Samasung รายงานผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2025 โดยสามารถทำรายได้รวมสูงสุดที่ 79.14 ล้านล้านวอน (ประมาณ 1.9 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วในช่วงไตรมาสเดียวกัน และมีกำไรอยู่ที่ 6.7 ล้านล้านวอน (ประมาณ 1.6 แสนล้านบาท) โดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากยอดขายของสมาร์ตโฟนเรือธงรุ่นล่าสุดอย่าง Galaxy S25 ถึงแม้ว่าธุรกิจชิป (DS Division) จะมีรายได้ที่ลดลงในไตรมาสนี้

กลุ่มธุรกิจ Mobile Experience สามารถทำรายได้รวมอยู่ที่ 37 ล้านล้านวอน (ประมาณ 8.9 แสนล้านบาท) และมีกำไรจากการดำเนินงานทั้งหมด 4.3 ล้านล้านวอน โดยได้รับอิทธิพลมาจากยอดขายของ Galaxy S25 เมื่อดูจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นในช่วง 1 เดือนแรกหลังการเปิดตัว และมีการสั่งผลิตไปแล้วมากถึง 4.5 ล้านเครื่องในช่วง 3 เดือนแรก บวกกับการบริหารต้นทุนที่ประสิทธิภาพ เลยทำให้กำไรในส่วนนี้เพิ่มขึ้นเหมือนกัน

ในด้านธุรกิจ Samsung Display (SDC) รายงานรายได้รวม 5.9 ล้านล้านวอน (ประมาณ 1.4 แสนล้านบาท) และกำไรจากการดำเนินงาน 0.5 ล้านล้านวอน แม้ธุรกิจจอมือถือจะมีกำไรลดลง แต่ธุรกิจจอมอนิเตอร์สามารถฟื้นตัวขึ้นมาได้ด้วยการเปิดกลุ่มสินค้าจอแสดงผล QD-OLED โดยในไตรมาสถัดไป SDC จะโฟกัสการส่งมอบจอภาพสำหรับสมาร์ทโฟนจอพับเป็นหลัก และคาดว่าความต้องการของจอเกม จะเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง

ด้านธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ สามารถทำรายได้รวมไปได้ 19.1 ล้านล้านวอน (4.5 แสนล้านบาท) เพิ่มขึ้น 9% ถึงแม้กำไรจากการดำเนินงานจะน้อยลงจากราคาขายเฉลี่ยที่ลดลง แต่ความต้องการของสินค้าจำพวก DRAM หรือ NAND ยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มเซิร์ฟเวอร์และอุปกรณ์ AI ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ภายใต้ข้อจำกัดการส่งออกชิป AI จึงวางแผนเร่งผลิตชิป HBM3E รุ่นใหม่ เพื่อรองรับความต้องการหน่วยความจำอย่าง HBM3E 12H ที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต และเตรียมความพร้อมเดินหน้าเปลี่ยนสายการผลิตเป็น V-NAND รุ่นที่ 8 ต่อไป

และในส่วนของกลุ่มธุกิจอื่นๆ อย่างโทรทัศน์หรือเครื่องใช้ไฟฟ้า ก็ยังสามารถทำผลประกอบการได้ดี โดยสามารถสร้างกำไรไปได้ที่ 0.3 ล้านล้านวอน (7.2 พันล้านบาท) เช่นกัน โดยเฉพาะสินค้ากลุ่ม Neo QLED, OLED รุ่นใหญ่ขนาด 75 นิ้วขึ้นไป

ที่มา : Samsung

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง