งาน Samsung Developer Conference 2016 (ชื่อย่อว่า SDC) เป็นอีกหนึ่งในงานสำหรับนักพัฒนาเช่นเดียวกับงาน F8, Google I/O หรือ WWDC ครับ แต่สำหรับ SDC นั้นจะเป็นงานของ Samsung (น่าจะรู้ได้จากชื่องานแล้วเนอะ) ซึ่งมีระยะเวลา 2 วัน ตั้งแต่วันที่ 27-28 เมษายนในปีนี้ จัดขึ้นที่ Moscone Center West@San Francisco ที่เดียวกับงาน WWDC และ Google I/O ในปีที่แล้ว (ปีนี้ WWDC ก็จัดที่นี่ ส่วน Google I/O ย้ายไปใกล้ๆสำนักงานใหญ่) ซึ่งผมก็เป็นหนึ่งในนักพัฒนาที่มีโอกาสได้มาร่วมงานนี้ จึงขอแบ่งปันข้อมูลที่ได้จากงาน Keynote ในวันแรกให้ได้อ่านกันเสียหน่อย (นั่งเขียนข่าวนี้อยู่ในงานเลยนะ!!)

      สำหรับ Keynote ก็พึ่งจะจบไปได้ไม่กี่ชั่วโมงนี้เอง ซึ่งทาง Samsung เปิดตัวอะไรหลายๆอย่างมาก ซึ่งทุกๆอย่างนั้นเน้นไปที่นักพัฒนานำไปใช้งานกันครับ ก็จะมีครอบคลุมไปทั้ง Mobile, VR, IoT และอื่นๆที่กำลังเป็นที่นิยมกัน

      ในห้อง Keynote ก็เป็นห้องใหญ่ที่ใช้กันประจำ แต่ว่าในงาน SDC ไม่ได้มีคนเยอะเท่ากับงานอื่นๆครับ ดังนั้นจึงใช้พื้นที่ไม่เต็มห้องซักเท่าไร ซึ่งก็ดีตรงที่มีที่ให้นั่งใกล้ๆหน้าเวทีนี่แหละ 

Play video

 

เริ่มจากข้อมูลสถิติของ Samsung

      ข้อมูลก็จะเน้นไปในแง่ของนักพัฒนาเล็กน้อย โดยจะพูดถึงจำนวนของอุปกรณ์ในปัจจุบัน การพัฒนาแอพในทุกวันนี้ และเทคโนโลยีทางฮาร์ดแวร์ที่ Samsung พัฒนาขึ้นมา ซึ่งตรงนี้จะเน้นไปที่ Mobile เป็นหลัก

 

      Micro SD นี่ก็เป็น Innovation ด้วยสินะ…

 

Samsung Knox

      ถือว่าเป็นจุดเด่นของ Samsung ในตอนนี้เลยก็ว่าได้ครับ เพราะ Samsung Knox เป็นอะไรที่ทาง Samsung พัฒนามาได้หลายปีแล้ว และตอนนี้มันไปอยู่เกือบทุกๆอย่างของ Samsung ครับ รวมไปถึงเปิดให้ 3rd Party สามารถนำไปใช้งานได้

 

      หลายๆคนอาจจะรู้จักกันในชื่อของ My Knox ซึ่งนั่นเป็นแค่แอพที่ทำออกมาให้ผู้ใช้ทั่วไปได้ใช้งาน แต่ในจริงๆแล้วทาง Samsung ได้พัฒนา Knox ขึ้นมาเพื่อครอบ Android Framework อีกทีหนึ่ง เพื่อให้นักพัฒนาสามารถเรียกใช้งานได้ในรูปของ SDK ซึ่งมีฟีเจอร์หลายๆอย่างให้ใช้งานได้มากกว่าเดิมที่เคยทำได้บน Android Framework เดิมๆ ซึ่งเครื่องของ Samsung ที่วางขายในปัจจุบันนี้จะมี Knox อยู่ในเครื่องทั้งหมดแล้ว

 

      และ Knox นั้นมีจุดเด่นในเรื่องของ Security เป็นอย่างมาก ที่เรียกว่ายกระดับในเรื่อง Security ให้กับแอนดรอยด์ได้เป็นอย่างดี ถึงแม้ว่าในทุกวันนี้ผู้ใช้งานส่วนใหญ่ยังมี Mindset ที่ว่าแอนดรอยด์ไม่ค่อยปลอดภัยอยู่ แต่สำหรับ Knox นั้นได้ถูกพัฒนาขึ้นมานอกจากการทำงานที่ต่อยอดได้มากกว่าเดิม ก็ยังมาพร้อมกับความปลอดภัยขั้นสูงด้วยเช่นกัน โดยการันตีได้จาก Certificate ต่างๆที่ Knox ได้มา ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มี NSA จากอเมริกาอยู่ด้วย ดังนั้นการใช้งานที่ต้องการความปลอดภัยระดับสูงก็สามารถตอบโจทย์ได้ด้วย KNOX บน Samsung 

