เปิดตัวกันไปตั้งแต่งาน CES เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ในที่สุด Sony Thailand ก็เตรียมนำเอาเจ้า Android TV มาขายกันสักที ซึ่งงานนี้ยกพลกันมาหลากรุ่นหลายราคามากมาย แต่เชื่อว่าหลายๆคนคงจะสงสัยว่า Android TV มันมีอะไรดี? น่าใช้รึเปล่า? แตกต่างจาก Android ปกติอย่างไร? ลงแอปจากใน Play Store ได้มั้ย? เดี๋ยวเรามาหาคำตอบกันครับ

    Sony เรียกว่าเป็นแค่เจ้าเดียวในเหล่า Inter Brand ชื่อดังที่ทำ Android TV เลยก็ว่าได้ เพราะทั้ง Samsung และ LG จนถึงตอนนี้ยังไม่เห็นปล่อยออกมาสักโมเดล ซึ่ง Android TV ที่ทาง Sony เตรียมนำเข้ามาขายในไทยมีทั้งหมด 6 รุ่นใหญ่ แต่ถ้านับแบบซอยย่อยขนาดหน้าจอด้วยจะมีอยู่รวมถึง 10 รุ่น

    • Flagship – X9400C (75”), X9300C (65”)
    • Ultra Slim 4K – X9000C (55”, 65”)
    • Entry 4K – X8500C (55”), X8300C (43”,49”)
    • Android TV – W800C (43”, 50”, 55”)

    ส่วนตัวที่เป็น Full Internet และ Simple Internet จะไม่ใช่ Android TV นะครับ

    ซึ่งตัวที่เราได้มาลองเล่นกันวันนี้จะเป็นรุ่น Android TV W800C ขนาดจอ 50” ซึ่งเพิ่งเปิดราคากันไปไม่นาน ที่ 34,990 บาท มีใส่เทคโนโลยีอะไรมากมายไม่ว่าจะเป็น X-reality pro, X-protection pro, Motionflow XR 800Hz, DSEE ซึ่งมันมีดีอะไรอย่างไร ลองไปหาอ่านเอาจากเว็บของ Sony เอาละกันครับ วันนี้เราจะมาลองกันหลักๆในเรื่องฟีเจอร์เท่านั้น

    เว็ปหลักของ W800C : http://www.sony.co.th/product/kdl-50w800c


เทคโนโลยีด้านภาพและเสียงมากมายหลายสิ่งที่ยัดใส่เข้ามาให้ใน W800C 

 

    เรามาเริ่มจากการส่องสเปคของเจ้า Android TV เครื่องนี้กันก่อนเลยดีกว่า

  • Model : KDL-50W800C
  • Device Type : Android TV 
  • Android Version : 5.0.2 (32-bit)
  • CPU : SoC MediaTek MT5890
  • GPU : Mali-T624 (OpenGL ES 3.1 Supported)
  • RAM : 2GB
  • Storage : 8.363GB
  • Display : 
    • Screen Size : 50” 
    • Resolution : Full HD 1920×1080 px
    • Density : ~44.289 DPI
  • Connections
    • USB OTG
    • WiFi Direct
    • Bluetooth (BLE Supported)
    • Microphone
    • Ethernet
    • WiFi
    • Miracast (Screen Mirroring)
    • Google Cast (Cast Screen)
  • Sensor : Light Sensor
  • อื่นๆ
    • รองรับ Analog/Digital TV
    • รองรับการแสดงผล 3D
    • ClearAudio+
    • X-Reality™ PRO
    • DVB-T/T2 (Built-in Digital TV Tuner)
    • รองรับการเล่นไฟล์ผ่านช่อง USB

    จะเห็นว่ารุ่นนี้ใช้ชิป MediaTek แต่เป็นเบอร์ 5890 ที่ไม่คุ้นหูกันเลย เพราะว่าชิปเบอร์นี้สร้างขึ้นมาเพื่อใช้งานสำหรับ Digital TV โดยเฉพาะ ไม่ได้นำไปใช้งานบนสมาร์ทโฟนหรือแทบเลต

 

