ในยุคที่การเล่นเกมออนไลน์กำลังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง หูฟังเกมมิ่งคุณภาพสูงจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม และ SteelSeries Arctis Nova 7 ก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจ และรุ่นนี้ยังมาพร้อมกับลายพิเศษ Diablo IV Edition ที่ตีบวกความสวยงามจากรุ่นธรรมดาขึ้นมาอีกระดับ วันนี้ทีมงานจะพาไปสำรวจรายละเอียดของหูฟังรุ่นนี้ว่ามีอะไรเด็ด น่าโดนบ้าง เสียงดีหรือไม่ ใช้งานจริงแล้วตอบโจทย์ความต้องการของเกมเมอร์ยุคใหม่อย่างไรบ้าง
ดีไซน์
งานออกแบบภายนอกของ Steelseries Arctis Nova 7 Diablo IV Edition มีดีไซน์ที่เหมือนกับหูฟัง Arctis Nova 7 รุ่นปกติสีดำที่เป็นหูฟังแบบ Over-Ear หรือ Full Sized เลย เพียงแต่เพิ่มลวดลายการตกแต่งธีม Diablo IV เข้าไปแค่นั้น ซึ่งบอกเลยว่ารายละเอียดที่เพิ่มเข้ามานั้นมีเยอะหลายจุดมาก ๆ เพิ่มความดุดันสมกับเป็นเกมแอคชันผจัญภัยธีมดาร์กแฟนตาซี
เริ่มกันที่ภายนอกบริเวณที่อยู่ของตัวดอกลำโพงจะถูกออกแบบให้ดูแล้วนึกถึงโล่ป้องกัน หรือชุดเกราะของเหล่าปีศาจในเกม Diablo IV โดยเมื่อแกะแผ่นปิดที่ถูกยึดด้วยแม่เหล็กออกจะพบกับลวดลายภายในที่เป็นรูปบอสหลักของภาคนี้ด้วย และสำหรับใครที่อยากเปลี่ยนแผ่น Plate ตัวนี้ก็สามารถซื้อลายอื่นมาเปลี่ยนได้เช่นกัน
ตัวก้านที่เชื่อมระหว่างหูฟังสองด้านใช้วัสดุเป็นพลาสติกผสมกับโลหะที่มีการทำลวดลายเป็นเหมือนโครงกระดูกของปีศาจในเกม Diablo IV ต่างกับรุ่นอื่นที่เป็นแบบเรียบ ๆ ช่วยเพิ่มความดุดันให้กับตัวหูฟังขึ้นเป็นอย่างมาก ส่วนตัวก้านหลักที่เป็นจุดรับแรงทำมาจากโลหะสามารถปรับยืด-หดได้ตามสรีระของผู้สวมใส่ จะหัวเล็ก หัวใหญ่ใช้ได้หมด
ส่วนแถบรองศีรษะ (Head Band) เป็นผ้าปั๊มลวดลายสี Two-Tone ที่ดูแล้วนึกถึงผิวหนังของปีศาจในเกมให้สัมผัสค่อนข้างดี สามารถปรับระยะความยาวที่ต้องการได้อีกเล็กน้อย แล้วแต่ความชอบของแต่ละคน
รายละเอียดส่วนอื่น ๆ เรียกได้ว่าเหมือนกับ Steelseries Arctis Nova 7 เลย ด้านซ้ายมีที่ปรับระดับเสียงแบบปรับแยกกับที่ระดับเสียงในเครื่อง ปุ่มปิดไมโครโฟน ช่องเสียบสาย 3.5 และโมโครโฟนแบบดึงเข้า-ออกได้
ส่วนด้านขวามีปุ่มเปิด-ปิดเครื่องในโหมด Wireless 2.4 ปุ่มเปิด-ปิดเครื่องในโหมด Bluetooth ที่ปรับบาลานซ์ระหว่างเสียงเกม และเสียงการสนทนากับเพื่อน เช่น Discord และพอร์ต USB-C เรียกว่าให้การเชื่อมต่อมาแบบครบ ๆ เลยสำหรับรุ่นนี้ จะใช้เครื่องไหนก็ใช้ได้หมด