 

      เพราะเรื่อง Security เป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่อะไรก็เข้าถึงได้ไปหมด อย่างเช่น IoT ซึ่งทาง Samsung ก็มี Tizen IoT เช่นกัน และ Knox ก็ถูกรวมเข้าไปอยู่ใน Tizen IoT ด้วย เพื่อให้ IoT Platform ของ Samsung นั้นมีความปลอดภัยในการใช้งานจริง

 

Samsung Pay

      หลายๆคนน่าจะรู้อยู่แล้วว่า Samsung ก็มี Samsung Pay ที่เหมือนๆกับ Android Pay หรือ Apple Pay ซึ่งเรื่องนี้ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับนักพัฒนามากนัก โฟกัสไปที่เรื่องของการใช้งานและความปลอดภัย (เพราะมี Knox จัดการในส่วนนี้ด้วยนั่นเอง)

 

      ซึ่งในตอนนี้ Samsung Pay เปิดให้ใช้งานแล้วใน 3 ประเทศด้วยกันคืออเมริกา, เกาหลี และจีน ซึ่งมีแผนที่จะขยายเพิ่มเติมในหลายๆประเทศอย่าง อังกฤษ แคนาดา บราซิล ฯลฯ (ส่วนของไทยได้เสียงกระซิบมาว่ารอก่อนนะ แต่มาแน่)

 

Samsung Connect Auto

      Samsung ได้เปิดตัวอุปกรณ์ OBD2 เพื่อเปลี่ยนรถยนต์ให้ฉลาดมากขึ้น โดยสามารถติดตั้งกับรถยนต์ที่มีอยู่แล้วได้เลย ซึ่งตัวอุปกรณ์จะมีช่องใส่ SIM เพื่อส่งข้อมูลขึ้นเซิฟเวอร์ของ Samsung โดยตรง ดังนั้นจะทำให้สามารถอ่านข้อมูลต่างๆของรถยนต์ได้ตลอดเวลา ซึ่งเซิฟเวอร์ของ Samsung นั้นจะเปิด API ให้นักพัฒนาสามารถพัฒนาแอพเพื่อใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ดังกล่าวได้ สามารถดึงข้อมูลต่างๆจากรถมาแสดงผลในแอพ (เป็น WiFi Hotspot ได้ด้วยนะเออ)

 

      ซึ่งมีแผนที่จะเริ่มทดลองใช้งานในอเมริกาก่อนเท่านั้น โดยจะร่วมมือกับ AT&T สำหรับค่าบริการอินเตอร์เน็ต (เพราะมันต้องเสียบ SIM ในตัวอุปกรณ์และส่งข้อมูลขึ้นเซิฟเวอร์) และจะเปิดให้นักพัฒนาได้ลองใช้งานกันในช่วงเดือนสิงหาคม

 

Samsung S Health

      สำหรับ S Health นั้นจะเน้นไปที่อุปกรณ์เพื่อสุขภาพต่างๆที่สามารถใช้งานร่วมกับ S Health ได้ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องตรวจความดันโลหิตหรือวัดน้ำตาลในเลือด และอื่นๆ รวมไปถึงการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์อย่าง Wearable Device ของทาง Samsung โดยเฉพาะ Samsung Gear S2 

 

Sound Camp

      นอกจากนี้ทาง Samsung ยังตั้งใจที่จะผลักดันให้เครื่องของ Samsung นั้นสามารถใช้งานที่เกี่ยวกับดนตรีได้ ที่เราอาจจะเห็นกันใน iPad (และแทบเลตของ Intel ก็เน้นเรื่องแบบนี้เหมือนกัน) ซึ่งทาง Samsung ก็มีชุดพัฒนาเพื่อให้นักพัฒนาสามารถนำไปพัฒนาเป็นแอพที่ใช้งานร่วมกับเครื่องดนตรีต่างๆได้ง่ายขึ้น 

 

     ซึ่งในงานก็มีการเชิญดีเจมาโชว์การใช้งานให้ดู (และฟัง) กันด้วย

Play video

 

Samsung Gaming

      อันนี้ไม่มีอะไรมาก พูดถึงเรื่องการพัฒนาเกมโดยใช้ Vulkan API ซึ่งเป็นตัวใหม่ที่จะมาแทน OpenGL ES โดยมีประสิทธิภาพที่ดีกว่าในขณะที่ทรัพยากรเท่าเดิม ซึ่งใน Keynote ก็จะเดโมให้เห็นถึงความสามารถของ Vulkan โดยใช้ Samsung Galaxy S7 และเชิญคนจาก EPIC Games มาพูดเกี่ยวกับเดโม และสุดท้ายก็เชิญชวนให้ร่วมโปรเจค Galaxy Game Dev กับของทาง Samsung ที่มีทีมพัฒนาเกมหลายๆเจ้าอยู่ในโปรเจคดังกล่าว

