สวัสดีเพื่อนสมาชิก Droidsans ทุกท่านครับ วันนี้ผมขออนุญาตนำเสนอพรีวิว Samsung Galaxy Tab S แท็บเล็ตพรีเมียม Android ซีรีย์ใหม่ของ Samsung โดย Galaxy Tab S นั้นมี 2 รุ่นตามขนาดหน้าจอคือ 8.4 นิ้วและ 10.5 นิ้ว สำหรับเครื่องที่ได้มาพรีวิววันนี้เป็นรุ่น 8.4 นิ้วสีขาวมุก วางจำหน่ายแล้วด้วยสนนราคา 16,900 บาท จุดเด่นของ Samsung Galaxy Tab S คือเป็นแท็บเล็ตที่ใช้หน้าจอ Super AMOLED ความละเอียดระดับ 2K ภาพคมชัดสีสันสดใส และตัวเครื่องที่บางเฉียบน้ำหนักเบา ดูสมกับเป็น “แท็บเล็ตพรีเมียม” ตามที่ Samsung อ้างมา โดย Galaxy Tab S ถือเป็นแท็บเล็ตรุ่นที่ 2 ที่ใช้จอ Super AMOLED ถัดจาก Galaxy Tab 7.7 เมื่อปีมะโว้ที่ผ่านมาครับ

สำหรับ Samsung Galaxy Tab S ตัวนี้ทาง mod @octopatr ได้ทำการ แกะกล่องและลองจับ กันไปแล้วคร่าวๆ ส่วนผมก็รับไม้ต่อมาพรีวิวรายละเอียดเพิ่มเติมของแท็บเล็ตรุ่นนี้ให้เพื่อนสมาชิกทุกท่านได้อ่านกัน ดังนั้นผมจะขออนุญาตข้ามส่วนของการแกะกล่องและอุปกรณ์ที่มากับเครื่องไปเลยนะครับ ใครสนใจส่วนนี้ก็ click ไปอ่านกันได้ที่ บทความนี้เลยครับ

คำเตือนรูปเยอะมาก โปรดระวัง FUP

เริ่มกันที่เรื่องสเปก…

สเปกของ Samsung Galaxy Tab S นั้นจัดว่าอยู่ในระดับแถวหน้าของแท็บเล็ต Android ที่มีอยู่ในตลาดทั้งหมดตอนนี้เลยทีเดียว คู่แข่งที่ใกล้เคียงก็มีเพียง Sony Xperia Z2 tablet เท่านั้น โดย Samsung Galaxy Tab S ใช้หน่วยประมวลผล Samsung Exynos 5420 octa-core และให้ RAM มากถึง 3GB ส่วนเครือข่ายที่รองรับก็หายห่วง มาครบทุกเครือข่ายของประเทศไทยรวมถึง 4G LTE อีกด้วย ลองมาดูรายละเอียดกัน

  • ชื่อและรหัสเครื่อง : Samsung Galaxy Tab S 8.4 (SM-T705)
  • สัดส่วน : 125.6 x 212.8 x 6.6 มิลลิเมตร
  • น้ำหนัก : 298 กรัม
  • หน้าจอ : Super AMOLED ขนาด 8.4 นิ้ว ความละเอียด 2K WQXGA 2560 x 1600 พิกเซล
  • เครือข่ายที่รองรับ :

o LTE : 800/900/1800/2600+850/2100

o 3G : HSPA+42.2 850/900/1900/2100

o 2G : GSM/EDGE/GPRS 850/900/1800/1900

  • SIM : รองรับ SIM เดียวแบบ Micro SIM
  • CPU : Samsung Exynos 5420 octa-core 1900 MHz แบ่งเป็น ARM Cortex-A15 4 core และ ARM Cortex-A7 4 core
  • GPU : Mali-T628 MP6
  • RAM : 3 GB
  • หน่วยความจำภายใน : 16 GB เพิ่ม MicroSD ได้ถึง 128GB
  • กล้องหน้า : 2.1 ล้านพิกเซล ถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียด Full HD 1080p
  • กล้องหลัง : 8 ล้านพิกเซล พร้อม AF และ LED flash ถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียด Full HD 1080p
  • แบตเตอรี่ : 4,900 mAh
  • OS : Android 4.4.2 KitKat มาพร้อม TouchWiz Magazine UX
  • NFC : ไม่มี
  • การเชื่อมต่ออื่นๆ :

o ระบบสแกนลายนิ้วมือ

o Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, MIMO

o WiFi Direct, BT4.0

o GPS, GLONASS, Beidou

o USB 2.0

o หูฟัง 3.5 มิลลิเมตร

 

งานออกแบบของ Samsung Galaxy Tab S

Samsung Galaxy Tab S นั้นเป็นแท็บเล็ตระดับพรีเมียมที่ Samsung ปรับเปลี่ยนงานออกแบบจาก Galaxy Tab แบบเดิมๆออกไป โดยจุดเด่นนั้นจะอยู่ที่ความบางเฉียบเพียง 6.6 นิ้ว มิลลิเมตร น้ำหนักเบาเพียง 298 กรัม และขอบจอที่บางทำให้ดูไม่หนาเทอะทะเหมือนกับ Galaxy Tab รุ่นอื่นๆ ส่วนกรอบของตัวเครื่องนั้นเป็นพลาสติกเคลือบสีทองเสริมความหรูหราขึ้นอีกเป็นกอง โดยลักษณะกรอบทองแบบนี้น่าจะได้แรงบันดาลใจมาจาก Samsung Galaxy Note 3 รุ่น Rose Gold ซึ่งต้องบอกว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกเพราะว่าทำให้เครื่องดูสมกับเป็นแท็บเล็ตพรีเมียมจริงๆ

มาว่ากันต่อเรื่องงานออกแบบฝาหลังของ Samsung Galaxy Tab S ที่ต้องบอกว่าเอาฝาหลัง Samsung Galaxy S5 มาขยายใหญ่เลยก็ว่าได้ แต่น่าประหลาดที่ด้านหลังของ Galaxy Tab S นั้นดูดีและลงตัวมากกว่าของ Galaxy S5 อาจจะเป็นเพราะลายจุดที่อยู่บน Galaxy Tab S นั้นห่างกว่าและตัวเครื่องก็ใหญ่กว่าดังรูปด้านบน แต่ความรู้สึกที่ได้สัมผัสนั้นเหมือนกันคือ แข็งแรงแต่ก็นุ่มมือไม่ลื่นหลุดจากมือได้ง่ายนัก คล้ายๆ หนังผสมกับฟองน้ำ

อีกสิ่งหนึ่งทำให้ Galaxy Tab S ดูดีกว่า Galaxy S5 คือ กรอบสีทองของ Tab S นั้นดูเป็นโลหะมากกว่ากรอบสีเงินของ S5 ตรงนี้ในความเห็นส่วนตัวผมถือว่า Samsung ปรับตัวจากเสียงวิจารณ์เรื่องงานออกแบบของ Galaxy S5 พอสมควร Galaxy Tab S จึงออกมาดูดีมากจนบางทีก็คิดว่านี่ไม่ใช่แท็บเล็ต Samsung ที่เราเคยรู้จักมาก่อนนะเนี่ย

ในส่วนของรอบๆตัวเครื่อง Galaxy Tab S นั้นถูกพูดถึงไปแล้วบทความ แกะกล่อง ลองจับ Samsung Galaxy Tab S 8.4 ของ @octopatr ดังนั้นผมจะขอข้ามในส่วนนี้ไปเลยละกันครับ 555

 

หน้าจอ Super AMOLED 2K…

หากไม่พูดถึงเรื่องนี้คงไม่ได้ จุดขายที่เป็นจุดแข็งอย่างหนึ่งของ Samsung Galaxy Tab S คือหน้าจอ Super AMOLED 2K ความละเอียด WQXGA 2560 x 1600 พิกเซล ที่ได้รับการยกย่องจากเว็บไซต์ DisplayMate ว่า เป็นหน้าจอที่ดีที่สุดของแท็บเล็ตในขณะนี้ โดยทาง DisplayMate บอกว่าหน้าจอ Super AMOLED ของ Galaxy Tab S นั้นทำคะแนนได้ดีที่สุดในเกือบทุกด้าน ทั้งเรื่องความแม่นยำของสี, แสงสะท้อน, ความสว่างของหน้าจอในมุมต่างๆ และ contrast ratio โดยเฉพาะในเรื่องความแม่นยำของสีที่เคยเป็นจุดอ่อนของจอ Super AMOLED ในความเห็นของใครหลายคน ทาง DisplayMate บอกว่า ในการทดสอบ Basic mode ของ Samsung Galaxy Tab S นั้นมีความแม่นยำของสีมากที่สุด มากกว่าแท็บเล็ตหรือสมาร์ทโฟนทั้งหมดที่เคยทดสอบมาเลยทีเดียว และจากการใช้งานจริงผมต้องบอกว่า “เห็นด้วยทุกประการ” ครับ ภาพที่ได้นั้นทั้งสว่าง, คมชัด, สีสันสวยงาม และสีดำนั้นดำสนิท ทำให้การดูภาพถ่าย 2D ธรรมดามีมิติความลึกตื้นขึ้นมาชัดเจน

ผมได้ลองเปรียบเทียบหน้าจอ Super AMOLED ของ Galaxy Tab S กับ Galaxy S5 ดูต้องบอกว่าเห็นความแตกต่างของสีพอสมควร โดยจากภาพผมจะใช้ Wallpaper สีฟ้าและ Widget อันเดียวกันเพื่อเปรียบเทียบสีของทั้ง 2 อุปกรณ์ ซึ่งพบว่า สีหน้าจอของ Galaxy S5 นั้นจะออกเขียวมากกว่า Galaxy Tab S ที่เห็นเป็นสีฟ้าชัดเจน ดังนั้นแสดงว่าหน้าจอ Super AMOLED ของ Galaxy Tab S นั้นได้รับการปรับปรุงจาก Galaxy S5 มาอีกขึ้นหนึ่งแล้ว

Samsung Galaxy Tab S นั้นมาพร้อมกับ Screen mode ใหม่ที่เรียกว่า “Adaptive Display” โดยเวลาเปิด mode นี้หน้าจอจะทำการปรับสว่างและความเข้มของสีอัตโนมัติตามการใช้งานของเรา เช่น ถ้าเรากำลังอ่าน e-Book หน้าจอจะปรับเป็นแบบที่เหมาะกับการอ่าน e-Book หรือถ้าเราดูหนัง หน้าจอก็จะเปลี่ยนสภาพไปให้เหมาะกับการดูหนัง แต่ Adaptive Display นั้นจะรองรับการทำงานบน 7 แอพต่อไปนี้เท่านั้นคือ Gallery, Camera, Internet, Video, e-Book (Google Playbook), VT Call และ TouchWiz UI โดยส่วนตัวแล้วผมชอบปิด Adaptive Display แล้วเลือกเป็น Basic mode มากกว่าเพราะบางครั้งก็มีการเร่งสีเกินความจำเป็นจนสีสันสดเกินจริงไปพอสมควร

 

ลำโพงสเตอริโอ

Samsung นั้นใส่ลำโพงสเตอริโอมาใน Galaxy Tab S ด้วย โดยตำแหน่งจะอยู่ด้านบนกับด้านล่างของแท็บเล็ตเมื่อเราถือในแนวตั้ง นั่นหมายความว่าถ้าเราต้องการประสบการณ์สเตอริโอที่แท้จริงนั้นต้องจับแท็บเล็ตให้อยู่ในแนวนอนครับ และตำแหน่งของลำโพงก็ไม่ได้อยู่ตรงกลางในแต่ละด้าน ดังนั้นเราต้องหมุนแท็บเล็ตไปในด้านที่มือเราไม่ไปบังลำโพงทั้งสองข้างด้วยครับ สำหรับคุณภาพเสียงของลำโพงนั้นต้องบอกว่ามีดีพอตัว เพราะเสียงทีได้มีความใสคมชัด เวลาเปิดเสียงดังมากๆ ลำโพงก็ไม่แตก สิ่งที่ขาดไปคือเสียงเบสที่ไม่ใช่ว่าไม่มีแต่มีน้อยไปหน่อย ทำให้เสียงขาดความทุ้มไปพอสมควร ฟังเพลงตึ้บอาจจะไม่มันส์แต่ก็พอกล้อมแกล้มได้ครับ แต่ถ้าฟังเพลง Classic ก็พอได้อยู่ ส่วนเวลาใช้เป็น Speakerphone นั้นเสียงเบาอย่างน่าประหลาด เข้าใจว่าเป็นปัญหาที่ Software น่าจะแก้ไขได้ครับ

