Samsung Galaxy S6 ได้เปิดตัวไปเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา สร้างความตื่นตาตื่นใจแก่หลายๆคนที่ติดตาม โดยใน Galaxy S6 นี้มีการพัฒนาปรับปรุงทั้งทางด้าน Hardware Software และ Design มากมาย ซึ่งหลายๆเรื่องดูผิวเผินเหมือนไม่ต่างอะไรกับรุ่นอื่นยี่ห้ออื่น แต่พอดูรายละเอียดดีๆแล้วบางจุดที่ไม่ได้เอ่ยถึงกลับเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ที่ซัมซุงและสื่อหลายๆสำนักเคลมว่ามีประสิทธิภาพดีกว่าทั้งตลาด ดังนั้นเดี๋ยวเราสรุปกันหน่อยดีกว่าว่า Samsung Galaxy S6 และ S6 edge มีจุเด่นอะไรบ้างที่ถูกพูดถึงกัน
เตือนความจำกันสักนิดก่อนกับสเปคคร่าวๆของ Galaxy S6 / S6 Edge
- CPU: Exynos 7420 Octa-Core 64-bit
- GPU: Mali-T760
- RAM: DDR4 3GB
- Internal Storage: 32GB / 64GB / 128GB เทคโนโลยี UFS 2.0
- หน้าจอ: Super AMOLED 5.1 นิ้ว ความละเอียด QHD 2560×1440 (~577 PPI)
- กล้องหลัง: 16 ล้าน f1.9 + OIS
- กล้องหน้า: 5 ล้าน f1.9
- แบตเตอรี่
- Galaxy S6: 2,550 mAh
- Galaxy S6 Edge: 2,600 mAh
- Wireless Charging: PMA, WPC (Qi)
ประสิทธิภาพของ Galaxy S6 / S6 edge
เป็นครั้งแรกในรอบ สามปีที่ผ่านมาของ Samsung ที่ตัดสินใจกลับมาเลือกใช้ Exynos Chipset ของตนเองเพียงอย่างเดียว หลังจากตั้งแต่ Galaxy S4 รุ่นเรือธงจะมีรุ่นย่อยอีกตัวเลือกเป็น Qualcomm Snapdragon ด้วยเสมอ โดยเหตุผลในการตัดสินใจครั้งนี้คือ Samsung มั่นใจว่า Exynos 7420 ดีกว่า Snapdragon 810 ที่เป็นคู่แข่งในทุกๆด้าน ทั้งการประมวลที่แรงเร็วกว่า แต่กลับกินพลังงานน้อยกว่าด้วย
Snapdragon 810 vs Exynos 7420 – AnTuTu Test Scores | ||
Test | Qualcomm Snapdragon 810 | Samsung Exynos 7420 |
Multitask | 7604 | 7344 |
Run time | 4006 | 4172 |
CPU Integer | 8691 | 5573 |
CPU float-point | 6192 | 5452 |
Single-thread integer | 2322 | 2774 |
Single-thread float point | 2081 | 2737 |
RAM Operations | 2826 | 3462 |
RAM Speed | 5053 | 3809 |
2D | 1650 | 1638 |
3D | 17,836 | 20,725 |
Storage I/O | 2538 | 2572 |
Database I/O | 700 | 720 |
Total score | 61,499 | 60,978 |
เปรียบเทียบคะแนน AnTuTu ระหว่าง Sanpdragon 810 และ Exynos 7420 (Galaxy S6) โดย PhoneArena
