จากมือถือคอนเซปท์ กลายมาเป็นรุ่น flagship ได้รางวัลจากสายแฟชั่น เน้นความสวยงามของดีไซน์ ผสานกับการออกแบบให้ลงตัวกับการใช้งานจริงมากขึ้น Xiaomi Mi MIX 2S นั่นเองคือมือถือที่เราพูดถึง แม้หน้าตาของมันจะแตกต่างจากรุ่นที่แล้วเพียงเล็กน้อย แต่สิ่งที่เพิ่มเข้ามาอย่าง Snapdragon 845 กล้องหลังคู่ที่ปรับจูนมาใหม่ และระบบ AI นั้น เพียงพอแล้วไหมที่จะเปลี่ยนจาก Mix รุ่นเดิม มาใช้รุ่นเติม S 

แกะกล่อง Mi MIX 2S เช็คอุปกรณ์

ภานในกล่องของ Mi MIX 2S นั้นให้ของมาเกือบครบ ขาดก็แค่หูฟังเท่านั้น แต่ถ้านับตามมาตรฐาน Xiaomi จะเรียกว่าครบก็ได้ เพราะไม่เคยแถมมาแต่ไหนแต่ไร

หม้อแปลงรองรับ Quick Charge ของ Qualcomm จ่ายไฟ 3 ระดับ 5V 3A / 9V 2A / 12V 1.5A

สาย USB Type C แถมมาให้หนึ่งเส้น

หลังจากหยิบตัวเครื่อง Mi MIX 2S ขึ้นมา ก็จะเห็นว่ามีช่องใส่ของอยู่ด้านล่างอีก

นี่เป็นไอเทมลับที่ซ่อนอยู่อีก 4 ชิ้นครับ เข็มจิ้มถาดซิม ฟิล์มกันรอย ตัวแปลง USB C เป็น 3.5 มม และเคสพลาสติกบางๆ อีกหนึ่งชิ้น

ที่บอกว่าเคสบางไม่ได้แปลว่ามันกิ๊กก็อกนะครับ วัสดุดูแข็งแรงยืดหยุ่นใช้ได้ ผิวสัมผัสจะด้านๆ หน่อย (กลัวติดสีกางเกงยีนส์เหมือนกัน) แต่ที่ต้องทำมาบางๆ เพื่อให้เวลาใส่แล้วเครื่อง MIX 2S ไม่ดูหน้าจนเกินไป

แถมตัวแปลง USB C เป็นหูฟัง 3,5 มาให้แบบนี้ ก็รู้กันได้เลยว่าที่ตัวเครื่องไม่มีช่องหูฟังแล้วนั่นเอง

ถ้าเป็นเครื่องใหม่ ซีลมันก็จะเยอะหน่อยนึง มีทั้งใบปะหน้าบอกสเปคหลักๆ Snapdragon 845 กล้องคู๋ AI พิกเซลใหญ่ 1.4 ไมครอน และหน้าจอ 5.99 นิ้วไร้ขอบไร้ติ่ง

ส่วนด้านหลังก็มีซีลอีก ทั้งส่วนของฝาหลังและกล้องคู่ ตำแหน่งของ NFC นั้นจะอยู่เหนือเซนเซอร์สแกนนิ้วไปหน่อยนึง และตำแหน่งของ Wireless charge จะอยู่ช่วงตรงกลางพอดี มีรายละเอียดของถาดซิมบอกด้วยว่าเป็นซิมนาโนคู่ และไม่มีข่องเพิ่มเมม

 

ดีไซน์และงานประกอบ

Mi MIX 2S นั้นมาพร้อมกับดีไซน์ หน้ากระจก + กรอบตัวเครื่องโลหะ + ฝาหลังเซรามิก แม้จะต้องยอมสละตัวเครื่องเซรามิกทั้งชิ้นแบบ Mi MIX รุ่นแรกที่สวยสุดๆ ไป แต่ก็เพื่อประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้น ด้วยขอบโลหะทำให้เครื่องทนแรงกระแทกได้ดีขึ้น ไม่ใช่เปรี้ยงเดียวร้าวไปชิ้น ตั้งแต่ตัวเครื่องไปจนถึงหัวใจคนใช้ และส่วนนึงก็ทำให้ตัวเครื่องนั้นมีราคาถูกลง เอามาขายได้ในช่วงราคาหมื่นปลายได้นั่นเอง