 

ว่ากันด้วยเรื่อง Software …

ในส่วนของซอฟท์แวร์นั้นแน่นอนว่า Samsung Galaxy Tab S ต้องมาพร้อมกับ TouchWiz UI คู่บุญของอุปกรณ์ Samsung ซึ่งสำหรับคนที่เคยใช้สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตของ Samsung มาก่อนจะคุ้นเคยเป็นอย่างดี เพราะไม่มีอะไรเปลี่ยนไปมากนัก โดยมี Multi-Window และ Magazine UI เป็นตัวชูโรงสำหรับแท็บเล็ต ระบบปฏิบัติการณ์นั้นเป็น Android 4.4.2 KitKat เรียบร้อยและคงไม่พลาดที่จะได้ Android L ในอนาคต

 

Multi-Window

Multi-Window ถือเป็นฟีเจอร์ที่มีประโยชน์มากสำหรับการทำงานสองอย่างพร้อมกัน โดยเราสามารถเปิดแอพ 2 แอพพร้อมกันโดยการแบ่งครึ่งหน้าจอและสามารถ copy ข้อมูลข้ามไปมาระหว่างทั้งสองแอพได้เลย บางทีไม่ได้ใช้ทำงานเราก็ใช้ความสามารถนี้ในการเปิดดูข้อมูลสองอย่างพร้อมกันก็ได้ เช่น การเปิด Chrome เพื่อเล่นอินเตอร์เน็ตพร้อมกับเปิด Youtube ดูวิดีโอไปพร้อมๆกันก็ทำได้

สำหรับ App ที่รองรับการใช้งาน Multi-Window นั้นก็มีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน อย่างน้อย Line ก็ใช้บน Multi-Window ได้ละครับ

 

Magazine UI

Magazine UI นั้นเริ่มใช้มาตั้งแต่แท็บเล็ตซีรีย์ Galaxy NotePRO และ Galaxy TabPRO อยู่ทางด้านซ้ายของ TouchWiz Homescreen ไม่สามารถปิดได้ นอกจากจะเปลี่ยนไปใช้ Launcher อื่นเลย หน้าตาของ Magazine UI จะมีลักษณะเป็นหน้าจอที่ประกอบไปด้วย widget ที่เป็น กล่องสี่เหลี่ยม หรือ Tile โดยตัว Tile จะมีการปรับขนาดให้เหมาะสมกับหน้าจออัตโนมัติ ไม่ให้มีพื้นที่ว่างบนหน้าจอเวลาที่มีการเพิ่มหรือลด Tile ในหน้านั้น คล้ายกับของ Windows Phone

สำหรับ Tile ที่มีให้เลือกจะมีอยู่ 3 ประเภทคือ

  • News เป็น Tile ของ feed ข่าวสารและบทความประเภทต่างๆ เช่น ข่าวทางด้านธุรกิจ, กีฬา, การทำอาหาร และวิทยาศาสตร์กับเทคโนโลยี เป็นต้น โดยอาศัยดึงข้อมูลจาก Flipboard มาแสดง
  • Social เป็น Tile ที่จะดึง feed จาก Social Network ใน Flipboard ของเราเอง เช่น Google+, Linkedin และ Twitter
  • Applications เป็น Tile ที่ทำตัวเป็น widget เพื่อแสดงข้อมูลอย่างย่อของ App ที่มีอยู่ในเครื่อง เช่น Gallery, Email, S Planner และ Music

 

