ช่วงนี้ผู้อ่านหลายๆท่านคงได้ไปแวะเยี่ยมเยียน The EmQuartier ที่พึ่งเปิดตัวไปได้ไม่นานมานี้ ซึ่งใครหลายๆคนก็ต่างกันพาไปเที่ยวไปเยี่ยมชมที่นี่ว่ามีอะไรบ้าง และส่วนใหญ่ก็จะเป็นเรื่องของกินเป็นหลัก

        ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ไปเยียมชมที่ The EmQuartier แล้วเช่นกัน แต่ทว่านอกจากของกินแล้ว ผมสนใจบูธ Sony ที่เปิดอยู่ที่นี่มากกว่า เพราะว่าบูธ Sony ได้นำสินค้าตัวใหม่ มาโชว์ภายในบูธให้เราได้ลองเข้าไปดม เข้าไปอม เข้าไปชมกันนาน 11 วัน

        นั่นก็คือ Sony Android TV นั่นเอง!!!

 

    สำหรับ Android TV ตัวนี้จะเรียกว่าเปิดตัวที่นี่ที่แรกก็ไม่เชิง (พนักงานบอกเช่นนั้น) เพราะจริงๆแล้วมันถูกเปิดตัวในงาน CES2015 มาก่อนแล้ว  แต่ก็แอบมาเปิดตัวที่นี่อย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยเช่นกัน (เพราะทาง Sony ไม่ได้บอกว่ามันคืออะไร)

 

ฟีเจอร์และสเปคโดยรวม

    โดยตัวที่นำมาโชว์จะเป็นรุ่น X9400C ที่มีขนาดหน้าจอ 75 นิ้ว ความละเอียด 4K Ultra HD คมชัดสะใจ ทำงานบน Android 5.0.2 เป็น Flagship ของ Sony Android TV ที่เปิดตัว ณ ตอนนี้เลย

    อ้อลืมบอก สำหรับการแบ่งประเภทของอุปกรณ์แอนดรอยด์ เจ้า Android TV จะมีคำเรียกทาง Development ว่า Leanback นะครับ

    โดยเจ้า Sony Android TV ตัวนี้ก็มาพร้อมรีโมตบลูทูธเหมือนกับ Nexus Player แต่ทว่าจะมีรูปร่างหน้าตาต่างกันเล็กน้อย

 

    ภาพรีโมตบลูทูธของ Nexus Player

 

    สำหรับรีโมตของ Sony จะมีชื่อเรียกว่า One-Flick Remote ที่มี Touchpad ให้ผู้ใช้สามารถปัดนิ้วเพื่อเลื่อนเคอร์เซอร์ได้ (นึกไม่ออกก็นึกถึง Magic Mouse ของ Apple ที่สามารถปัดนิ้วไปมาบนนั้นได้) ซึ่งจะต่างจาก Nexus Player ที่เป็นปุ่มกด

    และเวลาอยากจะกดเลือกเมนูนั้นๆก็ให้กดบน Touchpad ได้เลย (เป็นแบบทัชได้และกดได้) และมี NFC ในตัวเพื่อใช้มือถือแตะที่รีโมตเพื่อใช้สั่งงานแทนรีโมตได้ (เรียกว่า One-Flick Mirroring)

 

    นอกจากนี้ก็ยังมีรีโมตแบบธรรมดาให้อีกด้วย แต่ก็เป็นรีโมตเฉพาะที่มีปุ่มหลักๆที่ใช้งานใน Android TV ให้ด้วย

 

    เทียบรีโมตธรรมดา (ซ้าย) กับรีโมตของ Android TV (ขวา)

 

    สำหรับ One-Flick Remote จะมีปุ่มเรียก Google Now โดยให้พูดใส่รีโมตได้เลยเหมือนกับรีโมตของ Nexus Player (อีกปุ่มเป็นปุ่มปิดหน้าจอ)

 

    และเวลาที่ Google Now ทำงานและรอฟังคำสั่งอยู่ ก็จะมีไฟแสดงอยู่บนรีโมตด้วย

 

    ตัวเครื่องรองรับ HDMI จำนวน 4 ช่อง, USB 2.0 จำนวน 2 ช่อง, USB 3.0 จำนวน 1 ช่อง และช่องเสียบ Video In กับสายสัญญาณทีวีอะนาล็อก (มีช่องต่อ Component Video ด้วย แต่หาไม่เจอ)

 

 

    เนื่องจากตัวเครื่องติดชิดกำแพงและอยู่ตรงมุม ผมจึงถ่ายภาพออกมาได้เพียงเท่านี้ (ต้องขออภัยด้วย)

 

    รองรับการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่าน WiFi และ Ethernet (สาย LAN)

 