Benchmark

    *เราทำการทดสอบนี้หลัง restart เครื่องเพื่อให้ได้ความสามารถที่แท้จริงของตัว CPU แต่กรณีมีการใช้งานไปนานๆ โหลดอะไรหนักๆ แล้วทำการเทสต์ AnTuTu หรือ 3D Mark อีกครั้ง คะแนนที่ได้อาจจะตกลงไป 10-30%

 

    AnTuTu Benchmark : 23,620 คะแนน 

 

    3DMark – Ice Storm Extreme ได้ 3,049 คะแนน

 

    3DMark – Ice Storm Unlimited ได้ 5,310 คะแนน

 

    Port ที่มีมาให้

   

    สรุป Interface เชื่อมต่อในเครื่อง Sony Android TV (KDL-50W800C)

    • HDMI x4
    • HDMI Audio In x1
    • USB (5V500mA) x2
    • Video in x2
    • Audio Out x1
    • Component In x1
    • Digital Audio Out x1
    • LAN x1
    • Cable / Antenna (ต่อ digital TV) x1

    รวมๆแล้วก็ถือว่ามีอยู่เยอะและครบครันใช้ได้สำหรับผมที่ไม่ได้มีอุปกรณ์ต่อพ่วงกับทีวีอะไรมากมาย

    เอาล่ะเกริ่นนำกันมามากมายละ เดี๋ยวเรามาเริ่มเรื่องของ Android TV กันจริงๆซักทีดีกว่า

 

Android TV มันมีอะไรดี? แตกต่างจาก Android ปกติอย่างไร? น่าใช้รึเปล่า?

    ถ้าคุณคิดว่า Android TV มันจะมีหน้าตาเหมือนบนมือถือหรือแท็บเลตที่ใช้อยู่ล่ะก็ บอกเลยว่าคิดผิด จุดเด่นของมันเลยคือหน้าตา UI และ UX ที่ทำขึ้นมาเพื่อทีวีโดยเฉพาะเนี่ยแหละ เพราะการใช้งานทีวีหลักๆเลยก็คือการดู ไม่ใช่เลื่อน ลาก หรือป้อนคำสั่งอะไรมากมาย และที่สำคัญคือสามารถใช้งานผ่านรีโมทคอนโทรลได้แบบไม่ยากเย็น


UI ปรับแต่งมาเพื่อการควบคุมด้วยรีโมทโดยเฉพาะ

    จุดเด่นอื่นๆนอกเหนือจากหน้าตาที่เปลี่ยนไปก็มีการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆของเราไม่ว่าจะเป็นมือถือหรือแท็บเลตได้อย่างลงตัว เช่น กำลังดูคลิปอะไรบน YouTube หรือดูภาพถ่ายที่เพิ่งไปเที่ยวมา ก็สามารถสั่งให้มันขึ้นไปแสดงบนหน้าจอได้ทันทีผ่านความสามารถ Google Cast

เรียกคลิปที่ต้องการดูขึ้นมา แล้วกดปุ่ม Cast ให้นำขึ้นไปแสดงภาพบนทีวีได้ทันที หลังจากนั้นบนมือถือเราจะสลับแอปไปเล่นเฟซบุ๊ค หรือแชทต่อก็ทำได้ทันที (ความสามารถเดียวกับ ChromeCast)

     

    อีกความสามารถที่พูดถึงกันคือเรื่อง Voice Command ไม่ต้องมาคอยนั่งกดพิมพ์กันอีกต่อไป ซึ่งปกติจะมีการใส่ไมค์ไว้ที่รีโมท ให้เราพูดสั่งงานได้เลย แต่ว่าในตัวที่ได้ทดสอบมานี้ ยังเป็นเพียงรีโมทธรรมดาเท่านั้น 


ไม่มี voice command หรือ touch pad มาในรีโมทด้วย

 

    Play Store ก็เป็นสิ่งที่ขึ้นชื่อว่าเป็น Android แล้วไม่สามารถขาดไปได้ และเพียงมีเจ้านี้ก็จะเปิดความสามารถต่างๆที่ทำให้มันเหนือกว่า SmartTV ทั่วไปแล้ว ทั้งแอปใช้งานทั่วไป แอปเพื่อความบันเทิง ดูหนังฟังเพลงต่างๆ รวมถึงเกมส์อีกมากมาย 

 

แอปใน Play Store มีให้เลือกเหมือนๆกับบนมือถือและแท็บเลต?

