มือถือช่วงราคาประมาณ 5,000 – 7,000 บาท นั้นเป็นตลาดที่แข่งขันกันดุเดือดมาตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งทาง Asus เองก็พยายามจับเอาตลาดนี้ที่เคยทำผลงานเอาไว้ดีด้วยซีรี่ส์ Zenfone Max ที่อัพเกรดขึ้นมาเป็นมือถือสายเกมในราคาไม่แพง ด้วยสเปคของชิปเซ็ตที่ตอบโจทย์เกมเมอร์ที่อยากได้โหมดเฟรมเรทสูงอย่าง Snapdragon 660 ก็มี Zenfone Max Pro M2 ออกมาใหม่ ซึ่งประกบมาด้วยน้องเล็กอย่าง Zenfone Max M2

ปีที่ผ่านมามือถือสายเกมราคาประหยัดหลายรุ่นนั้นได้หยิบเอาชิปตัวแรงๆ มาผลิตเป็นรุ่นสุดคุ้มอยู่มากมาย โดย 2 ชิปที่ประสิทธิภาพดีและคุ้มค่ากับราคาก็มี Helio P60 และ Snapdragon 660 นั่นเอง ทางด้าน Asus เองก่อนหน้านี้ได้ใช้ Snapdragon 636 ไปในรุ่น Max Pro M1 ซึ่งก็มีการปรับจูนกับเกมต่างๆ จนได้ประสิทธิภาพดี เปิดเฟรมเรตสูงได้ และในภาคต่อ Zenfone Max Pro M2 นั้นก็เลือกใช้ชิปตัวท็อปของซีรี่ส์ไปเลย นั่นก็คือ Snapdragon 660 AIE

เปรียบเทียบสเปค Max Pro M2 และ Max M2 ต่างกันยังไง

ทั้ง 2 รุ่นอาจจะมีชื่อคล้ายกัน คือต่างกันแค่มี Pro และไม่มี Pro แต่จริงๆ แล้วมันมีความแตกต่างกันค่อนข้างชัด เพราะในรุ่น Max M2 นั้นจะเป็นรุ่นที่เน้นเรื่องของอายุการใช้งานและแบตเตอรี่มาเป็นอันดับแรก ทั้งการเลือกชิปเซ็ตมาใช้งาน และความละเอียดหน้าจอแบบ HD+

สเปค Zenfone Max M2

  • หน้าจอ 6.26 นิ้ว IPS ความละเอียด HD+ (1520×720)
  • หน่วยประมวลผล Qualcomm® Snapdragon™ 632
  • หน่วยประมวลผลกราฟิก Qualcomm® Adreno™ 506
  • RAM  4GB LPDDR3X
  • ROM  32GB eMCP
  • กล้องหลังคู่ 13MP F1.8 + LED Flash + 2MP ใช้จับความลึก
  • กล้องหน้า 8MP F2.0 + LED Flash
  • ลำโพง 5-magnet + NXP SmartAmp
  • ไมค์คู่ตัดเสียงรบกวน
  • Bluetooth 4.2 , WLAN 802.11 b/g/n (2.4GHz)
  • แบตเตอรี่ 4000mAh
  • รองรับการใช้งาน 2 ซิม + 1 MicroSD  (Triple Slot)
  • ราคาเปิดตัว 5,490 บาท

 

ส่วน Max Pro M2 นั้นเป็นตระกูลที่เสริมเรื่องของการเล่นเกมมาเป็นพิเศษนั่นเองก็จะอัพสเปคของชิปที่ดีขึ้นมา พร้อมกับแบตเตอรี่ที่ใหญ่ขึ้น

สเปค Zenfone Max Pro M2

  • หน้าจอ 6.26 นิ้ว IPS ความละเอียด Full HD+ (2280×1080) Gorilla Glass 6
  • หน่วยประมวลผล Qualcomm® Snapdragon™ 660 AIE
  • หน่วยประมวลผลกราฟิก Qualcomm® Adreno™ 512
  • RAM  4GB/6GB LPDDR3X
  • ROM  64GB eMCP
  • กล้องหลังคู่ 12MP Sony IMX 486 F1.8 + LED Flash + 5MP ใช้จับความลึก
  • กล้องหน้า 13MP F2.0 + LED Flash
  • ลำโพง 5-magnet + NXP SmartAmp
  • ไมค์คู่ตัดเสียงรบกวน
  • Bluetooth 5.0 , WLAN 802.11 b/g/n (2.4GHz)
  • แบตเตอรี่ 5000mAh
  • รองรับการใช้งาน 2 ซิม + 1 MicroSD  (Triple Slot)
  • ราคาเปิดตัว 6,990 บาท (4GB + 64GB) และ 8,990 บาท (ุ6GB + 64GB)