    ปัญหาที่เจอเล็กน้อยคือผมใช้ Moto X 2013 ปล่อย Hotspot แต่ว่าเจ้า Android TV กลับมองไม่เห็นสัญญาณ ซึ่งไม่น่าใช่ความผิดปกติของ Android TV เพราะ Notebook ที่ใช้อยู่มันก็มองไม่เห็น

 

    และลองต่อ AIS WiFi ก็พบว่าเข้าหน้าใส่รหัสผ่านเพื่อล็อกอินไม่ได้ แต่พอลองๆนึกดูก็คิดว่า Android TV มันมีไว้ตั้งอยู่ที่บ้าน เพราะงั้นมันก็ไม่จำเป็นต้องรองรับการใช้งานกับ WiFi สาธารณะนี่หว่า…เพราะงั้นมันก็ไม่ผิดที่จะไม่มีหน้าล็อกอิน

    เนื่องจากต่อเนตไม่ได้เพราะงั้นผมจึงไม่ได้ทดลอง Content ที่ต้องเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตซักเท่าไร

 

    และนอกจากจะเป็น Android TV แล้วก็ยังสามารถดูทีวีผ่านสัญญาณอะนาล็อกและดิจิตอลได้เหมือนทีวีทั่วๆไป

 

    รองรับการแสดงผลแบบ 3 มิติด้วยล่ะ! (ชาบู~) แต่ต้องใช้กับแว่นของ Sony นะ

 

Android TV : Android 5.0 Lollipop

    สำหรับฟีเจอร์พื้นฐานก็จะเหมือนกับ Android TV ปกติอย่าง Nexus Player เลย มีแอพตระกูล Google Play และก็มีแอพของทาง Sony เองเพิ่มเข้ามาด้วย

 

    รองรับ Screen Mirroring (เอา Android มา Mirroring บน Android ฮิ้ว!)

 

    ที่ผมชอบก็คงเป็น Material Design บน Android TV นี่ล่ะ เอฟเฟคจัดเต็ม บริ๊งๆ วื๊บๆ

 

    หน้าตั้งค่าจะมีเมนูย่อยหลากหลายและแตกต่างจาก Android ทั่วไป ทั้งนี้ก็เพราะว่ามันเป็น Android TV

 

    สามารถติดตั้งแอพได้เหมือน Android ทั่วไป แต่ก็ไม่ใช่ทุกแอพ เพราะว่าอาจจะไม่ได้รองรับ Leanback

 

    กดเข้าไปสั่งเปิดได้เลย (ถ้าแอพนั้นๆเปิดได้) และมีเมนูต่างๆแบบ App Info ของแอนดรอยด์ปกติเลย

 

    มีหน่วยความจำภายใน 8.2GB

 

    มี Google Cast ในตัว เป็นฟีเจอร์ที่ทำให้ Android TV ทำงานได้เสมือนเป็น Chromecast (สามารถส่ง Content ต่างๆให้ไปแสดงบนหน้าจอได้) จึงทำให้สามารถใช้แอพอย่าง Chromecast เพื่อสั่ง Cast ภาพ วีดีโอ หรือเล่นวีดีโอจาก YouTube บนหน้าจอทีวีได้เลย

 

    อีกอย่างที่น่าสนใจก็คือสามารถต่อกับ HDD ภายนอกได้เพื่อบันทึกรายการต่างๆ (ถึงมี USB 3.0 ไงล่ะ)

 

    รองรับหลายภาษา รวมไปถึงภาษาไทย (ความรักก็เช่นกัน)

 

    ติดตั้งแอพผ่าน Unknown Source ได้ด้วยล่ะ!!

 

    กดที่ Build Number 7 ครั้งเพื่อเป็น Developer Mode ได้ แต่ผมหาเมนู Developer options ไม่เจอ…

 

    ข้อเสียที่เจอหลักๆก็คงเป็นเรื่องการพิมพ์ ที่ไม่สามารถซ่อนรหัสผ่านได้เลย เพราะหน้าจอมันใหญ๊ใหญ่ เห็นรหัสผ่านชัดเจนทุกตัว

 

ชิปประมวลผล 4K Processor X1 

    และนอกจากที่เกริ่นมาทั้งหมดแล้ว หัวใจหลักของ Android TV ก็อยู่ที่ชิป 4K Processor X1 ชิปประมวลผลตัวใหม่ล่าสุด เมื่อทำงานร่วมกับ 4K X0Reallity Pro แล้ว จะสามารถปรับภาพ (Upscale) ให้คมชัดขึ้นเพื่อที่จะแสดงบนหน้าจอ 4K ได้อย่างสวยงาม ภาพหยาบและแตกน้อยลง

 

    ซึ่งรุ่นนี้ทาง Sony จะชูโรง 3 คุณสมบัติที่ทำงานร่วมกับ 4K Processor X1

 

Play video

 