เส้นดำๆ ด้านบนที่เห็นเหนือจอคือลำโพงสนทนาครับ ส่วนวงกลมดำๆ ข้างล่างนั่นคือกล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล f/2.0 ที่ต้องกลับหัวถ่ายเหมือนเดิม ตัวเครื่องสีขาวก็จะเห็นชัดหน่อย

แต่ถ้าเป็นสีดำมันก็จะกลืนๆ กันไป คือมองแทบไม่เห็นเลยก็ว่าได้ แต่อันนี้ก็แล้วแต่ชอบสีดำหรือสีขาว

อีกอย่างนึงที่ต่างกันคือขอบกล้องและขอบสแกนนิ้วครับ เครื่องดีดำจะคัดด้วยขอบทอง ส่วนสีขาวจะตัดด้วยขอบเงิน

ช้อดีอีกอย่างของเฟรมโลหะคือความลื่นมันลดลง อย่าง Mix รุ่นแรกที่เป็นเซรามิกทั้งตัวนั้นลื่นมาก ถืออยู่ในมือยังจะไหลหลุดตลอด แต่นี่ไม่เป็นแล้ว เพียงแต่ด้านหลังนั้นยังคงลื่นอยู๋ การนำไปวางไว้บนโต๊ะหรือที่ใดๆ ก็ตาม หากพื้นไม่เรียบดีมีความเสี่ยงไหลลงไปกองกับพื้นได้ทุกกรณี ยังไงก็ขอให้พึงระวังกันด้วย ในภาพจะเห็นช่องถาดซิมอยู่ด้านซ้ายบนของเครื่อง

ด้านซ้ายก็เป็นพวกปุ่มต่างๆ ตำแหน่งของปุ่ม power จะอยู่บริเวณกลางเครื่อง ส่วนปุ่มปรับเสียงนั้นกระเถิบขึ้นไปด้านบน กล้องหลังคู่ความละเอียด 12MP ใช้เซนเซอร์ Sony มีค่ารูรับแสง f/1.8 ส่วนอีกตัวเป็น tele 2x

ด้านล่างมีไมโครโฟน ช่อง USB Type C และลำโพง อ้อ! ส่วนด้านบนมีไมค์ตัดเสียงรบกวนอีกตัวนึง

 

ตัวเครื่องและการใช้งาน

ขนาดตัวเครื่องและหน้าจอที่ใหญ่ถึง 5.99 ของ Mi MIX 2S หลายคนอาจจะคิดว่ามันใหญ่เกินไปหรือเปล่า ถ้าส่วนตัวผมว่ามันก็ใหญ่นิดๆ แต่ด้วยความที่ขอบมันทำออกมาบางสุดๆ ถ้าเอาไปเทียบกับมือถือจอ 5.5 นิ้วทั่วไป บางเครื่องนี่ MIX 2S ยังเล็กกว่าก็ยังมี เพราะฉะนั้นการพอใส่กระเป๋ากางเกงไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด แถมฝาหลังเซรามิคนี่สไลด์เข้ากระเป๋ากางเกงง่ายมาก

แต่ขนาดหน้าจอกับการใช้งานก็เป็นอีกเรื่องนึง ด้วยน้ำหนักของตัวเครื่องและความลื่น หากเราไม่ได้ใส่เคสนี่การใช้งานมือเดียวดูจะเป็นการทรมานตัวเองเกินไปเพราะฝาหลังมันลื่น แม้จะย่อหน้าจอเล็กแล้วก็ตามที และอีกอย่างที่อยากให้ระวังคือเวลาเอามือถือมาหนีบรักแร้นี่ บอกเลยว่าไม่ควรทำ เพราะมันจะเหม็น.. ไม่ใช่สิ แต่เพราะมันไม่เกาะเสื้อผ้าพร้อมจะไหลลงไปนอนที่พื้นได้ บางคนบอกหนีบแรงๆ ก็น่าจะอยู่ หึ หึ หึ มันจะปลิ้นออกมาหนะสิครับ คราวนี้หละบินฟิ้วเลย

