Samsung Galaxy S24 ซีรีส์มือถือที่มาพร้อมกับสโลแกนตัวเป้ง Galaxy AI ที่ซัมซุงเลือกที่จะนำเสนอสิ่งใหม่ให้กับวงการสมาร์ทโฟน และต้องการให้เป็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่ ซึ่ง AI นั้นจะทำให้การใช้งานโทรศัพท์มือถือของเราเปลี่ยนไป และมันไม่ได้แค่มาช่วยแปลภาษา แต่งภาพ แต่จริงๆ แล้วมันยังมีการทำงานในส่วนของกล้องถ่ายภาพ ตั้งแต่เราเปิดแอปและกดชัตเตอร์เลยทีเดียว

ทาง droidsans ได้ไปพูดคุยกับ Joshau Cho, President of the Visual Solution team ซึ่งเค้าทำงานกับ Samsung Electronics’ Mobile eXperience Business มายาวนานถึง 20 ปี เรียกว่าพี่แกผ่านมาทุกยุคทุกสมัย ตั้งแต่มือถือปุ่มกด หรือฝาพับยุคแรกๆ 

เราอาจจะคิดว่า Galaxy AI เน้นไปที่การแปลภาษา การย่อเนื้อหา และการแต่งภาพ แต่สำหรับ Joshua แล้ว Model AI บน S24 นั้นทำงานในทุกสเต็ป โดยเฉพาะเรื่องกล้องและการถ่ายภาพ เพราะมันอยู่ในระบบ ProVisual Engine 

ระบบ Quad Camera ที่เปลี่ยนไป

ไม่มีใครไม่ถามถึงสาเหตุว่าทำไม Samsung ถึงเปลี่ยนกล้องชุดใหม่ ซึ่งทาง Joshua เองก็อธิบายว่าการที่กล้อง 50MP 5x Optical มาแทนที่กล้อง 10MP 10x Optical เพราะมีการสำรวจการใช้งานและเก็บข้อมูลมาโดยตลอด และพบว่ามีการใช้กล้องในระยะ 2x – 5x ในระดับ 90% ทำให้ Samsung ต้องการโฟกัสกล้องในระยะนี้ให้ทำงานได้ดีที่สุด 

  • ระยะ 1x ใช้กล้องหลัก sensor 200MP 
  • ระยะ 2x เป็น In sensor zoom 50MP
  • ระยะ 3x ใช้ Optical 10MP
  • ระยะ 5x เป็น Optical 50MP
  • ระยะ 10x ตัว In sensor zoom สามารถเก็บภาพได้ที่ 12MP

และด้วยพลังของ ProVisual Engine และ In Sensor ZOOM ทำให้กล้องของ S24 Ultra ครอบคลุมการระยะการใช้งานและมี AI Zoom ที่ดีขึ้น 

พลัง AI ที่เพิ่มเข้ามาในการถ่ายวิดีโอ

ปกติแล้ววิดีโอก็คือภาพถ่ายที่ถูกบันทึกอย่างต่อเนื่อง 24-30 หรือ 60 ขึ้นอยู่กับค่า fps ที่เรากำหนด แต่ใน Galaxy S24 นั้น Samsung ได้นำเอา AI มาช่วยในการเติมเฟรมเข้าไปในวิดีโอได้มากถึง 3 เฟรมต่อภาพ

นั่นทำให้ฟีเจอร์อย่าง Intstant Slo-mo เกิดขึ้น จากวิดีโอปกติที่เราถ่ายมาแค่ 30 เฟรม ถูกนำมายืดให้ช้าลงได้ถึง 4 เท่า กลายเป็นวิดีโอสโลโมชั่นสวยๆ ที่ระดับ 120 เฟรมได้สบายๆ

Nightography ภาพและวิดีโอกลางคืนที่ชัดและสว่างขึ้น

การประมวลผล NPU ที่สามารถทำงานได้เร็วและชุดคำสั่งเยอะขึ้น ช่วยให้ Samsung สามารถเลือกใช้ algorithm ที่มีความซับซ้อนมาเสริมทำให้การถ่ายภาพและวิดีโอเวลากลางคืนนั้นดีขึ้น ทั้งการจัดการเรื่องของ noise และการคงไว้ซึ่งรายละเอียด 

รวมถึงการซูม หรือตัวเลนส์เทเลที่ได้ขนาดพิกเซลใหญ่กว่าเดิมราว 1.6 เท่า ก็ส่งผลให้การเก็บแสงทำได้ดีขึ้น ภาพที่ได้สว่างขึ้น เช่นเดียวกับระยะซูมใกล้อย่าง 2 เท่า การได้ระบบ AI และ algorithm มาช่วยประมวลผลก็ทำให้ภาพที่ได้ออกมานั้นชัดและเคลียร์กว่า S23 ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ใช่แค่เวลากลางคืน แต่ยังรวมถึงภาพที่มีสภาพแสงแตกต่างกันมากๆ เช่น HDR ด้วย

Portrait ที่มากกว่าแค่การเบลอ

จากเดิมการถ่ายภาพ Portrait นั้นจะใช้การวัดความลึกและทำให้ภาพดูเบลอ หรือไม่ก็ใช้ AI ง่ายๆ ในการแยกคนออกจากฉากหลัง แต่ Samsung เลือกที่จะเทรน ProVisual Engine ด้วยข้อมูลภาพ Portrait จากกล้อง DSLR เพื่อให้ได้ภาพที่มีการเบลอและโบเก้ที่ละมุนมากขึ้น นอกจาก Background Blur แล้ว ยังสามารถเก็บ Foreground blur ได้ด้วย

ส่วนโหมด Video Portrait นั้นเป็นครั้งแรกเลยที่ Samsung ใช้การทำงานของกล้อง 2 พร้อมกัน เพื่อให้การเบลอนั้นมีมิติและเป็นธรรมชาติมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นกล้อง Wide, Tele หรือ Ultra Wide ก็สามารถทำงานร่วมกันได้

Samsung Galaxy S24 Series ไม่ได้มีแค่ AI ที่เป็นฟีเจอร์เท่านั้น แต่ ProVisual Engine ก็นับเป็นอีกหนึ่ง AI ที่ถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้กล้องของ Galaxy S นั้นเป็นกล้องที่ทุกคนสามารถไว้ใจได้ ไม่ว่าจะถ่ายรูปในโมเมนต์หรือช่วงเวลาไหนก็ตาม