Samsung SideSync 3.0

Samsung Galaxy Tab S นั้นมาพร้อมกับ Samsung SideSync 3.0 ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่อัพเกรดจาก SideSync ตัวเดิมที่ทำได้เฉพาะการเชื่อมต่อระหว่างเครื่อง PC กับสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตของ Samsung เท่านั้น โดยในเวอร์ชัน 3.0 จะทำให้แท็บเล็ตของ Samsung สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนของ Samsung ได้โดยตรง พูดง่ายๆคือ เราสามารถควบคุมหน้าจอมือถือของ Samsung ผ่านทาง Galaxy Tab S ได้ โดยจะเป็นการเชื่อมต่อผ่านทาง Wi-Fi Direct เมื่อเชื่อมต่อสำเร็จแล้วเราจะเห็นรูปหน้าจอมือถือปรากฎขึ้นมาพร้อมให้เราควบคุมมือถือผ่านหน้าต่างเล็กๆนี้ได้เลย ดูแล้วคล้ายๆกับ Virtual Desktop บน Windows เลยครับ

สิ่งที่เราสามารถควบคุมมือถือผ่านทางแท็บเล็ตได้นั้นต้องบอกว่า “ทำได้ทุกอย่าง” ตั้งแต่การเล่นอินเตอร์เน็ต, ส่งข้อความ, เปิดแอพ และเล่นเกมส์ โดยถ้าต้องมีการป้อนข้อมูลด้วยการพิมพ์ก็จะมี Virtual Keyboard โผล่ขึ้นมาให้เราพิมพ์เข้าไปในหน้าจอมือถือได้ นอกจากนั้นยังสามารถ copy ข้อความจากแท็บเล็ตแล้วไปวางลงบนหน้าจอมือถือได้เลย สรุปคือเหมือนเราใช้มือถือผ่านทางแท็บเล็ตอีกที ง่ายและสะดวกมากๆ สำหรับคนที่ใช้ทั้งสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตของ Samsung นะครับ ถ้าเรายังไม่อยากใช้โทรศัพท์ก็หด (minimize) หน้าจอเก็บไว้ก่อน หรืออยากเปิดเต็มจอก็ maximize ได้เลย

ความสามารถหนึ่งที่ผมว่า เด็ดสุดๆ ของ SideSync 3.0 คือการรับสายและโทรออกของมือถือสามารถทำผ่าน Galaxy Tab S ได้เลย โดยเครื่องจะทำการโอนสายมาแท็บเล็ตให้อัตโนมัติ ยกตัวอย่างเช่น สมมติว่าเราเสียบชาร์จมือถือไว้ที่โต๊ะ และกำลังเล่น Galaxy Tab S บนเตียงอยู่ ปรากฎว่ามีคนโทรเข้ามาที่มือถือของเรา SideSync จะทำการโอนสายเข้าตัวแท็บเล็ตอัตโนมัติ แล้วเครื่องแท็บเล็ตเราจะดังเหมือนมีคนโทรเข้า เราก็กดรับสายและคุยผ่านแท็บเล็ตได้เลย ง่ายๆกันอย่างนี้แหละ สะดวกมากๆครับ

ตอนนี้ Samsung SideSync 3.0 นั้นรองรับบน Galaxy Note 3, Galaxy S5, Galaxy S4, Galaxy NotePro (12.2), Galaxy TabPro (8.4/10.1/12.2), Galaxy Tab 4 (8.0/10.1) และ Galaxy Tab S (8.4/10.5) ส่วนความสามารถในการรับสายและโทรออกผ่านแท็บเล็ตนั้นตอนนี้ยังใช้ได้แค่ Galaxy S5 รุ่นเดียวก่อน แล้วจะมีอัพเดตเพิ่มรุ่นอื่นๆในอนาคตครับ

 

กล้องและภาพถ่าย…

 

กล้องหลัง ของ Galaxy Tab S นั้นถ่ายภาพนิ่งได้ที่ความละเอียดสูงสุด 8 ล้านพิกเซลสัดส่วนแบบ 4:3 และสามารถถ่ายแบบมุมกว้าง (wide) ได้ที่ความละเอียด 6 ล้านพิกเซลสัดส่วนเป็น 16:9 เซ็นเซอร์เป็นของ Samsung เอง ค่า Aperture ของเลนส์อยู่ที่ F2.4 ภาพถ่ายที่ได้จากเจ้า Galaxy Tab S นั้นถือว่าดีครับ UI ของกล้องจะเหมือนกับ Galaxy S5 การ Focus ทำได้รวดเร็วถ้ามีแสงเพียงพอ ถ้าแสงน้อย focus จะช้านิดหน่อย ภาพจะเบลอง่าย สำหรับแอพ Camera มีโหมดถ่ายรูปให้เล่นหลายแบบไม่ว่าจะเป็น

