หลายคนอาจจะสงสัยว่าระหว่าง Galaxy S20 Ultra ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เมื่อนำมาเทียบกับ iPhone 11 Pro Max ตัวท็อปจากฝั่ง Apple แบบตัวต่อตัว สมาร์ทโฟนรุ่นไหนจะมีสเปคที่คุ้มค่ากว่ากัน เพราะราคาเริ่มต้นถือว่าเปิดมาเท่ากันเป๊ะๆ ที่ 39,900 บาท โดยวันนี้ผมจะมาเปรียบเทียบสเปคให้ดูแบบคร่าวๆ นะครับ

Play video

สเปค Galaxy S20 Ultra vs iPhone 11 Pro Max

Galaxy S20 UltraiPhone 11 Pro Max 
หน้าจอDynamic AMOLED 2X ขนาด 6.9 นิ้ว ความละเอียด Quad HD+ ค่ารีเฟรชเรท 120 HzSuper Retina XDR ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ ค่ารีเฟรชเรท 60 Hz
ชิปเซ็ตExynos 990Apple A13 Bionic 
RAM12GB4GB
ความจุ128GB รองรับ MicroSD 1TB64GB / 256GB / 512GB
กล้องหลัง 
  • Wide: 108MP f/1.8, PDAF, OIS 
  • Telephoto: 48MP f/3.5, PDAF, OIS,
    • Hybrid Optic Zoom 10x
    • Space Zoom 100x
  • Ultra Wide: 12MP f/2.2 มุมกว้าง 120 องศา
  • ToF: DepthVision
  • Wide: 12MP f/1.8, PDAF, OIS
  • Telephoto: 12MP f/2.0, PDAF, OIS,
    • Optical Zoom 2x
    • Digital Zoom 10x
  • Ultra Wide: 12MP f/2.4 มุมกว้าง 120 องศา
กล้องหน้า 40MP12MP
พอร์ตUSB-CLightning
5Gรองรับไม่รองรับ
แบตเตอรี่5,000 mAh รองรับชาร์จไว 45W3,969 mAh รองรับชาร์จไว 18W
ลำโพงสเตอริโอ, ไม่มีรูหูฟัง 3.5 มม.สเตอริโอ, ไม่มีรูหูฟัง 3.5 มม.
มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นIP68IP68

หน้าจอ

มาเริ่มกันที่หน้าจอก่อนเลย ทั้ง Galaxy S20 Ultra และ iPhone 11 Pro Max ต่างมาพร้อมกับจอ AMOLED แต่ตรงนี้ Galaxy S20 Ultra จะมีความเหนือกว่าอยู่เล็กน้อย เพราะมีความละเอียดสูงกว่าที่ Quad HD+ (2K) และมีค่ารีเฟรชเรทที่สูงถึง 120 Hz ขณะที่ iPhone 11 Pro Max นั้น ใส่มาให้ที่ความละเอียด Full HD+ และค่ารีเฟรชเรท 60 Hz อยู่

หากสังเกตดีๆ หน้าจอของ Galaxy S20 Ultra จะไม่เหมือนกับหน้าจอของมือถือเรือธง Samsung พักหลังๆ ที่มักจะมาในรูปแบบ Dual-Curved Display หรือจอโค้งกัน โดยรอบนี้ Samsung ตัดสินใจเลือกใช้หน้าจอแบบ 2.5D แทน ซึ่งจะคงเหลือความโค้งเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น

ประสิทธิภาพการใช้งาน

ทั้ง Galaxy S20 Ultra และ iPhone 11 Pro Max ต่างมาพร้อมกับชิปเซ็ตตัวท็อปอย่าง Exynos 990 และ Apple A13 Bionic ที่การันตีเรื่องการใช้งานทั่วไป เล่นไถ Facebook, Twitter, Instagram ฯลฯ หรือการเล่นเกมปรับกราฟฟิกโหดๆ ได้อย่างลื่นไหล ไม่มีกระตุก

แต่สำหรับใครที่ไม่ชอบเคลียร์แอปแบบผม Galaxy S20 Ultra น่าจะทำออกมาได้ดีกว่า เพราะอัด RAM มาให้แบบจัดเต็มถึง 12GB เรียกได้ว่าเปิดแอปแบบ 10 – 20 แอป ก็ไม่น่าจะแสดงอาการค้างออกมา โดย iPhone 11 Pro Max ใส่ RAM มาให้เพียง 4GB เท่านั้น ทั้งนี้ทั้งนั้น ทั้งคู่ใช้ระบบปฏิบัติการคนละตัวกัน จะเอามาเทียบกันแบบนี้ก็ดูจะไม่แฟร์กับฝั่ง Apple สักเท่าไหร่

ส่วนความจุ iPhone 11 Pro Max มีให้เลือกถึง 3 แบบ ตั้งแต่ 64GB, 256GB และ 512GB ซึ่งราคาก็จะสูงตามขนาดความจุนะครับ ขณะที่ Galaxy S20 Ultra ที่วางขายในประเทศไทยบ้านเรานั้น มีให้เลือกเพียงแค่ 1 ความจุ ก็คือ 128GB แต่จะดีหน่อยตรงที่ Galaxy S20 Ultra สามารถใส่เมมเพิ่มได้สูงสุดถึง 1TB