    ลำโพงคมชัดสมจริงด้วยระบบ Clear Audio+ โดยตัวลำโพงอยู่ข้างหน้าทั้งสองฝั่งของตัวเครื่อง มีวูฟเฟอร์และซัปวูฟเฟอร์ในตัว

 

    และนอกจากรุ่นนี้ที่เป็นรุ่นท็อปสุดของ Android TV จาก Sony ก็ยังมีรุ่นยิบย่อยให้ผู้ใช้ได้เลือกสรรกัน (แต่ตอนนี้ดูแต่ตัวโชว์ไปก่อน)

 

Sneak Preview 11 วันเท่านั้น

    Sony Android TV ตัวนี้ไม่ใช่เครื่อง Demo ที่จะมาประจำอยู่ที่บูธ Sony อย่างถาวร เพราะจะอยู่ที่บูธแค่ 11 วันเท่านั้น แล้วเอาไปโชว์ที่อื่นต่อ ดังนั้นถ้าผู้ที่หลงเข้ามาอ่านคนใดอยากจะลองสัมผัสหรือไปลองเล่นดูก็รีบๆไปลองกันซะล่ะ ก่อนที่ทาง Sony จะส่งกลับบ้าน (วันที่ 6 เมษายน)

 

    โดยบูธ Sony จะอยู่ที่ชั้น 3 ของ The EmQuartier ใกล้ๆบันไดเลื่อนตามที่วงไว้ในภาพ

 

 

มี Smartwatch 3 ให้ลองเล่นด้วยนะเออ

     นอกจาก Sony Android TV แล้วก็ยังมีเจ้า Sony Smartwatch 3 มาโชว์ในบูธของ Sony ด้วยเช่นกัน

 

    ลองเล่นๆดูก็พบว่ามันลื่นกว่า Moto 360 T^T

 

 

Smart B-Trainer ก็ส่งตรงมาโชว์ตัวเป็นเวลา 11 วันเช่นกัน

    Smart B-Trainer ที่เป็น Wearable Device ในรูปแบบของหูฟังที่มีทั้ง GPS, Heartrate Monitor และ Music Player 

 

    ซึ่งน่าแปลกใจไม่น้อยที่จะมี Wearable Device ที่อยู่ในรูปของหูฟังแบบนี้ แถมเหมาะกับ Sport Tracking เป็นอย่างมาก จากการที่ลองเล่นดูก็พบว่าในระหว่างการ Tracking ก็จะมีเสียงแจ้งเตือนคอยบอกระยะทางและข้อมูลต่างๆให้ (ถามพนักงานเอา ไม่ได้วิ่งเองจริงๆ)

 

    กันน้ำกันฝุ่น IPX5/8 มีบลูทูธและ NFC โดยจะใช้บลูทูธเชื่อมต่อกับมือถือเวลาที่ต้องการส่งข้อมูลที่บันทึกไว้ในตัว Smart B-Trainer ไปแสดงผลบนมือถือ ซึ่งจะต้องดาวน์โหลดแอพมาติดตั้งในเครื่องก่อน 

    https://play.google.com/store/apps/details?id=jp.co.sony.smarttrainer.btrainer.running

 

    ซึ่งพบว่าเจ้าแอพ B-Trainer for Running เนี่ย ในประเทศไทยยังไม่สามารถดาวน์โหลดได้ เพราะงั้นถ้าใครจะไปลองผมก็แนะนำว่าให้ดาวน์โหลดเป็น APK ไปติดตั้งเตรียมไว้ก่อนละกันนะ

 

    และที่ผมชอบใน Smart B-Trainer ก็คือแท่นชาร์จที่เป็นขั้วทองแดง โดยจะเสียบเข้ากับขั้วทองแดงที่อยู่ฝั่งขวาของหูฟัง

 

    ในการถ่ายโอนข้อมูลจาก Smart B-Trainer จะต้องต่อแท่นชาร์จ ซึ่งเจ้าแท่นชาร์จจะต่อผ่านสาย USB อีกที ก็สามารถต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์เพื่อถ่ายโอนข้อมูลได้เลย (เจ๋งดี)

    แต่ก็แอบสงสัยเหมือนกันนะว่าขั้วทองแดงอยู่ตรงนี้แล้วเวลาใส่ออกกำลังกายแล้วเหงื่อออก ขั้วทองแดงมันยังคงสภาพสดใหม่แบบนี้ได้นานซักแค่ไหนกัน

 

 

    เสียดายอย่างเดียว เล่นได้ไม่เยอะนัก (จริงๆนะ) เพราะว่าไปตอนหัวค่ำซึ่งบูธ Sony จะปิดตอนสองทุ่ม (ไปถึงก็หนึ่งทุ่มกว่าๆแล้ว)

 

    ขอขอบคุณพนักงานบูธ Sony สาขา The EmQuatier ที่ให้ผมได้ลองเล่นเพื่อนำมาใช้เป็นข้อมูล