  • Auto : เป็นโหมด default ถ่ายเลยไม่ต้องคิดอะไรมาก
  • Beauty face : ถ่ายแล้วหน้าขาวเนียน ปรับระดับความเนียนได้ตามต้องการ
  • Shot & more : ถ่ายภาพแบบต่อเนื่องแล้วค่อยไปทำการเลือก mode ย่อยเป็น Panning host, Eraser, Drama shot, Best face หรือ Best photo อีกทีครับ
  • Panorama : ถ่ายแบบพาโนรามา
  • Rich tone (HDR) : ถ่ายหลายๆสภาพแสง แล้วนำภาพมารวมกัน
  • Dual camera : ถ่ายภาพด้วยกล้องหลังและกล้องหน้าพร้อมกัน

ลองมาดูตัวอย่างภาพถ่ายของ Galaxy Tab S กันครับ ทุกภาพแค่ผ่านการ resize มาอย่างเดียวเท่านั้น ส่วนอัลบั้มเต็มตามไปดูได้ที่ Google+ เลยครับ คลิกที่นี่

ภาพกลางวัน

 


ภาพกลางคืน


สำหรับการถ่ายวิดีโอสามารถได้ที่ความละเอียดสูงสุด Full HD 1080p และ framerate ที่ 30 fps ภาพวิดีโอที่ได้ถือว่าชัดและเสียงที่อัดมาได้ก็ถือว่าอยู่ในขั้นชัดเจนดี การถ่ายวิดีโอสามารถ Pause กลางทางแล้วถ่ายต่อได้ ไม่ต้อง Stop ทุกครั้ง มาดูตัวอย่างวิดีโอครับ

Play video

Play video

 

กล้องหน้านั้นมีความละเอียด 2.1 ล้านพิกเซลใช้เซนเซอร์ของ Samsung คุณภาพของภาพถ่ายก็ถือว่าตามมาตรฐานไม่มีอะไรพิเศษ แต่จะ default ไว้ที่ Beauty mode ให้เลย ดังนั้นขา Selfie น่าจะชอบ หน้าขาวจั๊วะเนียนกริ๊บ แถมเวลายกมาถ่ายหน้าตัวเองนี่ใหญ่มากชัดมาก ภาพตัวอย่างก็ตามด้านล่างเลยครับ ขออภัยที่ต้องเป็นหน้าคนรีวิว อาจจะไม่น่าดูสักเท่าไหร่ -/-

    

 

สมรรถภาพและความอึด

จากการวัดประสิทธิภาพของตัวเครื่องด้วย App ยอดนิยมอย่าง Antutu, Quadrant และ 3D Marks ได้ผลออกมาดังภาพ

จากผลคะแนนที่ได้ออกมาจากทั้ง 3 แอพคือ Antutu=33884, Quadrant=21080 และ 3DMark=13074 ต้องบอกว่าประสิทธิภาพของ Samsung Galaxy Tab S นั้นอยู่ในระดับ High-end จากการทดลองใช้งานมา 4-5 วันก็พบว่าลื่นไหล รวดเร็วดี การใช้งานทั่วไปไม่พบอาการสะดุดหรือกระตุกแต่อย่างใด จะมีก็แต่อาการหน่วงเล็กน้อยที่เป็นลายเซ็นต์ของ TouchWiz ไปซะแล้ว เพราะกินทรัพยากรเครื่องไปค่อนข้างเยอะ ซึ่งถ้าใครรับไม่ได้ก็ลองเปลี่ยน Launcher ได้ครับ ถ้ามองตามรูปแบบการใช้งานต้องบอกว่าเกินพอสำหรับการใช้งานทั่วไป ส่วนการเล่นเกมส์ก็เล่นได้สบายๆ ถึงแม้เกมส์ 3D Texture หนักๆ ก็ไม่หวั่นครับ