ส่วนแรม นอกเหนือจากที่บน Galaxy S6 / S6 edge มีมาเยอะถึง 3GB แล้ว เทคโนโลยีที่ใช้ก็เป็น DDR4 ที่จัดว่าเป็นสมาร์ทโฟนตัวแรกๆของโลกที่ได้ใช้ ซึ่ง Samsung เคลมว่าประสิทธิภาพดีขึ้นถึง 80% และมีการเปลี่ยนไปใช้หน่วยความจำแบบ UFS 2.0 ที่ผลการทดสอบออกมาว่าสามารถอ่าน-เขียนได้เร็วที่สุดในตลาดตอนนี้
หัวข้อที่รอการทดสอบ
ในการใช้งานจริง Exynos 7420 จะสามารถเปิดแอพหรืองานเอกสารหนักๆได้เร็วขึ้นขนาดไหน
ความเสถียรในการใช้งาน ไม่ค้าง ไม่แฮงค์ ไม่เอ๋อ
เล่นเกมส์กราฟิกหนักๆได้ภาพสวยสมจริงขึ้น กว่ารุ่นอื่นหรือเปล่า
คุณภาพหน้าจอแสดงผล
หน้าจอ Super AMOLED 5.1นิ้ว ความละเอียด Quad HD (~557ppi)
ในที่สุด Samsung ก็หยุดการขยายขนาดของหน้าจอบน Galaxy S Series ไว้ที่เพียง 5.1 นิ้ว และจับยัดเอาหน้าจอความละเอียด Quad HD มาใส่ให้ ความเที่ยงตรงของสีและการจัดการพลังงานของหน้าจอ Super AMOLED บน Galaxy S6 ยังคงได้รับคำชมเป็นอย่างดีจาก DisplayMate ว่าทำออกมาได้ดี ถูกต้อง แม่นยำ ดีเป็นอันดับสองรองจาก Galaxy Note 4 เท่านั้น
กราฟแสดงความแม่นยำของการแสดงสีบนหน้าจอระหว่าง Samsung Galaxy S6 (ซ้าย) และ iPhone 6 (ขวา)
หน้าจอโค้งของ Galaxy S6 edge ก็ยังเป็นคำถามที่หลายๆให้ความสนใจกันว่าประโยชน์ของมันมีมากมายแค่ไหน เพราะมันต่างจาก Galaxy Note edge รุ่นพี่จอโค้งที่ออกมาก่อนหน้า ตรงหน้าจอส่วนที่เป็น Edge Screen นั้นเล็กกว่าและเป็นส่วนเดียวกับหน้าจอหลัก ไม่ได้มีการเพิ่ม pixel แยกออกมา จึงไม่มีไอคอนสั่งงานต่างๆแบบ Note edge แต่มีการเพิ่มลูกเล่นอื่นๆเข้าไปใน Galaxy S6 edge แทน ได้แก่ People Edge, Edge Lighting, และ Night Clock
ทั้ง 3 ฟีเจอร์นี้ถูกมองเป็นเพียง Gimmick ในสายตาของหลายๆคน แลคิดว่าประโยชน์หลักของมันจริงๆน่าจะเป็นที่ความสวยงามมากกว่า ที่ทำให้มันต่างจากโทรศัพท์ทุกรุ่นในท้องตลาดทันที
หัวข้อที่รอการทดสอบ
ความละเอียดและสีสันของหน้าจอ
อัตราการกินพลังงาน
ประโยชน์ของ Edge Screen
วัสดุและการดีไซน์
Samsung Galaxy S6 vs Samsung Galaxy S5
Samsung ได้มีการยกเครื่องหน้าตาของ Galaxy S6 จนเรียกได้ว่าแทบจะไม่ได้มีส่วนไหนที่สืบทอดมาจาก Galaxy S5 เลยนอกจากมุมโค้งๆและปุ่มโฮมตามแบบฉบับ Samsung ซึ่งสเน่ห์ที่ทำให้หลายๆคนต้องหันมามองมันก็คงเป็นตัวเครื่องที่บางเพียง 6.8 มิลลิเมตร ประกบด้านหน้าและด้านหลังด้วย Gorilla Glass 4 ที่เมื่อสะท้อนกับแสงแล้วจะทำให้สีของเครื่องมีความระยิบระยับ เล่นกับไฟที่มากระทบอย่างสวยงาม
ตัวเฟรมเครื่องรวมถึงกรอบก็มีการเปลี่ยนไปใช้โลหะจริงๆสักที ไม่ใช่พลาสติกชุบโครเมียมเงาๆวาวๆแบบเมื่อก่อน ดูเป็นมือถือที่ดูดีจนหลายๆสื่อยอมรับว่าสมกับราคาจริงๆสักที
แต่ถึงจะออกแบบใหม่อย่างไรก็ตาม Samsung ก็ยังคงต้องมีแรงบันดาลใจมาจากค่ายผลไม้สักหน่อยนึง โดยตัวที่ถูกแซะหนักเป็นพิเศษก็คือด้านล่างของตัวเครื่อง ทั้งช่องลำโพง หูฟัง USB ถ้าไม่บอกนี้นึกว่า Jony Ive มาเองเลย
เหมือนมั้ย?~
หัวข้อที่รอการทดสอบ
ความถนัดในการจับถือ โดยเฉพาะขอบโค้งของ Galaxy S6 edge
สีสันของเครื่องเมื่ออยู่ในสภาพแสงต่างๆ
รอยนิ้วมือตามกระจกทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
กล้องและการถ่ายภาพ
หลังจากที่มีการทดสอบ Blind Test ของทาง Droidsans ไปเมื่อไม่นานมานี้ จะเห็นได้ว่าเครื่องที่ผู้คนยอมรับว่ากล้องดูดีที่สุดนั้นก็คือ Samsung Galaxy Note 4 ซึ่งเครื่องเรือธงน้องใหม่อย่าง Galaxy S6 และ S6 edge ก็คงจะต้องอะไรที่เจ๋งกว่าเดิมมาให้เราดูชมแน่นอน ทั้ง Galaxy S6 และ S6 edge นั้นใช้กล้องตัวเดียวกันเป๊ะเลย เพราะฉะนั้นจะขอพูดรวมเป็นตัวเดี่ยวกันไปเลยนะครับ
สเปคกล้องของ Galaxy S6 นั้นเป็นความละเอียด 16 ล้านพิกเซลเท่ากันกับ Galaxy S5 แต่ได้มีการอัพเกรดตัวเลนส์ให้รับแสงได้มากขึ้นจาก f2.2 เป็น f1.9 ดีขึ้นกว่าเดิมถึง 40% เมื่อรวมกับระบบกันภาพสั่นไหว OIS (Optical Image Stabilization) ทำให้ทาง Samsung เคลมว่า Galaxy S6 เป็นมือถือที่ถ่ายในที่มืดได้ดีที่สุด
ในงานเปิดตัวมีการเอาภาพเปรียบเทียบกับ iPhone 6 Plus มาเคลมว่าทำได้ดีกว่ามาก
แต่กล้องดีมีไปก็เท่านั้น ถ้ากดถ่ายช๊อตเด็ดๆไม่ทัน ดังนั้น Galaxy S6 ก็เลยใส่ shortcut สำหรับเปิดกล้องแบบรวดเร็วมาให้ โดยการกดที่ปุ่ม home 2 ครั้ง ไม่ว่าจะอยู่หน้าใดก็จะเปิดกล้องขึ้นมาได้ทันที (ถ้าเป็นเมื่อก่อนจะเป็นการเปิด S Voice ซึ่งคงไม่มีใครใช้หล่ะมั้ง) Samsung เคลมว่าสามรถเปิดกล้องพร้อมถ่ายโดยใช้เวลาเพียง 0.7 วินาทีเท่านั้น หลายๆสื่อ หลายๆคลิป รวมถึงที่ท่าน @octopatr ไปลองจับมากับมือ ก็บอกว่าเปิดกล้องเร็วจริงอะไรจริง
ทางด้านของการถ่ายวีดีโอได้เพิ่มฟังก์ชั่น Fast-Tracking ที่จะทำการติดตามวัตถุที่เราเลือกเพื่อให้โฟกัสเลื่อนตามไปได้ และโหมดกันสั่นในงานมีการเอามาสั่นเปรียบเทียบให้เห็นกันเลยว่า Galaxy S6 ทำได้ดีกว่า iPhone 6 เสียอีก!!