ตัวฟองน้ำที่ตัวหูฟัง (Ear Cup) ใช้วัสดุเป็นผ้าที่มีลวดลายแบบตาข่าย ช่วยให้สวมใส่เป็นเวลานาน ๆ ได้สบายกว่าวัสดุแบบหนัง ตัวฟองน้ำมีความนุ่มใช้ได้เลย อาจจะไม่นุ่มเท่าวัสดุแบบ Memory Foam ก็ตาม แต่ทำออกมาได้โอเคมาก ๆ แล้ว
การสวมใส่บอกเลยว่าใส่สบายมาก รู้สึกร้อนน้อยกว่าวัสดุหนังมาก ๆ เหงื่อไม่ออกเลย คือถ้าใส่นาน ๆ เล่นเกมตึง ๆ ตอนถอดหูฟังออกมายังไงก็รู้สึกว่าร้อนกว่าไม่ใส่อยู่ดี ข้อดีคือสบายไม่ร้อน ข้อสังเกตของ Ear Cup วัสดุผ้าแบบนี้คือ การตัดเสียงรบกวนภายนอกได้น้อยกว่าแบบหนังอยู่ระดับหนึ่ง คือใส่แล้วยังได้ยินเสียงจากภายนอกอยู่บ้าง และเสียงหูฟังก็รั่วไหลออกไปภายนอกให้คนข้าง ๆ ได้ยินมากกว่า Ear Cup ที่เป็นแบบหนัง
ตัวหูฟังมีขนาดค่อนข้างใหญ่ คนที่มีขนาดศีรษะใหญ่สามารถใส่ได้ ไม่รู้สึกว่าบีบจนเกินไป สามารถใส่และถอดแว่นตอนใส่หูฟังอยู่ได้เลย ถ้าใส่เป็นเวลานาน ๆ บอกเลยหูฟังรุ่นนี้ตอบโจทย์มาก ๆ
อีกไฮไลท์หนึ่งที่น่าสนใจคือเรื่องของกล่องแพ็กเกจที่ถูกออกแบบมาให้มีลวดลาย และธีมที่ล้อมาจากในตัวเกมเห็นแล้วมันเท่อย่างบอกไม่ถูก โดยรอบ ๆ ตัวกล่องก็จะเป็นข้อมูลสเปค และฟีเจอร์แบบเบื้องต้น
นอกจากภายนอกแล้วภายในก็ถูกใส่รายละเอียดมาแทบจะทุกส่วน ไม่ว่าจะเป็นตัวกล่องภทยใน กระดาษหุ้มต่าง ๆ รวมไปถึงคู่มือที่ทำออกมาเพื่อรุ่นนี้โดยเฉพาะ ไม่ได้ใช้คู่มือของรุ่นมาตรฐาน SteelSeries Arctis Nova 7
การเชื่อมต่อ
SteelSeries Arctis Nova 7 Diablo IV Edition รองรับการเชื่อมต่อหลากหลายแบบมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นแบบ Wireless 2.4 GHz, Bluetooth หรือผ่านสาย 3.5 เรียกได้ว่าให้มาครบมาก ๆ ใช้ได้แทบทุกเครื่อง
การเชื่อมต่อแรกคือผ่าน USB-C Dongle ที่ให้มาในกล่อง โดยจะเป็นการเชื่อมต่อแบบไร้สายผ่านคลื่นความถี่ 2.4 GHz แบบเดียวกับที่เมาส์คีย์บอร์ดไร้สายใช้กัน มีข้อดีคือสัญญาณเสถียรกว่า เสียงไม่ดีเลย์ และมีคุณภาพเสียงที่ดีกว่าแบบ Bluetooth
วิธีการใช้งานเพียงแค่เรานำ USB-C Dongle ไปเสียบที่อุปกรณ์ที่เราต้องการใช้งาน ก็จะสามารถใช้ได้ทันที ไม่ต้อง Pair ให้เสียเวลา ใช้ได้ทั้ง Windows, macOS, PS4, PS5, Nintendo Switch, Steamdeck, iOS, Android และเครื่องเล่น VR Oculus Quest 2
ส่วนถ้าเครื่องไหนไม่รองรับ USB-C Dongle ถ้าอยากใช้แบบไร้สายก็สามารถใช้งานผ่าน Bluetooth ได้ด้วย หรือถ้าใครต้องการความเสถียรของสัญญาณมากที่สุด ไม่มีดีเลย์ ก็สามารถใช้การเชื่อมต่อแบบสาย 3.5 ได้เช่นกัน