Mi MIX 2S ได้ MIUI 9.5 มาตั้งแต่แกะกล่อง เพราะฉะนั้นฟีเจอร์ใหม่ๆ พวก gesture นี่ก็พร้อมใช้งานทันที แค่ไปเปิดในการตั้งค่าก็เรียบร้อยแล้ว คราวนี้ก็สามารถปัดลากถูไถได้ตามใจแบบไม่ต้องมีปุ่ม ใช้ไปไม่ถึงชั่วโมงเดี๋ยวก็ชินครับ สนุกมือด้วย

ตั้งค่าเสร็จแล้วก็มาลองใช้งานกันดู ท่าทางหลักๆ ที่ได้ใช้จริงจะมีแค่ 3 ท่าเท่านั้น ท่าที่ 4 หรือ Trigger App Action นี่ยังไม่เห็น

ไปยังหน้าจอหลักหรือหน้าโฮม > ลากนิ้วจากด้านล่างขึ้นมาบนหน้าจอ

ไปยังหน้ารวมแอปที่เปิดล่าสุด > ลากนิ้วจากด้านล่างขึ้นมาบนหน้าจอแล้วหยุดค้างเอาไว้

ย้อนกลับหรือปุ่ม back > ปัดขอบจอด้านซ้านหรือขวาก็ได้ ให้ผลเหมือนกัน

 

ฟีเจอร์ของ MIUI 9.5

บางฟีเจอร์ในนี้ก็มีมาตั้งแต่เวอร์ชั่นก่อนๆ แล้ว แต่เผื่อใครยังไม่เคยได้ใช้งานก็ขอแนะนำเอาไว้ตรงนี้เลย (ขออนุญาติใช้ภาพและเนื้อหาบางส่วนจากรีวิว Redmi Note 5)

Second Space : พื้นที่ทับซ้อน เป็นฟีเจอร์สร้าง Space ของการทำงานขึ้นมาใหม่ โดยจะเป็นการแบ่งแยกหน้าตาและการใช้งาน รวมถึงข้อมูลในแอปกันอย่างสิ้นเชิง และสามารถสลับไปมาได้ เสมือนเรามีมือถืออีก 1 เครื่อง คล้ายๆ กับการสร้าง profile แยกกันระหว่างการใช้งานปกติ และหน้าจอในการทำงาน อะไรทำนองนั้นครับ

App Clone : แอปโคลนเป็นหนึ่งในฟีเจอร์เด่นของ MIUI ที่เราสามารถโคลนแอปอะไรก็ได้ แยกออกมาเป็นอีกแอปนึงเพื่อใช้งานพร้อมๆ กัน แต่เป็นคนละ account หรือคนละ ID เช่น Facebook, Messenger และ Line หรือจะเป็นเกมต่างๆ ก็สามารถจะแยกออกมาอีกอันได้ ไม่ต้องคอยสลับ ID ในการ login

App Lock : แอปล็อค ล็อคการเข้าใช้งานแอปต่างๆ ได้ด้วยการใส่รหัสผ่าน เพื่อความเป็นส่วนตัว ไม่ให้คนอื่นมาเปิดแอปนั้นๆดูได้ตอนที่เอามือถือเราไปเล่น แม้จะไม่ได้ล็อคเครื่องก็สามารถล็อคแค่ตัวแอปได้

ใน MIUI 9.5 เองก็ยังมีแอปทำความสะอาด ที่คอยตรวจสอบและกำจัดข้อมูลที่ไม่ต้องการ หรือ cache ต่างๆ ที่เป็นขยะออกไปจากเครื่องได้ ไม่ต้องไปลงแอปเสริมให้เสี่ยงจะโดนมัลแวร์ หรือ ไวรัส

