยอะมาก และหลัก ๆ เลยก็คือราคาที่สูงกว่ามือถือเรือธงทั่วไปเป็นเท่าตัว

Play video

Galaxy Z Fold5 วางขายในไทยทั้งทั้งหมด 3 รุ่น แบ่งตามหน่วยความจำดังนี้

  • 256GB : ราคา 59,900 บาท
  • 512GB : ราคา 65,900 บาท
  • 1TB : ราคา 75,900 บาท

แต่ถ้าหากใครสนใจ แล้วอยากจะได้ราคาพิเศษ ๆ ก็มีโปรจองจากหลากหลายช่องทางทั้งร้านค้าออนไลน์ และโปรจากผู้ให้บริการเครือข่ายมาให้เลือกดูกันด้วยนะ ว่าอันไหนคุ้มกว่ากัน