 

ตัวเครื่องและงานประกอบ

ขนาดของตัวเครื่องนั้นสำหรับ Max Pro M2 จะอ้วนๆ หนาๆ กว่า Max M2 นิดหน่อย ส่วนนึงก็เพราะแบตเตอรี่ที่มีความจุมากกว่า นั่นก็คือ 5000 มิลลิแอมป์ กับ 4000 มิลลิแอมป์ แล้วก็มีดีไซน์กับวัสดุที่ต่างกันด้วย

Max Pro M2 นั้นจะเป็นพลาสติกเคลือเงา ครอบทับลงบนตัวเฟรมอีกทีหนึ่ง ซึ่งจะมีความหนามากกว่า ส่วน Max M2 นั้นฝาหลังจะเรียบแบนไปกับตัวเครื่อง สีด้าน ไม่มันเงาเหมือนรุ่น Pro

ทั้ง 2 รุ่นยังใช้พอร์ตเชื่อมต่อเป็น micro USB ส่วนเรื่องการชาร์จเร็วนั้นรองรับที่เวอร์ชั่นแรกสุดคือรับไฟที่ 5V 2A ลำโพง 5 Magnet ของ Asus นั้นขึ้นชื่อในเรื่องของความดังอยู่แล้ว ถึงแม้จะมีลำโพงเดียวที่ด้านล่างเสียงก็ยังถือว่าดังสุดๆ

ส่วนช่องหูฟัง 3.5 นั้นมีให้ทั้งคู่ แต่อยู่รุ่น Zenfone Max Pro M2 นั้นจะอยู่ที่ด้านล่างของตัวเครื่อง ส่วนของ Zenfone Max M2 นั้นอยู่ที่ด้านบน

 

ขนาดหน้าจอและความละเอียด

รอบนี้ทาง Asus ได้ปรับดีไซน์ในรุ่น M2 ให้ออกมาเป็น Notch Display ทั้งคู่ คือมีพื้นที่หน้าจอเยอะขึ้นจาก 5.99 นิ้ว เป็น 6.26 นิ้ว แต่ก็ต้องแลกมาด้วยรอยบาก ซึ่งความละเอียดของทั้ง 2 รุ่นนั้นไม่เท่ากันคือจะเป็นจอ Full HD ในรุ่น Pro ส่วนรุ่นปกติเป็นจอ HD

หากไม่นำมาวางเทียบกันก็อาจจะไม่เห็นความแตกต่างชัดเท่าไหร่นัก คือหน้าจอของ Max M2 ก็ถือว่าคมชัดในระดับนึง แต่พอวางข้างๆ กันแว่บแรกก็จะเห็นเลยว่าความคมชัดของ Zenfone Max Pro M2 นั้นมีมากกว่า และหากจ้องไปใกล้ๆ สักพักนึงก็จะเริ่มเห็นเม็ดพิกเซล (แต่ถ้าจ้องนานมากจนตาลายแนะนำให้หยุด ไม่งั้นจะมึนหัวแน่นอน) ส่วนเรื่องของความสดของสีสันนั้นรุ่น Pro สีสวยงามกว่าแบบเห็นได้ค่อนข้างชัด

 

เครือข่ายและการเชื่อมต่อ

ในส่วนของการใช้งาน 2 ซิมนั้น ทั้ง 2 รุ่นไม่มีปัญหา เพราะว่ามาพร้อมกับถาดซิมแบบ triple slot ใส่ได้ 2 ซิมพร้อมกับบวกกับอีกหนึ่ง Micro SD

ส่วนการรองรับเครือข่ายนั้นจะเป็นแบบ Dual 4G + Dual VoLTE ในรุ่น Max M2 แต่รุ่น Max Pro M2 ที่สเปคแรงกว่า ในเครื่องทดสอบกลับรองรับแค่ 4G + 3G/2G

ซึ่งยังไม่แน่ใจว่าจะมีการอัพเดทในภายหลังหรือไม่ (แต่ก็คิดว่าน่าจะทำได้ ยังไงต้องรอข้อมูลจากทาง Asus อีกที)