ในมือถือของ Xaiomi จะมีระบบบันทึกเสียงสนทนาหรือเวลาใช้สายอยู่ด้วยนะครับ โทรคุยกับใครสามารถอัดไว้ได้หมด ซึ่งก็สามารถเลือกได้ว่าจะอัดมันทุกการโทรเลย หรืออัดเป็นบางครั้ง

 

ประสิทธิภาพและการใช้งาน

เรื่องสเปคนี่ข้ามไปเลยก็ได้มั้ง ความแรงของ Snapdragon 845 นั้นก็ไม่น่ามีอะไรต้องห่วง และตัว MIUI เองก็ออกแบบเรื่องการจัดการ CPU มาได้ค่อนข้างดี ทำผลทดสอบ Antutu ไป 228259  คะแนน ด้านหน่วยความจำเป็น UFS 2.1 ก็จะทำงานเร็วปรื้ดๆ 733MB/s และเขียนอยู่ที่ 226MB/s

เล่นเกมไหนก็ยังไม่เจอปัญหา ROV ุ60fps ก็นิ่งมากๆ ส่วน PUBG ก็ปรับ Graphic ได้สุดเลย (ยกเว้นระดับ Ultra HD ที่ยังไม่เปิด) การทำงานของเซนเซอร์ต่างๆ GPS ดีงาม ไม่มีปัญหาเรื่องประสิทธิภาพใดๆ

ส่วนเรื่องอายุแบตเตอรี่ 3400 มิลลิแอมป์นั้นจากที่ทดสอบใช้งานทั่วไปก็อยู่ได้ราวๆ หนึ่งวัน แต่ถ้าใช้งานน้อยจริงๆ ก็ได้ประมาณวันครึ่ง (ยังไม่เคยลากไปได้ถึง 2 วัน) ส่วนระบบการชาร์จไร้สายนั้นทดสอบแล้วก็ชาร์จได้กับแท่นที่รองรับ Qi ทั่วไป แต่ก็อาจจะมีช้าถึง 4 ชั่วโมงถึงจะเต็มหากเริ่มชาร์จจากราวๆ 10% ยกเว้นถ้าใช้ของ Xiaomi หรือ Samsung ที่เป็น Wireless Fast Charge ก็จะเร็วขึ้นมาหน่อย แต่ยังไงซะการชาร์จด้วยสายและหม้อแปลง Quick Charge นั้นตอบโจทย์ที่สุดแล้ว

 

กล้องถ่ายภาพ

Mi MIX 2S นั้นเสริมระบบ AI เข้ามาในโหมดกล้อง ช่วยให้การถ่ายภาพต่างๆ นั้นได้สีสันและรายละเอียดดีขึ้น และเหมาะกับภาพหรือซีนที่เราเห็น โดยโหมด AI นั่นไม่ได้เปิดมาแบบ Auto นะครับ แต่เราสามารถแตะปุ่ม AI ที่อยู่ด้านบนตรงกลางได้เพื่อเปิดใช้งาน

เช่นเมื่อเราเปิด AI แล้วส่องไปที่อาหาร สัญลักษณ์ AI ก็จะเปลี่ยนไปเป็นรูปช้อนส้อม ส่วนสีในภาพก็จะถูกเติมให้ดูอิ่มและน่าทานมากขึ้น

และนี่คือตัวอย่างบางส่วนที่ผมลองเอากล้อง AI ของ Mi MIX 2S ไปทดลองมาครับ เรียกว่ามีซีนเยอะแยะมากมาย เห็นว่าสูงสุดคือ 206 ซีนเลยทีเดียว

ว่าแต่กล้องที่ไปทำคะแนนภาพนิ่ง DxOMark ได้ถึง 101 คะแนนนั้นมันดีแค่ไหน ลองมาดูตัวอย่างภาพถ่ายกันได้ครับ แต่ส่วนตัวผมยกให้เป็นกล้องที่ใช้แล้วประทับใจมากๆ ตั้งแต่เล่น Xiaomi มาเลย ภาพกลางวันคมชัด กลางคืนก็เก็บแสงได้ดี