SteelSeries Arctis Nova 7 Diablo IV Edition รองรับการเชื่อมต่อ 2 อุปกรณ์พร้อมกันผ่าน Wireless 2.4 GHz และ Bluetooth โดยหูฟังจะเล่นเสียงของอุปกรณ์ที่ปล่อยเสียงออกมาก่อนเป็นอันดับแรก และในกรณีที่มีสายโทรศัพท์เข้า หูฟังจะสลับไปที่สมาร์ทโฟนของเราแทน
จากที่ใช้มาก็สะดวกดี เราสามารถเสียบ USB-C Dongle ทิ้งไว้ที่บ้านได้เลย เวลาจะพกหูฟังไปข้างนอกก็ใช้แบบ Bluetooth แทน คล่องตัวสุด ๆ
ซอฟต์แวร์
หนึ่งในสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับหูฟังเกมมิ่งก็คือซอฟต์แวร์สำหรับการปรับแต่งด้านเสียง โดย SteelSeries Arctis Nova 7 Diablo IV Edition ก็มีมาให้เช่นกัน สามารถใช้งานผ่านโปรแกรม SteelSeries GG ได้เลย ส่วนฟีเจอร์ที่ให้มาก็มีหลายอย่างด้วยกัน เช่น การปรับ EQ ปรับเสียงไมโครโฟน และปรับระบบเสียงรอบทิศทาง
Engine
สำหรับใครที่ใช้เกมมิ่งเกียร์ของทาง SteelSeries อยู่แล้ว น่าจะหาเมนูนี้ไม่ยาก แต่สำหรับคนที่ไม่ได้ใช้มานานหลายปีแบบผมเปิดกโปรแกรมมาทีแรกก็มีงงอยู่เหมือนกัน เริ่มกันที่ฟีเจอร์แรก Engine ที่จะเป็นการปรับตั้งค่าหลักของแต่ละอุปกรณ์ ตัวหูฟังเราก็อยู่ในหน้านี้เช่นกัน มีฟังก์ชันดังนนี้
- ปรับ EQ
- ปรับระดับเสียงไมโครโฟน
- Live Mic Preview เป็นฟีเจอร์ที่จะ Playback เสียงไมโครโฟนให้เราได้ยิน เพื่อตรวจสอบเสียงไมโครโฟนว่าเป็นอย่างไร
- Mic Sidetone เป็นเหมือนฟีเจอร์ Ambient Sound ในหูฟัง TWS รุ่นอื่น ๆ ที่จะใช้ไมโครโฟนรับเสียงรอบข้างให้เราได้ยิน
- Volume Limiter ฟีเจอร์ป้องกันไม่ให้เสียงหูฟังดังจนเกินไป
- ตั้งเวลาปิดหูฟังอัตโนมัติเมื่อไม่มีการใช้งาน
- ปรับโหมดการทำงานร่วมกันระหว่าง Bluetooth และ Wireless 2.4 GHz
- ปรับความสว่างของไฟแสดงสถานะปิดไมโครโฟน
- ปรับ Preset เสียงหูฟังตามเกมแบบอัตโนมัติ
Sonar
ฟีเจอร์นี้เป็นเหมือนกับการจำลอง Audio Mixer ขึ้นมาด้วย Software เพื่อจัดการกับแหล่งกำเนิดเสียงในโปรแกรมนั้น ๆ แยกเป็นหมวดหมู่หลาย ๆ Channel แยกเป็นแต่ละ Audio Interface คล้ายกับการใช้ Mixer ของจริง เพื่อการใช้งานได้ง่าย ซึ่งถ้าเราไม่ใช้ก็สามารถปิดได้ โดยฟีเจอร์ตัวนี้จะทำงานร่วมกับที่ปรับ Chat Mix บนตัวหูฟังด้วย