ถึงแม้ว่าทั้ง Galaxy S20 Ultra และ iPhone 11 Pro Max จะรองรับมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP68 ทั้งคู่ แต่มาตรฐาน IP68 ของ iPhone 11 Pro Max สามารถอยู่ในน้ำลึกไม่เกิน 4 เมตร สูงสุด 30 นาที เทียบกับ Galaxy S20 Ultra ที่อยู่ในน้ำลึกได้สูงสุด 1.5 เมตร สูงสุด 15 นาที

กล้อง

Galaxy S20 Ultra มาพร้อมกับกล้องหลังทั้งหมด 4 ตัว ประกอบไปด้วยเซนเซอร์หลักความละเอียด 108 ล้านพิกเซล, กล้อง Telephoto ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล ซูม Hybrid Optic 10x และ Space Zoom 100x, กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล และเซนเซอร์ DepthVision สำหรับวัดระยะตื้นลึกของภาพสำหรับถ่ายโหมดหน้าชัดหลังเบลอ

ขณะที่ iPhone 11 Pro Max นั้นให้มา 3 ตัว น้อยกว่าฝั่ง Samsung 1 ตัว มีกล้องหลัก, กล้อง Telephoto และ กล้อง Ultra Wide ซึ่งความละเอียดจะเท่ากันทั้งหมดที่ 12 ล้านพิกเซล โดย iPhone 11 Pro Max มาพร้อมกับความสามารถในการซูมแบบ Optical 2x

กล้องทั้งคู่จะดีหรือต่างกันขนาดไหน ไปดูเพิ่มเติมได้ที่ลิงก์นี้เลยนะครับ

เปรียบเทียบกล้อง Galaxy S20 Ultra vs iPhone 11 Pro Max ใครถ่ายสวยกว่ากัน?

ข้ามไปถึงเรื่องการถ่ายวิดีโอกันบ้าง อันนี้ Galaxy S20 Ultra บอกเลยว่าให้ความละเอียดมาแบบเหลือเฟือมาก เพราะสามารถถ่ายได้ที่ความละเอียดสูงสุดถึง 8K แต่ framerate จะอยู่ที่ @24fps เท่านั้น เหมาะสำหรับเอาไปแคปภาพต่ออีกครั้งอยู่ ส่วน iPhone 11 Pro Max แม้ว่าจะทำได้สูงสุดที่ 4K@60fps แต่ภาพที่ได้และกันสั่นก็ถือว่าน่าพอใจไม่น้อย เพราะ Galaxy S20 Ultra หลายฟีเจอร์ก็จะหายไป ถ้าถ่ายที่ความละเอียดและ framerate นี้

กล้องหน้าของ Galaxy S20 Ultra มาพร้อมกับความละเอียด 40 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f/2.2 ขณะที่ iPhone 11 Pro Max ให้มาเป็นความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสงเท่ากันที่ f/2.2

แบตเตอรี่

ครั้งนี้ Samsung ใส่แบตเตอรี่มาให้ใน Galaxy S20 Ultra มากถึง 5,000 มิลลิแอมป์ การันตีการใช้งานแบบทั้งวัน ไม่ต้องพกสายชาร์จให้หนักกระเป๋า (เว้นแต่ว่าจะใช้งานแบบหนักๆ จริง อาจจะไม่พอ) รองรับการชาร์จไวสูงสุด 45W เมื่อมาเทียบกับ iPhone 11 Pro Max ที่ใส่แบตมาให้แค่ 3,969 mAh แต่ใช้งานอึดทดดีมาก อยู่ทั้งวันได้สบายๆ และรองรับการชาร์จไว 18W (แต่จากการทดสอบของทีมงาน DroidSans พบว่า iPhone 11 Pro Max สามารถรองรับการชาร์จไวได้สูงสุด 25W)

ทดสอบพบ iPhone | iPad หลายรุ่นรองรับชาร์จไว แค่เปลี่ยนหัว-สายชาร์จ และ iPhone 11 รองรับสูงกว่า 18W

Play video

 

สรุปซื้อรุ่นไหนดี

ใครที่ชื่นชอบอยากเล่นของใหม่ ฟีเจอร์เจ๋งๆ จัดเต็มมาให้ทั้งสเปคเครื่องและกล้อง Galaxy S20 Ultra ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีอยู่ ด้วยเซนเซอร์ความละเอียด 108 ล้านพิกเซล, Space Zoom (Digital Zoom) ที่ดันได้ไกลสุดถึง 100x อีกทั้งยังสามารถถ่ายวิดีโอได้สูงสุด 8K อีกด้วย แถมยังใส่ MicroSD เพิ่มได้อีก 1TB ต่างหาก จะถ่ายรูปหรือวิดีโอแบบเยอะๆ ก็ไม่ต้องมานั่งกังวลว่าจะพื้นที่ความจำเต็ม ส่วน iPhone 11 Pro Max แม้ว่าจะออกมาก่อนหน้าเกือบ 6 เดือน แต่การใช้งานและคุณภาพหลายๆอย่างก็ยังถือว่าน่าสนใจไม่น้อย แต่หากใครซื้อมาใช้งานทั่วไป ถ่ายรูปนิดหน่อย ไม่ได้ซีเรียสอะไรมาก iPhone 11 Pro Max ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจมากๆ ครับ ยิ่งใครชื่นชอบหรือเป็นสาวกของ Apple อยู่แล้ว ก็เลือกได้ไม่ยากเลย ส่วนตัวผมมองว่าดีทั้งคู่ แล้วแต่ความชอบส่วนบุคคลเลย