ตรงนี้มีข้อสังเกตนิดนึงตรงที่ว่า Samsung ไม่ได้เอา Galaxy S6 มาเทียบกับ iPhone 6 Plus ที่มีระบบกันสั่น OIS แต่เลือกที่จะโชว์เทียบกับ iPhone 6 ที่ไม่มีระบบกันสั่น อาจจะไม่ยุติธรรมสำหรับ iPhone 6 ไปสักหน่อย แต่ก็เป็นความจริงที่เป็นว่า มีกันสั่นดีกว่าไม่มี
นอกจากกล้องหลักแล้ว กล้องหน้าก็ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้น เอาใจขา selfie ด้วยเลนส์ f1.9 ที่รับแสงได้มากขึ้น ทำให้ได้ภาพสว่างขึ้นโดยไม่เสียรายละเอียด ความละเอียดเพิ่มขึ้นมาเป็น 5 ล้านพิกเซล และสามารถถ่าย selfie ด้วยโหมด HDR ได้แล้ว
ทดสอบกล้องหน้า (ซ้าย) Galaxy S6, (ขวา) iPhone 6
จะเห็นได้ว่ามุมมองของกล้อง Galaxy S6 นั้นกว้างกว่าของ iPhone 6 อยู่พอสมควร
ดูภาพเปรียบเทียบเพิ่มเติมได้ที่ PhoneArena
และอีกหนึ่งหัวข้อที่ถกเถียงกันมากมายคือ Samsung Galaxy S6 มีความแม่นยำของ White Balance ขนาดไหน ถ้าเราลองดูใน specsheet จะเห็นว่ามีการใส่ Infrared Sensor สำหรับการวัด W/B อยู่ แต่ก็มีภาพจากบางสื่อชี้ให้เห็นว่า W/B ของ Galaxy S6 อาจจะยังไม่น่าพอใจนัก
iPhone 6 (บน) vs Galaxy S6 (ล่าง) ซึ่งของ Samsung จะค่อนข้างเพี้ยน สีอมแดงกว่าพอสมควร
(via Android Authority)
หัวข้อที่รอการทดสอบ
ความเร็วในการเปิดกล้อง
ความเร็วในการถ่ายภาพ โฟกัส
การปรับจูน White Balance ของกล้อง
การทำงานของระบบกันสั่น OIS
คุณภาพของเนื้อภาพ
Wireless Charging and Battery
การชาร์จแบบไร้สายนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่นัก เพราะมือถือหลายๆเครื่องก็สามารถทำได้ตั้งแต่ช่วงปีที่แล้ว แต่ที่แปลกใหม่ก็คือ Samsung Galaxy S6 นั้นสามารถรองรับมาตราฐานการชาร์จได้ทั้ง PMA และ WPC (Qi) และยังมีระบบ Fast Wireless Charging ด้วย
Galaxy S6 พร้อมกับแบตเตอรี่ความจุ 2,550 mAh ส่วน Galaxy S6 edge จะมีความจุอยู่ที่ 2,600 mAh ซึ่งน้อยกว่า S5 เกือบ 200 mAh แต่ด้วย CPU Exynos 7420 ที่ประหยัดแบตมากกว่าเดิม น่าจะหลักล้างกันพอดี ระยะเวลาการใช้งานจริงก็คงจะไม่ต่างจากเดิมมากนัก
หัวข้อที่รอการทดสอบ
ความเร็วในการชาร์จแบบไร้สาย / Quick Charge
ระยะเวลาการใช้งานต่อการชาร์จ 1 รอบ
Samsung Pay
Galaxy S6 และ S6 edge ใส่เทคโนโลยี Magnetic Secure Transmission หรือ MST เข้ามาเพื่อใช้ในระบบ Samsung Pay ระบบนี้ ทางร้านค้าไม่จำเป็นต้องมี hardware พิเศษเพื่อใช้ในการจ่ายเงินแต่อย่างใด เพราะ MST จะใช้วิธีจำลองคลื่นแม่เหล็กส่งไปยังเครื่องรูดบัตรแทนการรูดบัตรจริงๆได้เลย ทางด้านความปลอดภัย Samsung มีระบบ Knox ที่ร่วมมือกับ ARM TrustZone ที่จะใช้ระบบสแกนลายนิ้วมือและการเข้ารหัสระดับ hardware เพื่อป้องกันการขโมยข้อมูลบัตรและการลักลอบหักเงินโดยไม่ได้รับอนุญาต