โดยการทำงานของฟีเจอร์นี้คือ เมื่อเราเชื่อมต่อตัวกล่องควบคุมกับกล่องแล้วคอมพิวเตอร์ของเราจะตรวจเจอว่ามีหูฟังสองตัวเชื่อมต่ออยู่ในตอนนี้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะเขาตั้งใจทำมาแบบนั้น สำหรับการตั้งค่าผมแนะนำเลยว่าให้ทำตามนี้ คือตั้งค่าให้เสียหลักออกที่ตัว Headphone (Game) ส่วนเสียงจากโปรแกรมพูดคุยให้ออกที่ Headset (Chat) เป็นต้น
สำหรับการใช้งานเราเพียงแค่ใช้เมาส์ลากชื่อโปรแกรมที่อยู่ใต้ที่ปรับระดับเสียงของแต่ละ Channel ไปวางใน Channel ที่ต้องการได้เลย จะแยกเป็นแต่ละหมวดหมู่เลยก็ได้ หรือจะใช้แค่ 2 Channel Game + Chat ก็ได้เหมือนกัน
โดยแต่ละ Channel ที่เป็นเสียงขาออก Output จะสามารถปรับ EQ ระบบเสียง 360 แยกอิสระจากกันได้ ส่วน Channel ที่เป็นเสียงขาเข้า Input ก็สามารถปรับ EQ การตัดเสียงรบกวน และ Compressor ของไมโครโฟนได้ด้วย
Chat Mix คืออะไร
หลักการของฟีเจอร์ Chat Mix คือการเพิ่มความสะดวกให้ผู้ใช้งานเวลาเล่นเกมที่ต้องมีการสื่อสารระหว่างเพื่อนร่วมทีมผ่านโปรแกรม เช่น Discord ซึ่งบางจังหวะเสียงเกมก็อาจจะดังเกินไป จนกลบเสียงพูดของเพื่อนในห้อง จนคุยไม่รู้เรื่องได้
ตามปกติแล้วเราต้องพับหน้าจอลงไปเพื่อปรับเสียงในโปรแกรม ฟีเจอร์นี้จะเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกเพราะเราสามารถปรับเสียงตรงนี้ได้จากตัวหูฟังเราเลย ด้วยการปรับ Balance เสียงของ 2 Channel ที่ปกติจะอยู่ที่ 50/50 ถ้าเราปรับให้น้ำหนักไปที่ข้างใดข้างหนึ่งมากกว่า เช่น 70/30 เสียงของ Channel นั้นก็จะดังกว่านั่นเอง
โดยก่อนจะใช้งานเราต้องตั้งค่าใน Sonar ก่อน ให้เสียงเกม กับเสียงคุยอยู่ในละ Channel ในที่นี้คือ เกมก็อยู่ใน Channel Game ไป ส่วน Discord ก็อยู่ใน Chat เป็นต้น แต่ถ้าใครตั้งค่าตามแล้วเสียงไม่ได้ยินเสียงก็อาจจะต้องเข้าไปตั้งค่าเพิ่มเติมใน Windows และ Discord หรือโปรแกรมคุยด้วย
คุณภาพเสียง
ภาพรวมเรื่องเสียงของ SteelSeries Arctis Nova 7 Diablo IV Edition จะยังคงมาในสไตล์เดียวกันกับหูฟัง Steelseries รุ่นอื่น ๆ ที่ผ่านมา คือมีความ Flat ไม่ได้เด่นย่านใดย่านหนึ่งเป็นพิเศษ ให้เสียงฟังสบาย ไม่ดุดัน รุกเร้ามากจนเกินไป รายละเอียดดีประมาณนึง สามารถนำไปฟังเพลงได้ทุกแนว แต่อาจจะไม่ถูกใจคอเบสที่ชอบแบบอิมแพ็กแน่น ๆ กระแทกทีหัวโยก อะไรแบบนั้น
- เสียงเบส มีให้รู้สึก ลูกไม่ใหญ่ แรงปะทะกลาง ๆ เป็นเบสที่นุ่มนวล ลงได้ลึก
- เสียงกลาง เรียกได้ว่าเป็นเสียงที่เด่นที่สุดของหูฟังตัวนี้เลย เสียงร้องจะออกไปทางแบน ๆ ติดบางเล็กน้อย อยู่ในระนาบเดียวกับเครื่องดนตรี ซึ่งฟังดูแล้วเหมือนจะไม่ดี แต่สไลต์เสียงลักษณะนี้กลับรู้สึกว่าฟังสบายกว่ามาก ๆ