    ไม่ใช่ทุกแอปที่จะถูกนำมาใส่รวมเอาไว้ใน Play Store ของ Android แอปที่มาลงได้จะต้องเป็นแอปที่นักพัฒนา ปรับแต่งการใช้งาน UI/UX ทำให้รองรับกับ Android TV เท่านั้น (เรียกว่า Leanback) ถึงจะดาวน์โหลดจาก Play Store มาติดตั้งได้ 

    สำหรับพ่อแม่ที่กลัวว่าถ้าล็อกอิน Google Account ทิ้งไว้ แล้วลูกๆสุดน่ารักจะมากดซื้อแอปเล่น ก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะว่าบน Android TV ก็มีการถามรหัสผ่านก่อนจะจ่ายเงินเหมือนกัน


ตอนสั่งซื้อจะดูเหมือนปกติ แต่จริงๆเราสามารถตั้งค่าให้ใส่พาสก่อนตกลงได้


เวลาพิมพ์พาสเวิร์ดผ่านรีโมทจะเป็นอะไรที่แย่มาก เพราะเราซ่อนไม่ได้เลย แนะนำพิมพ์ผ่านแอปจะดีกว่ามาก


หลังการซื้อจะสามารถตั้งค่าได้ว่าผู้ซื้อต้องใส่พาสเวิร์ดใหม่หรือไม่ได้ทันที
 

 

    อย่างไรก็ดี พวกเรายังสามารถเอา apk มายัดได้เหมือนเดิม แต่ก็จะพบว่ามันแสดงผลได้ไม่สมบูรณ์ หรือไม่สามารถควบคุมได้  และแอปเหล่านี้จะไม่ถูกโชว์ขึ้นมาในหน้า Home ของ Android TV อีกด้วย

 


หน้าจอจะไม่แสดงผลแนวตั้ง และบางครั้งจะไม่สามารถใช้รีโมทกดได้
 

 

    เกม เพลง หนัง ที่เราเคยซื้อเอาไว้บนมือถือ เมื่อเรา sign-in ด้วย account เดียวกัน ก็สามารถโหลดมาดูหรือฟังผ่านทีวีได้เลยทันที

    หนังเรื่อง Shaun the Sheep: The Big Chase เป็นเรื่องที่ผมซื้อเอาไว้บนเครื่องสมาร์ทโฟน เมื่อนำเอา account เดียวกันมา sign-in ก็จะสามารถเล่นหนังเรื่องนี้ได้เลยเช่นกัน แบบไม่มีเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม

สามารถพิมพ์ค้นหาหนังที่ต้องการ หรือหาเอาจากรายการหนังที่จัดเอาไว้เป็นหมวดหมู่ก็ได้

มีหมวดเช่าหนังราคาต่ำกว่า 100 บาทให้เลือกดูด้วย

หนังที่เช่าหรือซื้อมาดูจะมีตัวเลือก Subtitle เปลี่ยนภาษาได้มากมาย

 

Quick remote:TV SideView Sony

    จากข้างต้นที่บอกว่ารีโมทที่ให้มากับเครื่องนี้เป็นแบบธรรมดา ไม่สามารถใช้เป็น TouchPad หรือสั่งงานด้วยเสียงได้นั้น เราสามารถไปโหลดแอปที่จะเปลี่ยนมือถือเรากลายเป็นรีโมทที่ทำงานได้ทุกอย่างครบทันที


เลือกหมวดหมู่การบังคับได้ทันที สามารถใช้เป็น mouse cursor ลากก็ได้ หรือจะเลือกเปิดแอปที่ต้องการทันที

    เมื่อเราพิมพ์พาสเวิร์ดผ่านแอปนี้ จะมีความปลอดภัยมากกว่า เพราะจะไม่แสดงข้อมูลบนหน้าจอขึ้นมา แต่เป็นการส่งข้อความทั้งหมดเข้าไปในคราวเดียว

 

สามารถไปโหลดได้เลยที่

 