ตัวอย่างภาพจากกล้องหลัง

ส่วนภาพ Portrait จากกล้องหลังที่ได้ลองมาดูเหมือนว่า Software ในการปรับภาพให้เป็นโบเก้แปลกๆ หลายๆ แบบจะยังไม่มา ก็เลยถ่ายมาได้แค่ภาพหน้าชัดหลังเบลอทั่วไป ยังใส่ลูกเล่นไม่ได้

ตัวอย่างภาพ Portrait จากกล้องหลัง

กล้องหลังดีจริง แต่กล้องหน้าของ Mi MIX 2S นั้นหล่อเฉพาะตอนแสงดีๆ  ความละเอียด 5 ล้านพิกเซลอาจจะไม่ใช่ปัญหาเท่าไหร่ เพราะปัญหาจริงๆ คือเรื่องน้อยส์ที่พร้อมจะโจมตีหากแสงเริ่มหายไป และเรื่องของภาพสั่นหากมือไม่นิ่ง นี่ยังไม่รวมกับความลำบากในการหมุนเครื่องให้กลับหัวอีก แต่โหมดจำลองภาพ Bokeh หน้าชัดหลังเบลอของกล้องหน้าถือว่าทำได้เนียนดีครับ

ตัวอย่างภาพจากกล้องหน้า

สรุปผลการใช้งาน

ใครที่รอ Snapdragon 845 ที่ในบ้านเรามีน้อยรุ่นเหลือเกินที่จะเข้ามาทำตลาดอย่างเป็นทางการ (อย่างตอนนี้ก็มีแค่ Xperia XZ2 รุ่นเดียว) และชอบดีไซน์ของ MIX อยู่แล้ว ตอนนี้มันมาให้เราสอยแล้วครับ จะรออะไรกันอยู่อีก.. อ่อ แต่ถ้าอยากจะเอาองคประกอบอื่นๆ ด้วยก็ต้องบอกว่าประสิทธิภาพโดยรวมมันดีมากๆ ไม่มีปัญหาอะไรตรงไหน กล้องหลังดีขึ้นจนน่าพอใจ ส่วนกล้องหน้าก็ต้องบอกว่าความละเอียดน้อยไปนิด และยังสู้ระดับเรือธงค่ายอื่นๆ ไม่ได้ในที่แสงน้อย

สเปค Mi MIX 2S

  • หน้าจอ LCD ขนาด 5.99 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (1080 x 2160)
  • CPU : Snapdragon 845
  • GPU : Adreno
  • RAM : 6GB/8GB
  • ความจุ : 64GB/128GB
  • กล้องหลังคู่ : 12MP (f/1.8) + 12MP (f/2.4) IMX363, ซูมออพติคอล 2 เท่า
  • กล้องหน้า : 5MP (f/2.0)
  • ไม่มีรูหูฟัง 3.5 มม. (ในกล่องมีอแดปเตอร์ USB-C เป็น 3.5 มม.)
  • Bluetooth 5.0
  • NFC
  • เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือด้านหลัง
  • แบตเตอรี่ : 3400 mAh รองรับ QC 3.0 และชาร์จไร้สาย
  • ระบบ Android 8.0 ครอบด้วย MIUI 9.5
  • ราคาเปิดตัว
    – รุ่น RAM 6GB / ROM 64GB ราคา 17,990 บาท
    – รุ่น RAM 6GB / ROM 128GB ราคา 19,990 บาท

ตอนนี้ Mi MIX 2S ก็เริ่มวางขายไปเรียบร้อยแล้วนะครับ ไปหาซื้อกันได้ตาม Mi Store เลย และเห็นว่าในงาน Mobile Expo ก็จะมีไปวางขายด้วยมั้ง ยังไงเดี๋ยวเช็คข่าวให้แล้วจะมาแจ้งให้ทราบอีกทีครับ