- เสียงแหลม ลากไปได้ไกลประมาณหนึ่ง โปร่ง มีความกรุ๊งกริ๊งให้รู้สึก แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดมาแบบรก ๆ
- เวทีเสียง มิติเสียงคือดีมาก กว้างแยกเครื่องดนตรีเป็นชิ้น ๆ มีระยะห่างจากกัน มีช่องไฟแบบชัดเจน
เรื่องน่าแปลงใจคือเสียงที่มาจากเครื่องดนตรีจำพวกเปียโน คีย์บอร์ด ทำออกมาได้ดีมาก ฟังแล้วรู้สึกเพราะ เป็นเสียงที่ปกติไม่ค่อยได้ยินจากหูฟังตัวอื่น คือต้องบอกก่อนว่าตามปกติพวกเสียงเครื่องลิ่มนิ้ว ถ้าถูกใส่มาในเพลงที่เป็นการเล่นเครื่องดนตรีหลาย ๆ ชิ้นด้วยกันก็มักจะไม่ได้เป็นจุดเด่นเท่าเครื่องดนตรีชิ้นอื่น แต่ด้วยมิติเสียงที่แยกแยะเครื่องดนตรีได้ดีของหูฟังตัวนี้เลยทำให้ได้ยินเสียงเปียโนได้ชัดกว่าหูฟังรุ่นอื่น
ถ้าไม่ชอบเสียงเดิม ๆ มี EQ ให้ปรับ
SteelSeries Arctis Nova 7 Diablo IV Edition สามารถปรับ EQ ได้ผ่านโปรแกรม SteelSeries GG โดยจะมีรูปแบบแนะนำมาให้ หรือถ้าใครไม่ชอบก็สามารถปรับเองได้
ทดสอบเล่นเกม
นำไปใช้กับเกมยิงยอดนิยมอย่าง Valolant ก็แยกซ้ายขวา ใกล้ไกลได้ดี หรือจะลองเกมเก่าอย่าง Left 4 Dead 2 เวลาเจอซอมบี้เยอะ ๆ ในตึกก็รู้ว่าเสียงอยู่ใกล้ ไกล อยู่ห่างกันกี่ห้อง หรือจะนำไปใช้กับเกมแนว Open World ก็อย่าง Genshin Impact หรือ Red Dead Redemption 2 ก็ให้ความรู้สึกของการยืนในทุ่งกว้างได้ดีสุด ๆ
หลังจากที่นำไปใช้ทดลองเล่นเกมแล้วพบว่าหูฟังตัวนี้ ทำผลงานออกมาน่าพอใจมาก ๆ สามารถแยกแยะทิศทางของแหล่งกำเนิดเสียงในเกม FPS ได้ดี พวกเสียงเท้า เสียงระเบิด รู้สึกได้ว่ามีระยะใกล้-ไกล มิติเสียงทำได้ดีมาก ทำได้ตามวัตถุประสงค์ที่ถูกออกแบบมาได้อย่างถูกต้อง ครบถ้วน ที่สำคัญคือใช้แบบไร้สาย
ทดสอบความหน่วง
จากที่ทำการทดสอบเล่นเกม หรือดู YouTube พบว่าแทบจะไม่มีอาการดีเลย์เลย ถ้าไม่ตั้งใจจับผิดจริง ๆ แทบจะแยกไม่ออกสำหรับการเชื่อมต่อแบบ Wireless 2.4 GHz ส่วนแบบ Bluetooth จะรู้สึกว่ามีอาการดีเลย์เล็กน้อย
ทดสอบความเสถียรของสัญญาณ
ส่วนเรื่องความเสถียรของสัญญาณพบว่ามีอาการเสียงสะดุดบ้าง หากเปลี่ยนตำแหน่งในการใช้งาน เช่น เดินไปหยิบของที่มุมห้อง แล้วกลับมานั่งที่เดิมเสียงก็ยังสะดุดต่อไม่หาย วิธีแก้คือปิดเปิดตัวหูฟังใหม่สัญญาณก็จะกลับมาเสถียรอีกครั้ง
ทดสอบระยะสัญญาณ
ด้านระยะของสัญญาณจากที่ทดสอบพบว่าได้ประมาณระยะ 10 เมตร แบบไม่มีอะไรบัง และ 5 เมตร ถ้ามีกำแพง หรือกระจกบังสัญญาณ ซึ่งก็เพียงพอที่จะใช้ในห้องนอน หรือห้องทำงานแล้ว