ส่วน WiFi ที่หลายคนถามกันเข้ามาว่ามันรองรับคลื่น 5 GHz หรือไม่ ก็ต้องบอกตามที่ได้ทดสอบมาว่าไม่รองรับครับ ไม่ว่ารุ่นไหนก็มองเห็นและเกาะได้แค่ WiFi 2.4 GHz เท่านั้น

UI การใช้งานเป็น Android One หรือไม่

เรื่องนี้ก็ต้องขอบอกว่าทาง Asus ไม่ได้เข้าร่วมโครงการ Android One กับ Google นะครับ แม้ UI หรือหน้าจอการใช้งานจะมีความคล้ายมากก็ตาม แต่อันนี้ต้องเรียกว่า Stock Android หรือ Pure Android จะเหมาะกว่า ความลื่นไหลในการใช้งานนั้นอาจจะมีความใกล้เคียงกัน แต่เรื่องของการอัพเดทนั้นจะช้ากว่าพวกมือถือ Android One

ส่วนใครที่เห็นหน้าจอ UI แล้วมันดูแปลกๆ ไม่เหมือนของ Asus หรือ Zenfone รุ่นก่อนๆ ก็ไม่ต้องตกใจ เหตุผลก็ตามที่บอกไปข้างต้น และฟีเจอร์ต่างๆ ที่เคยมีใน Zen UI ตอนนี้ก็ถูกตัดออกไปหมด ไม่มีให้ใช้งานแล้ว นั่นเพราะทาง Asus อยากไปเน้นประสบการณ์ใช้งานที่ลื่นไหล บน ROM ที่มีความเบา ไม่ใส่แอปหรือฟีเจอร์เข้าไปมากมายนัก

 

ประสิทธิภาพและการเล่นเกม

แม้คะแนนของชิปทั้ง 2 รุ่นจะดูเหมือนไม่ต่างกันมากนัก คือประมาณ 2-3 หมื่นคะแนน แต่ถ้าสังเกตุดีๆ จะเห็นว่าจุดที่ต่างกันสุดๆ คือเรื่องของ GPU หรือตัวประมวลผลกราฟิค โดย Zenfone Max M2 ที่ใช้ Snapdragon 632 นั้นทำคะแนนไปแค่หมื่นนิดๆ แต่ Max Pro M2 นั้นได้ไป 27140 คะแนน

นั่นเลยส่งผลให้ประสิทธิภาพในการเล่นเกมของทั้ง 2 รุ่นแตกต่างกันพอสมควร เช่นโหมดเฟรมเรทสูงในหลายๆ เกมนั้นรุ่น Pro M2  สามารถเปิดได้สบายๆ แต่รุ่น Max M2 ไม่มีให้เลือกเปิด และกราฟิดในเกมก็อาจจะเปิดได้แค่บางระดับความละเอียดเท่านั้น

จากที่ทดสอบกับ RoV กับรุ่น Zenfone Max M2 แม้จะเปิดกราฟิคได้หมด รวมถึงภาพ HD แต่ไม่มีโหมดเฟรมเรทสูงมาให้ จากที่ลองเล่นดูนั้นเฟรมเรทแทบจะไม่ตกเลย แต่เหมือนจะมีปัญหาที่หน้าจอคือตอนออกคำสั่งไถนิ้วไปมาปล่อยท่านั้น เหมือนจะแสดงผลเอื่อยนิดๆ ซึ่งเป็นเฉพาะเวลาเล่น RoV แต่ตอนเล่น PUBG ไม่มีอาการนี้เกิดขึ้น

ส่วน Zenfone Max Pro M2 นั้นครบเครื่องกว่า สามารถเปิดกราฟิคสุดได้ เฟรมเรตสูงก็มี วิ่งไปถึง 60FPS เจอหนักสุดๆ ก็มีหล่นมาที่ 48FPS ได้เหมือนกัน แต่ระบบสัมผัสเนียนกว่า การตอบสนองดี อาการทัชแปลกๆ ที่เคยเจอตอนพรีวิวเครื่องไปนั้นไม่รู้ว่าหายไปไหน นี่เล่นหลายรอบก็ไม่เจออาการที่ว่า เลยไม่รู้ว่ามันมีปัญหาที่ตัวเกมหรือเครื่องกันแน่