หัวข้อนี้ต้องรอสอบถามทาง Samsung Thailand ว่าจะมีการนำเอาฟีเจอร์นี้มาใช้ในประเทศไทยรึเปล่า และจะเอามาใช้เมื่อไหร่ เพราะจากที่เราได้บอกไปข้างต้นว่ามันพร้อมใช้กับเครื่องรูดบัตรตามร้านค้าได้เลย
Software and UI / UX
Samsung ได้อัพเกรดมือถือบางรุ่นเป็น Android 5.0 Lollipop ไปบ้างแล้ว ซึ่งใน Galaxy S6 นี้ก็จะมาพร้อมกับ Android 5.0 เช่นกัน แต่เป็น TouchWiz โฉมใหม่ที่ Samsung บอกว่าจะทำให้กินทรัพยากรเครื่องน้อยลงกว่าเดิม และทำตามสัญญาที่ Samsung ได้ให้ไว้ก่อนหน้านี้ คือ การถอดแอพหลายๆตัวที่ไม่ค่อยจะได้ถูกเรียกใช้งาน (Bloatware) ออกไป โดยถ้าใครจะถูกใส่มาน้อยลงกว่าเดิม 40% แต่จะเปิดให้โหลดมาลงเพิ่มได้ผ่าน Play Store หรือ Samsung Apps ถือเป็นทางเลือกที่ดีเพราะจะทำให้ไม่กินเมมเครื่องเรา อย่าลืมนะว่า Galaxy S6 และ S6 edge นั้นไม่มีช่องเสียบ microSD card แล้ว เมมมีเท่าไหร่ก็เท่านั้นนะ ใส่เพิ่มไม่ได้แล้ว
Theme โดยรวมแล้วเปลี่ยนเป็นสีโทนสว่างมากขึ้นเมื่อเทียบกับยุค Android 4.4 KitKat ไอคอนต่างๆเปลี่ยนเป็นแนวเรียบๆ Flat + Minimal ตามสมัยนิยม element ต่างๆยังคงมีสีสดใส โชว์ความสวยงามของหน้าจอ Super AMOLED เช่นเคย
หัวข้อที่รอการทดสอบ
- หน่วยความจำระบบถูกใช้ไปเท่าไหร่
- แรมเหลือเบื้องต้นก่อนใช้งานเท่าไหร่
ฟีเจอร์อื่นๆ
นอกจากนั้นยังมีฟีเจอร์อื่นๆที่เป็นการปรับปรุงเพิ่มเติมจาก Galaxy S5 เช่น
ลำโพงย้ายตำแหน่งลงมาที่ด้านล่าง และเร่งเสียงได้ดังขึ้น 1.5 เท่า
ระบบสแกนลายนิ้วมือเปลี่ยนเป็นแบบแตะ ไม่ต้องรูดนิ้วแล้ว
เป็นอย่างไรกันบ้าง มีใครชอบฟีเจอร์ไหนของ Galaxy S6 หรือ S6 edge เป็นพิเศษไหม?
คาดว่าในสัปดาห์นี้ ทีมงานน่าจะได้ลองเล่นลองจับเครื่องกันแล้ว และจะค่อยๆทดสอบในแต่ละหัวข้อให้เพื่อนๆได้ทราบกัน ถ้าเกิดว่ามีจุดได้ที่อยากรู้เพิ่ม ก็สามารถมา comment กันที่ด้านล่างได้เลยนะครับ ส่วนเรื่องราคาและวันวางจำหน่ายก็คาดว่าทาง Samsung Thailand จะเอามาบอกในเร็ววันนี้ รอติดตามได้ที่ droidsans ได้เลยครับ 🙂
Source and Reference:
Samsung.com (Galaxy S6, Galaxy S6 edge), TheAndroidSoul, SamsungTomorow, Android Authority, Phone Arena (user interface, performance, selfie-test), Android Central, PC PRO, Phandroid (speaker), DisplayMate (Display), DigitalTrends (camera), scantips (aperture/light calculate)
เคยมีคนเปรียบเทียบกล้อง iphone 6 กับของ note 4 ในพันธ์ทิพย์
กล้อง iphoe 6 ปรับสี-อมเหลืองของไฟให้กลายเป็นขาว
มีดราม่าบอกว่า กล้องของ note4 ห่วยแตกมาก
แต่เขาเอาภาพในหนังสือของโรงแรมมาแสดง ให้เห็นสีจริง คือ ไฟมันเหลือง หายหน้าหมด
เพราะฉะนั้น เรื่องกล้องก็อยากให้ทดสอบครับ ภายในแสงไฟต่างๆ
ปล.. ยังไงผมก็ไม่ค่อยชอบซัมซุงอยู่ คือ เรื่องโลโก้ด้านหน้า ถ้าเอาออกได้จะสวยอยู่