 

มาในส่วนของแบตเตอรี่นั้น ขอบอกว่าประทับใจมากเพราะสามารถใช้งานได้ 1 วันกว่าๆแบบสบายๆ มีการใช้งานทั้งวัน โดยเป็นการใช้งานทั่วไปคือ Social, ถ่ายรูป และ ฟังเพลง ก่อนจะเสียบชาร์จก่อนนอนพบว่าแบตก็ยังเหลืออยู่ที่ถึง 47% ต้องขอบคุณแบตเตอรี่ขนาด 4,900 mAh ที่มีให้ใช้งานอย่างเกินพอ

 

สรุปข้อดีและข้อเสีย…

ข้อดี

  • หน้าจอเทพมาก สวยมาก
  • ประสิทธิภาพดีมากในแง่แท็บเล็ต
  • งานออกแบบพรีเมียม
  • เครื่องบางและเบา
  • แบตเตอรี่อึดหายห่วง
  • ภาพถ่ายคมชัด
  • ลำโพงเสียงดี
  • Auto Brightness ฉลาดขึ้น ใช้ตอนมืดไม่แสบตาแล้ว

ข้อเสีย

  • TouchWiz กินทรัพยากรเครื่องค่อนข้างมาก
  • Speakerphone เสียงค่อนข้างเบา
  • ภาพถ่ายตอนกลางคืนไม่แจ่ม
  • Adaptive Display ทำงานเพี้ยนบางครั้ง


สรุปส่งท้าย…

Samsung Galaxy Tab S เป็นแท็บเล็ตซีรีย์ใหม่ที่ Samsung ตั้งใจจับตลาดแท็บเล็ตพรีเมียมที่ตอนนี้คู่แข่งน้อยมาก มองกันจริงๆ แท็บเล็ต Android ด้วยกันก็มีเพียง Sony Xperia Z2 tablet เท่านั้นที่พอจะสูสี Samsung จึงหวังที่จะยึดหัวหาดฝั่ง Android High-end tablet ให้ได้ ส่วน iPad นั้นคงจะสู้ด้วยยากเพราะจุดอ่อนจุดใหญ่แท็บเล็ต Android ทั้งหมดทั้งมวลคือ App และ Content ที่รองรับหน้าจอแท็บเล็ตจริงๆนั้นยังมีน้อยอยู่ และน้อยมานานแล้ว แต่สำหรับสาวก Android ที่ต้องการแท็บเล็ตดีๆ สมราคาสักตัวหนึ่ง Samsung Galaxy Tab S ไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอน ด้วยสเปกที่จัดว่าครบครันและสูงสุดในหมู่ Android tablet ด้วยกัน ผมว่ามันไม่ใช่การตัดสินใจที่ยากเลย อีกทั้งเรื่องการรองรับเครือข่ายในประเทศไทยก็ครบทุกคลื่นความถี่ทั้ง 2G และ 3G ยิงยาวไปจนถึง 4G LTE ที่โดนเลื่อนประมูลไปปีหน้าก็ยังใช้ได้แน่นอน

สำหรับสาวกของ Samsung Galaxy Tab 7.7 ทุกท่าน หากคิดจะเปลี่ยนไม่ต้องรอช้า Tab S 8.4 นี้หนาที่ทุกท่านรอคอย ซื้อได้เลยไม่เสียใจแน่ครับ

Samsung Galaxy Tab S 8.4 จะมีวางจำหน่ายด้วยกัน 2 สีคือ สีขาวมุก (Dazzling White) และ สีบรอนซ์ไทเทเนียม (Titanium Bronze) ราคา 16,900 บาท ส่วนรุ่น 10.5 มี 2 สีเช่นกัน ราคา 19,900 บาท ท่านที่สนใจไปลองจับดูตามร้านมือถือได้แล้ว แนะนำว่าเปิด Video ที่แถมมาในเครื่องดู จะเห็นศักยภาพที่แท้จริงของหน้าจอ Super AMOLED 2K นะครับ สำหรับพรีวิวขอจบลงเพียงเท่านี้ เจอกันใหม่โอกาสหน้าครับ