ส่วนหน่วยความจำภายในนั้นทั้งคู่เป็น eMMC ความเร็วในการเขียนอ่านถือพื้นฐานพอๆ กัน แต่หากดูความเร็วในการเขียนบน SQLLite นั้นมีหลายองค์ประกอบกว่าทั้งเรื่องของชิปเซ็ตและแรม แถมยังมี Gyrospcoe มาให้ครบทั้ง 2 รุ่น ด้าน GPS จับสัญญาณได้เร็ว แต่รุ่น Max Pro M2 จะเกาะดาวเทียมได้มากกว่า

 

กล้องถ่ายภาพ

หลายคนเห็นสเปคแล้วอาจจะสงสัย ทำไมกล้องของ Max M2 มีความละเอียดมากกว่าที่ 13MP+2MP แต่ Max Pro M2 ดันเป็นกล้องความละเอียด 12MP + 5MP อันนี้ต้องบอกว่าขนาดของจำนวนพิกเซลไม่ได้สำคัญไปกว่าคุณภาพของเซนเซอร์ จากที่ลองไปถ่ายภาพเทียบกันมานั้น Max Pro M2 มีรายละเอียดที่ดีกว่า สีสันและไวท์บาลานซ์ก็ทำได้ดี

เปรียบเทียบภาพถ่ายของ Max M2 และ Max Pro M2

จากภาพจะเห็นว่ากล้องของ Max M2 นั้นจะติดอมแดงอยู่พอสมควร ทั้งกล้องหน้าและหลังเลยก็ว่าได้ การจับโฟกัสในสภาพแสงทั่วไปนั้นพอๆ กัน แต่พอแสงเริ่มลดลงฝั่งของ Max M2 จะเริ่มทำงานช้าลง ใช้เวลาจับโฟกัสนานขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ด้าน UI กล้องของทั้ง 2 รุ่นนั้นยังดูปรับตั้งค่ายากอยู่ ยิ่งถ้าเทียบกับ Zen UI ของ Asus แล้วมันต่างกันเยอะมากๆ เลย แต่ในส่วนของฟีเจอร์ก็ถือว่ามีให้เลือกเยอะอยู่เหมือนกัน และจนถึงตอนที่เราใช้งานล่าสุด รุ่น Zenfone Max Pro M2 ที่ว่าจะเสริมกล้อง AI เข้ามาในอัพเดทก็ยังไม่มา คาดว่าหากมาแล้วตัวกล้องของรุ่น Pro น่าจะดีขึ้นได้กว่านี้ ไม่ต้องคอยไปเลือกโหมดการถ่ายภาพต่างๆ เองอีกแล้ว

 

สรุปผลการใช้งาน

สำหรับรุ่นสุดคุ้มด้วยสเปคและราคานั้น แน่นอนว่าต้องเป็น Zenfone Max Pro M2 ที่ครบเครื่องกว่า เพราะได้ชิปที่แรง RAM / ROM และแบตเตอรี่มีความจุมากกว่า ซึ่งจากการใช้งานหนึ่งวันนั้นอยู่ได้สบายๆ และยังไม่เจอปัญหาอะไรหนักๆ ในด้านการใช้งาน มีบางครั้งที่ระบบทัชสกรีนเหมือนจะแอบบงอน แตะเบาๆ แล้วไม่ค่อยติด แต่อาการนี้ก็มาแบบเป็นๆ หายๆ บางวันก็ไม่เจออาการเลย ส่วนเรื่องกล้องนั้นเด่นกว่ารุ่นเล็กทั้งการเซลฟี่และกล้องหลัง

แต่มือถือในช่วงราคา 6-7 พันบาท ตอนนี้ก็มีการแข่งขันค่อนข้างสูง และตัวเลือกเพียบ อาจจะต้องลองเทียบกับรีวิวของรุ่นอื่นๆ ดูก่อนจะตัดสินใจซื้อกันอีกที

ส่วน Zenfone Max M2 นั้นได้เปรียบในเรื่องรูปทรงและความบาง ด้วยสเปคแล้วก็ถือว่าคุ้มค่ากับราคาอยู่เหมือนกัน

Play video

แต่ติดที่ราคายังเปิดมาไม่ได้ต่างจาก Max Pro M1 ที่เราเคยรีวิวไปแล้ว คือถ้าไม่ได้อยากได้หน้าจอที่ใหญ่ขึ้นมา การกลับไปเลือกเอารุ่น Max Pro M1 อาจจะดูคุ้มค่ากว่า เพราะราคาต่างกันไม่กี่ร้อยบาทเท่านั้นเอง