ดูทีวีดิจิตอลได้ เพียงแค่เสียบเสาสัญญาณเข้าไป

    สำหรับคนที่ชอบดูรายการทีวี เจ้า Sony Android TV W800C ก็จะมี Digital Tuner มาให้ภายในตัว แค่ไปซื้อเสารับสัญญาณมาเสียบต่อก็สามารถดูรายการโทรทัศน์ได้เลย

ต่อเสาสัญญาณ Digital TV ใช้ภายในอาคาร ซื้อมาจากโลตัส ชิ้นละ 390 บาท หน้าตาดูดี วางกับเจ้า Sony Android TV แล้วเข้ากันดีอยู่ สามารถยืดหดเสาได้ สัญญาณชัดแจ๋ว 😉

เอามาดูช่อง HD ได้ภาพคมพอสมควรเลย สามารถเลือกภาษาที่ต้องการเล่นได้ทันที 
และถ้าช่องไหนมีทำ Subtitle มาให้เลือกได้ก็สั่งเปิดได้ด้วย

ดู TV Guide หารายการที่ต้องการดูได้ตามเวลาที่ต้องการ แต่ว่าบางช่องจนป่านนี้ก็ยังไม่ใส่รายละเอียดลงไป

 

ตาไม่ว่างดู ก็เปิดเพลงฟังได้ชิวๆ

    ถัดมาไปต่อกันที่เรื่องฟังเพลงหน่อย เพราะทีวีเครื่องนี้ทางโซนี่เค้าบอกมาว่าเสียงดีนะฮับ 

ในเครื่องมีแอป Play Music และ Music ของ Sony เอง

    ถ้าใครคิดว่าเปิดทีวีฟังเพลงแล้วจะเปลืองไฟ ก็สามารถปิดหน้าจอลงฟังแต่เพลงได้นะ กด Option บนรีโมตแล้วเลือก Picture Off ได้เลย

 

ทดลองเล่นเกมส์ผ่าน Android TV

หน้า Home จะมีการจัดหมวดหมู่รวมเกมส์มาให้เลือกกันได้ง่ายๆ

เล่น Crossy Road บนจอใหญ่ๆภาพก็ยังน่ารัก

หรือจะจับเอา Minion มาวิ่งกันเพลินๆก็ได้

    มีเกมส์ให้เลือกเล่นมากมายหลายประเภท ตั้งแต่แอคชั่นไปยันเกม RPG 

    และการควบคุมของแต่ละเกมก็จะมีทั้งการใช้รีโมตทีวีควบคุมตัวละครในเกมต่อจอยเกมผ่านบลูทูธหรือ USB ก็มี ซึ่งขึ้นอยู่กับเกมนั้นๆว่ารองรับหรือไม่ แต่เกมส่วนใหญ่จะรองรับรีโมตอยู่แล้ว 

    รีโมตของ Sony ตัวนี้ ปุ่มเลข 0 – 9 ใช้แทนการกดปุ่มต่างๆบนจอยเกมได้ด้วยนะ

    แต่อย่างไรก็ดีประสบการณ์เล่นเกมส์ผ่าน Sony Android TV จะยังไม่ถึงกับสมบูรณ์มากนัก เพราะว่าเจอ กราฟิคหนักๆเข้าไปก็มีกระตุกๆหน่วงๆอยู่พอสมควร ^^”

 

บริหารจัดการไฟล์ผ่าน File Explorer ต่างๆได้ทันที

    และนอกจากการต่อจอยแล้ว ยังสามารถต่อเมาส์ต่อคีย์บอร์ดผ่านบลูทูธหรือสาย USB ได้เหมือนแอนดรอยด์ทั่วๆไปเลย หรือจะต่อแฟลชไดร์ฟ ต่อฮาร์ดดิสก์ก็ทำได้ทันทีเช่นกัน แต่เวลาจะเปิดไฟล์ก็อย่าลืมโหลด ES File Explorer มาลงก่อนนะ (สามารถดาวน์โหลดจาก Play Store ได้เลย) เพราะในเครื่องไม่มี File Explorer ให้ใช้งาน

 