ถ้าตั้ง Auto White Balance ถ้าไฟเหลือง ต้องถ่ายออกมาขาวก็ถูกแล้ว เค้าเรียกว่า AWB แม่น
ถ้าไฟเหลือง แล้วถ่ายออกมาเหลืองแสดงว่า AWB ห่วยครับ
ถ้าไฟจริงเหลือง อยากได้รูปสีเหลืองตามนั้น ก็ต้องตั้ง White Balance แบบอื่น
คนที่เข้าใจว่า แสงจริงสียังไง ต้องถ่ายได้สีนั้น อันนี้เรียกว่าไม่รู้เรื่องกล้อง ไม่รู้ทฤษฎี
แต่ของ iPhone 6 นี้มันขาวจน hood เรียบเนียนไปเลยนะครับ ผมว่ามันเกิน AWB ไปโหมด Beauty แล้วมั้งครับ เกลี่ยซะเกลี้ยงหมดเลย
สรุปคือ ต่อให้ไฟเหลือง ถ่ายออกมาก็ต้องเป็นสีขาวว่างั้น
เออ.. แทนที่ว่าจะถ่ายยังไงให้มันเหมือนต้นฉบับที่สุด กลับบอกว่ามันห่วยซะงั้น
AWB เป็นโหมดที่จะใช้เซนเซอร์จับว่าแสงในห้องเป็นสีอะไรแล้วก็จะเพิ่มลดอุณหภูมิของสีในภาพเพื่อให้สีตรงกับแสงขาวครับ เช่น ถ้าห้องมีแสงฟูลออเรสเซนถ้าไม่เปิด AWB ถ่ายออกมาสีที่ได้มันจะเป็นโทนเย็น ออกอมฟ้าครับ แต่ถ้าเปิด AWB ก็จะไปเพิ่มอุณหภูมิของทุกสีในภาพขึ้น เพื่อให้ใกล้เคียงกับสีที่อยู่ในแสงขาว
สรุป AWB ไม่ได้ทำให้สีเป็นตามจริงแต่เป็นการปรับแต่งเวลาเราต้องการให้ภาพที่ได้เหมือนอยู่ในแสงขาว ไม่ว่าแสงในห้องเป็นสีโทนไหน AWB ที่ดีต้องทำออกมาให้ขาวครับ ไม่งั้นก็ต้องไปกดเองก่อนถ่ายว่าแสงในห้องเป็นสีอะไร ซึ่งมันก็น่ารำคาญถ้า AWB มันห่วยอ่ะครับ
เข้าใจอะไรผิดรึป่าวครับ @centino
ไม่เข้าใจอะไรผิดครับ ผมถ่ายรูปมาหลายปี รับงานถ่ายรูปด้วย
ผมถึงกล้าบอกไงว่าคนไม่เข้าใจคือคนไม่รู้เรื่องการถ่ายรูป
Auto White Balance จะปรับอุณหภูมิสีให้เข้ากับแสงขาวเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับโหมดอื่นๆของกล้อง
เราว่ากันด้วยเรื่องของอุณหภูมิสีเท่านั้น
แต่กล้องมันจะทำให้สีขาวเกินไปหรือยังติดสีอื่นๆตามแสงจริงมาบ้างก็เป็นที่กล้องครับ
ขนาดกล้องโปรหลายๆตัวก็ยังทำให้สีวัตถุตรงมากไม่ได้ AWB เพี้ยนไปบ้างก็มีเยอะแยะ
แต่ไม่แย่ขนาด ถ่ายไฟเหลืองก็ออกมาเหลืองขนาดนั้น
กล้องโปรที่ว่า พูดถึงในราคาระดับ 4-50000 ก็ยังเป็น
ส่วน White Balance ตามปกติ เราสามารถปรับเองได้ตามใจ ถ้ากล้องมีให้ปรับ
เราจะเอาแสงแบบไหนก็ได้ อยากได้แสงสมจริงกับที่เห็น เราก็ปรับเองได้
แต่ตามมาตรฐานผู้ผลิตกล้องทั่วโลก AWB ต้องเทียบกับแสงขาวเท่านั้น
ละเอียดยิบ สุดยอดมากครับ !!
https://www.youtube.com/watch?v=GroJ3LBKnvw
เทสสั่น
Galaxy S6 edge vs iPhone 6 Plus: Optical stabilization comparison
โอ้โห iPhone 6+ นี่เด้งเหมือนไม่มี OIS เลย
S6 Edge เป็น Samsung รุ่นแรกที่ทำให้ผมหวั่นไหวได้ หุหุ วางขายพร้อมๆHTC M9 นี่เครียดเลย HTC นี่รักมานาน เครียร์ยอดบัตรรอ2รุ่นนี้เลยตอนนี้ 55+ ใครขายก่อนชนะ เอาตังค์ผมไปเลย
น่าสนใจครับ
ชอบใจตรงลำโพงเนี่ยแหละ ดังสขึ้นกว่ารุ่นที่แล้วผิดหูผิดตา