 

Samsung VR

      สำหรับเทคโนโลยี VR ของ Samsung ที่พูดใน Keynote นั้นจะเน้นไปที่การใช้งานกับอุปกรณ์ที่มีอยู่แล้วอย่าง Gear 360, Gear VR และ Project Beyond ซึ่งทาง Samsung ได้สร้าง Platform ที่ชื่อว่า Milk VR เพื่อให้นักพัฒนาสามารถสร้าง Content ต่างๆสำหรับ VR ได้สะดวกขึ้น อย่างเช่นการทำ Live Streaming  

 

Tizen TV

      จะเน้นไปที่การพัฒนาแอพบน Tizen TV ครับ ซึ่งมี SDK ต่างๆรองรับสำหรับนักพัฒนาอยู่แล้ว สามารถนำไปประยุกต์ใช้งานในเชิงพาณิชย์ได้ อย่างเช่น Digital Signage หรือทำงานร่วมกับอุปกรณ์ต่างๆ

 

Samsung ARTIK

      ARTIK เป็น IoT Platform ที่ทาง Samsung ได้เปิดตัวมาพักหนึ่งแล้ว และล่าสุดก็ได้แจกจ่ายและจำหน่ายบอร์ดพัฒนาให้กับนักพัฒนาเพื่อนำไปพัฒนากับ ARTIK Platform ที่ทาง Samsung สร้างขึ้นมา 

 

      ตัวบอร์ดก็จะแบ่งออกเป็น 3 รุ่น ARTIK 1/5/10 ซึ่งแตกต่างกันไปตามความสามารถในการทำงาน เพื่อตอบรับการใช้งานในรูปแบบต่างๆได้หลากหลาย

 

      โดยรองรับการทำงานตามมาตรฐานต่างๆไม่ว่าจะเป็น WiFi, Bluetooth, Zigbee, MQTT, CoAP และอื่นๆ รวมไปถึงรองรับการใช้งานกับระบบปฏบัติการที่มี Linux เป็นพื้นฐาน เพื่อให้นักพัฒนาสามารถเลือกใช้งานได้ตามต้องการ

 

      และนอกจากนี้ยังเปิดบริการ ARTIK Cloud เพื่อช่วยให้นักพัฒนาสามารถพัฒนาได้ง่ายขึ้นด้วย โดยรองรับกับหลายๆภาษาและ Platform ซึ่งสามารถทดลองใช้งานได้ตั้งแต่วันนี้

 

      และพูดถึง ARTIK IDE ซึ่งพัฒนาอยู่บน Eclipse Che เพื่อเป็นทางเลือกให้กับนักพัฒนา และพูดถึงการใช้ Resin.io ในการช่วย Deploy โปรแกรมลงบนอุปกรณ์ผ่าน Cloud

 

      นอกจากนี้ยังมีอีกหลายๆอย่างที่ทาง Samsung พูดถึงใน Keynote ไม่ว่าจะเป็น Samsung Accelerator สำหรับ Startup หรือ Partner จากทาง Samsung ทำเอาเลยเวลาตามกำหนดไปพอสมควร (ราวๆ 20 นาที)

 

 สรุป

       จาก Keynote ของงานนี้ทำให้เห็นได้ชัดเลยว่า นอกจาก Samsung จะทำ Product เป็นของตัวเองแล้ว ก็ยังมี Platform ที่เปิดให้นักพัฒนาจากหลายๆที่สามารถเข้ามาร่วมเป็น Partner กับทาง Samsung ได้ง่ายขึ้น ซึ่งทาง Samsung ก็พยายามสร้าง Platform และ Solution เพื่อดึงดูดนักพัฒนาเข้ามาใช้งานและทำ Product ที่สามารถทำงานกับอุปกรณ์ของ Samsung ได้ โดยครอบคลุมเทคโนโลยีมากมายไม่ว่าจะเป็น Mobile, Smart Device และ IoT 

      ก็ขอเล่าสั้นๆแบบไม่ละเอียดมากสำหรับ Keynote ในงานนี้นะครับ เพราะมีหลายอย่างมากกกก และต้องขอเวลาไปเดินชมบูธและ Session ต่างๆภายในงานต่อ แต่บอกเลยว่าในงานนี้มีหลายๆอย่างที่น่าสนใจมากสำหรับนักพัฒนาที่กำลังมองหา Solution ที่สะดวกและครบวงจร รวมไปถึง Product ต่างๆที่จะเปิดตัวให้คนทั่วไปใช้ได้งานกัน

     ส่วนจะมีอะไรโชว์ในงานบ้าง เดี๋ยวผมจะเก็บภาพและรายละเอียดมาให้อ่านกันในบทความหน้านะครับ ตอนนี้ต้องขอตัวไปเดินชมภายในงานก่อนนะครับ 😀