Photo Sharing Plus ทีเด็ดของ Sony Android TV

    และสุดท้าย อันนี้เรียกว่าเป็นทีเด็ดของเจ้า Android TV ตัวนี้ที่ทำให้ผมว้าวที่สุดกับแอป Photo Sharing Plus ด้วยความสามารถที่ทำให้เราสามารถแชร์ภาพขึ้นทีวีได้อย่างง่ายโคตรๆ และสามารถแชร์ได้พร้อมๆกันกับเพื่อนๆได้ทันทีถึง 10 คน

 

วิธีการใช้งาน

    เข้าแอป Photo Sharing Plus จะมีให้เลือกตั้งค่า

    ให้เครื่องที่ต้องการจะแชร์ขึ้นทีวี เชื่อมต่อเข้าไปยัง WiFi ที่ปล่อยมาโดย Sony Android TV โดยใส่ password ตามที่ขึ้นมาบนหน้าจอ

 

    แล้วหน้าจอทีวีจะแสดงหมายเลขไอพีของตัวทีวีเพื่อให้เปิดบนเว็บบราวเซอร์

 

    เมื่อเปิดหน้าเว็ปดังกล่าวขึ้นมาก็จะสามารถส่งไฟล์รูปหรือไฟล์วีดีโอขึ้นไปแสดงบนหน้าจอเพื่อแชร์ให้กับเครื่องอื่นๆได้ โดยที่เครื่องอื่นๆสามารถกดเซฟไฟล์นั้นๆได้ทันทีบนเครื่องของตัวเอง

 

    โดยการรับส่งข้อมูลจะอยู่ในตัวเครื่อง Sony Android TV เท่านั้น ไม่ได้ส่งขึ้นอินเตอร์เน็ต จึงทำให้การรับส่งไฟล์ทำได้ไวมาก และรองรับทั้ง Android และ iOS (WP ก็น่าจะได้นะ เพราะไม่ต้องใช้แอป)

สรุป

ข้อดี

  • มี Digital Tuner ในตัว ดูทีวีได้ทั้งแบบ Analog และ Digital
  • สามารถโหลดแอพต่างๆได้มากมาย เกมส์ก็มีเพียบ
  • สั่งให้เล่น YouTube ผ่านมือถือได้ทันที
  • เช่า-ซื้อ หนังที่ต้องการผ่าน Play Store ได้เลย
  • แชร์ภาพให้กันและกันได้อย่างสะดวกโคตรๆผ่าน Photo Sharing Plus

 

ปัญหาที่พบ 

  • ยังทำงาน Multitask ได้ไม่ดีนัก
  • เล่นเกมส์หนักๆแรงๆได้ไม่จุใจ
  • จัดการแรมได้ไม่ดี พบอาการหน่วงเป็นพักๆ ไม่มีปุ่มให้ Restart
  • เข้าแอปแล้วมักโดนแจ้งว่ายังไม่ได้ต่อเน็ตแล้วต้องเข้าใหม่

 

จะซื้อหรือไม่ซื้อดี

    จนถึงตอนนี้ ทางโซนี่ก็ได้เปิดราคาของเจ้า Android TV มาเรียบร้อย โดยในซีรีย์สนี้จะมีให้เลือก 3 ขนาดหน้าจอ คือ  

  • KDL-43W800C หน้าจอขนาด 43 นิ้ว ราคา 26,490 บาท
  • KDL-50W800C หน้าจอขนาด 50 นิ้ว ราคา 34,990 บาท
  • KDL-55W800C หน้าจอขนาด 55 นิ้ว ราคา 42,990 บาท

    ข้อดีของเจ้านี่ก็มีมากมาย พวกเราเล่นกันแล้วก็ชอบใจอยู่ ส่วนปัญหาก็มีตามที่ว่าไป ถ้าจะสรุปสั้นๆเลยก็ต้องบอกว่าถ้าคุณเป็นคนที่ใช้ Android เป็นหลักในบริการด้านความบันเทิง และต้องการซื้อตอนนี้เดี๋ยวนี้ Sony Android TV ตัวนี้ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีอันนึงเลยครับ

    มีอะไรสอบถามเพิ่มเติม มาเม้นกันได้ด้านล่างเลยครับ 😀