Bluetooth และ Wireless 2.4 GHz ให้เสียงต่างกันหรือไม่
สำหรับเรื่องนี้บอกเลยว่าไม่ต่างกันมาใสสไตล์เดียวกัน แต่ด้วยข้อจำกัดทำให้เสียงแบบ Bluetooth ดูดรอปกว่าเล็กน้อย และมีอาการดีเลย์มากกว่า สัญญาณโดนรบกวนได้ง่ายกว่าเวลาไปใช้ในที่คนเยอะ ๆ
ไมโครโฟน
SteelSeries Arctis Nova 7 Diablo IV Edition มีไมโครโฟนแบบ ClearCast AI ติดมาให้ที่ตัวหูฟังเลย โดยจะเป็นก้านดึงเข้าออกปรับความยาว ปรับองศาได้ที่หูฟังข้างซ้าย ตรงปลายตัวก้านมีไฟแสดงสถานะ การปิดไมโครโฟนด้วย และเมื่อไม่ใช้งานสามารถเลื่อนกลับไปเก็บที่ตัวหูฟังได้แบบเรียบร้อยสุด ๆ ไม่เกะกะเลย
เมื่อเทียบกับ SteelSeries Arctis Nova 7P รุ่นก่อนหน้ายอมรับเลยว่ารุ่นนี้ออกแบบมาให้รูปทรงของตัวไมโครโฟน และช่องเก็บสอดคล้องกันดีขึ้นกว่าเดิมมาก ๆ เก็บได้เนียนสุด ๆ ไปเลย
คุณภาพเสียงโมโครโฟนเสียงไมโครโฟน ทำออกมาได้คมชัด (เกินไป) เสียงมีความแบนอย่างรู้สึกได้ แบบหูฟังเกมมิ่งทั่วไปเลย ต่างกับไมโครโฟนที่อยู่บนมือถือ หรือหูฟัง TWS
ภาพรวมเสียงที่ได้ของการตั้งค่าเดิม ๆ ปรับมาไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่เราสามารถปรับแต่งได้ในซอฟต์แวร์ มีพรีเซ็ตหลายแบบมาให้เลือก หรือใครจะปรับ EQ เอง ก็ทำได้เช่นกัน บอกเลยปรับแล้วเสียงดีขึ้นเยอะ
ส่วนเรื่องการตัดเสียงรบกวนทำได้กลาง ๆ จากที่ทดสอบมาถ้าใช้คีย์บอร์ดทั่วไป หรือพวก Red Switch, Brown Switch สามารถตัดเสียงรบกวนออกไปได้เยอะแทบไม่ได้ยินเสียงกดคีย์บอร์ดเลย แต่ถ้าใช้ Blue Switch ยังไงก็มีเสียงเข้าอยู่ดี กดตัดเสียงลมยังทำได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ คือถ้าไม่เปิดระบบตัดเสียงรบกวนด้วย AI ช่วย เสียงที่ได้ก็ราวกับว่าบ้านพายุเข้าเลย
แบตเตอรี่
ทีมงานได้ทดลองใช้หูฟังรุ่นนี้เปิดฟังระหว่างทำงานระยะเวลาประมาณวันละ 8 ชม. แบบเปิดฟังต่อเนื่องในโหมด Wireless 2.4 GHz พบว่าแบตเตอรี่ลดลงประมาณวันละ 25% หรือเมื่อชาร์จแบตเต็มจะสามารถใช้ได้ประมาณ 4 วัน หรือราว ๆ 32 ชม. ซึ่งเมื่อเทียบกับสเปคที่เคลมว่าใช้ได้ 38 ชม. ก็จัดว่าทำออกมาได้ใกล้เคียง เกิน 30 ชม. แน่นอน ใครจะเอาไปใช้ทำงานด้วย เดินทางด้วย เล่นเกมด้วย แบตเตอรี่อยู่ครบวันแน่นอน
สรุป
สำหรับใครที่กำลังหาหูฟังไร้สายไว้ใช้ตอนเล่นเกม ที่เน้นใส่สบายบอกเลย SteelSeries Arctis Nova 7 Diablo IV Edition เป็นหูฟังที่ตอบโจทย์เรื่องนี้มาก ๆ ด้วย Ear Cup แบบผ้าทำให้ระบายอากาศได้ดีกว่าแบบหนัง ทำให้ความร้อน และเหงื่อมาสะสมน้อยกว่ามาก ๆ ช่วยให้ใส่สบาย
ใส่เล่นเกมนาน ๆ ก็รู้สึกอึดอัดน้อยกว่าหูฟังรุ่นอื่น ๆ คือจะบอกไม่อึดอัดเลยเหมือนไม่ได้ใส่ก็คงไม่ใช่ เวลาใส่ไปนาน ๆ แล้วถอดออกมาพักก็รู้สึกถึงความต่างเหมือนกัน ตัวหูฟังมีขนาดใหญ่รองรับคนที่มีศีรษะใหญ่ได้สบาย ใส่แล้วไม่บีบ
ดีไซน์มีการตกแต่งให้เข้าธีมของเกม Diablo IV สีแดงตัดดำ ดูดุดัน กว่าเกมมิ่งกว่ารุ่นธรรมดาพอสมควร แต่ไม่ได้ดูเกมมิ่งแบบตะโกนอะไรขนาดนั้น ใครชอบหูฟัง Two Tone รุ่นนี้น่าโดน ราคาก็ไม่ได้สูงกว่ารุ่นปกติด้วย แต่ได้ความเป็น Limited Edition พร้อมโค้ดเกมแถมเพิ่มมาด้วย
รองรับการเชื่อมต่อที่หลากหลายทั้ง Wireless 2.4 GHz ผ่านตัว USB-C Dongle, Bluetooth และแบบสาย 3.5 ครอบคลุมเรียกว่าแทบจะทุกอุปกรณ์เลย เป็นหูฟังแบบ Multi-Platform ที่แท้ทรูเลยก็ว่าได้
เรื่องเสียงสำหรับสายฟังเพลงหูฟังตัวนี้เรียกว่าไปได้กับทุกแนวเพลง เพราะเสียงจูนออกมากลาง ๆ ใครที่ชอบหูฟังแบบ Apple Earpods ที่เน้นฟังสบาย ๆ ไม่รุกเร้าจนเกินไป เน้นฟังยาว ๆ น่าจะถูกใจ ส่วนถ้านำมาใช้เล่นเกมก็ทำออกมาได้ดีมาก แยกมิติซ้ายขวา หน้าหลัง ใกล้-ไกลได้ชัดเจน และแม้ว่าจะเป็นหูฟังแบบไร้สาย แต่อาการดีเลย์แทบไม่มีเลยด้วย
ข้อดี
- ใส่สบาย
- ดีไซน์สวย
- รองรับการเชื่อมต่อที่หลากหลาย ใช้งานได้คล่องตัว
- คุณภาพของสัญญาณไร้สายดีมาก
- มีรายละเอียด และ มิติเสียงดีมาก
- แบตเตอรี่อึดใช้งานได้ครบวัน
- Chat Mix เสียงเกมกับเสียงพูดคุย ถ้าตั้งค่าถูกต้องจะใช้งานดีมาก
ข้อสังเกต
- ราคาเต็มตั้งไว้สูง ควรรอช่วงลดราคา จะเป็นอะไรที่คุ้มค่ามาก ๆ
- ไมโครโฟนเสียงไม่ดี
- หากนำมาใช้ฟังเพลงเป็นหลัก จะมีรุ่นอื่นที่น่าสนใจกว่า (ในราคาที่เท่ากัน)
- วัสดุในส่วนที่เป็นผ้ายังคงเป็นจุดพิจารณาเรื่องของการดูแลรักษาในระยะยาว
- รองรับการปรับตั้งค่าเฉพาะบน PC และ Mac เท่านั้น
สเปค
SteelSeries Arctis Nova 7 Diablo IV Edition
- ไดร์เวอร์ : Neodymium ขนาด 40 mm
- ตอบสนองความถี่ : 20–22,000 Hz 36 Ohm
- ความต้านทาน: 36 โอห์ม
- ความไวเสียง : 93 dBSPL
- ไมโครโฟน : ClearCast Gen 2 Bidirectional ความไวเสียง -38 db
- รองรับระบบเสียง 360 องศา
- แบตเตอรี่ใช้งานได้สูงสุด : 38 ชม.
- การเชื่อมต่อ : USB-C Dongle, Bluetooth 5.0, AUX 3.5
- รองรับ : PC, PlayStation, Switch, Mac, Smartphone
- น้ำหนัก : 325 ก.
- ราคา : 9490 บาท
Comment